วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

After School ตอนที่ 24

ตอนที่ 24

หลังจากเหตุการณ์แสนเศร้าผ่านไป ยุนนาก็เหมือนคนไร้วิญญาณ เธอเอาแต่นั่งเหม่อลอยและดื่มเหล้าเมามายทุกวัน

“นายยังคิดว่านายทำถูกอยู่รึเปล่า” อีซานเอ่ยถามขณะมองร่างไร้สติของยุนนาที่หลับเพราะฤทธิ์เหล้า

“จะทำงานใหญ่ มันต้องใจแข็ง ฉันเชื่อว่ายัยนี่จะผ่านมันไปได้” มงโดตอบ อีซานได้แต่ส่ายหน้าให้กับความดื้อรั้นของเขา
แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้เดือนกว่า จนใกล้เข้าสู่พิธีจบการศึกษาของโรงเรียนศิลปะ ยุนนาก็มีสภาพดีขึ้นมาก ตอนนี้เธอไม่กินเหล้าเมามายเหมือนก่อนแล้ว แต่หันมาทุ่มเทให้กับการศึกษาภาษาอิตาเลียนเพื่อเตรียมตัวไปเรียนที่โดมุส หากแต่ก็มีเหม่อลอยบ้างเป็นบางครั้งเมื่อหวนคิดถึงอดีต

“เป็นไงเรา ขยันจังนะ น่าอิจฉาจังจะได้ไปอิตาลีแน่ะ” ยุนโฮแซวขณะที่น้องสาวกำลังอ่านหนังสืออย่างจริงจังอยู่

“ไม่เอาน่าพี่ยุนโฮ ไปเรียนไกลขนาดนั้นไม่เห็นดีเลย แบบนี้ฉันก็คิดถึงพี่ตายเลย” ยุนนาพูดอ้อนพลางเข้าไปกอดพี่ชาย

“ให้มันจริงเถอะ พี่กลัวว่าพอเจอเพื่อนใหม่ที่โน่น แล้วจะลืมพี่กับพ่อแม่น่ะสิ” ยุนโฮพูดใส่

“ไม่มีทาง ใครจะลืมครอบครัวตัวเองได้ล่ะ” ยุนนายืนยันและกอดพี่ชายแสนรักอีกครั้ง ก่อนที่ทั้งคู่จะหยอกล้อเล่นหัวกันอีกยกใหญ่


ในที่สุดก็ถึงพิธีจบการศึกษาของโรงเรียนศิลปะ วันนี้มีผู้คนมากมายมาร่วมงาน โดยส่วนมากก็เป็นครอบครัวหรือคนรู้จักกับนักเรียนที่จบการศึกษาในปีนี้ ยุนนาถูกเลือกให้เป็นนักเรียนดีเด่นและขึ้นกล่าวคำอำลา ครอบครัวของเธอภูมิใจมาก รวมทั้งมงโดอาจารย์สุดแสบที่เข็นลูกลิงอย่างเธอจนได้ดี เมื่อเธอกล่าวเสร็จเขามีอาการเหมือนจะร้องไห้ อีซานที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้แต่กลั้นหัวเราะเอาไว้
หลังจบพิธีนักเรียนคนอื่นๆต่างออกมายังสนามกลางโรงเรียน เพื่อถ่ายรูปกับครอบครัวเป็นที่ระลึก เช่นเดียวกับครอบครัวซิน แต่ในระหว่างที่ถ่ายรูปอยู่นั้นยุนนาก็เหลือบไปเห็นเงาคุ้นตาของใครคนหนึ่งซ่อนอยู่หลังต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเธอนัก หากแต่เมื่อเธอจ้องมองอย่างตั้งใจร่างนั้นกลับหายไป

“ยุนนามาเร็ว” ยุนโฮร้องเรียกให้น้องสาวเข้ามาถ่ายรูปหมู่กับเพื่อนๆ

“คงไม่ใช่หรอกมั้ง” ยุนนาพึมพำกับตัวเอง เธอคิดว่าร่างนั้นอาจจะเป็นจองอา แต่ด้วยประการทั้งปวงก็ทำให้เธอไม่เชื่อว่าจะเป็นหล่อนไปได้ จึงกลับมาแอ็คท่าถ่ายรูปเหมือนเดิม
ร่างบางที่หายไปในพริบตาตอนนี้กำลังเร่งฝีเท้าเข้าไปหลังตึกเพื่อหลบสายตาคมของคนตาไว เมื่อแน่ใจว่าพ้นแล้วจึงหยุดยืนหายใจหอบ หัวใจเธอเต้นระรัว หลายเดือนแล้วที่เธอไม่ได้เห็นยุนนาเลย ไม่คิดเลยว่าเพียงแค่แอบมองอยู่ห่างๆ ก็สามารถทำให้ใจเธอหวั่นไหวได้ถึงเพียงนี้

“ไม่คิดว่าเธอจะมานะ” เสียงทุ้มของชายคนหนึ่งดังขึ้น จองอาถึงกับสะดุ้งตกใจ เธอรีบหันกลับไปมองต้นเสียง เป็นมงโดนั่นเองที่เดินตามเธอมา

“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เธอไม่เห็นฉันหรอก” จองอากล่าว

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่” มงโดตอบ

“ฉันอยากขอบใจเธอนะ ที่เธอทำน่ะ มันมีค่ามากต่อยุนนา ถ้ายังไงให้ฉันออกค่าเทอมเรียนมหาลัยให้ไหมล่ะ เธอเองก็คงอยากจะเรียนต่อสินะ ไอ้เงินทำงานร้านโจ๊กกระจอกๆแบบนั้น แค่ค่าที่พักก็ยังไม่พอเลย” มงโดเสนอแต่ก็แฝงไว้ด้วยการประชดประชัน

“ขอบคุณค่ะ แต่ถ้าต้องรับเงินจากคุณ ฉันไม่เรียนดีกว่า” จองอาตอบเสียงเรียบ มงโดถึงกับยิ้มให้ความทระนงของเธอ

“แต่ถ้าจะกรุณา ช่วยเอาผ้าพันคอผืนนี้ให้เขาได้ไหมคะ” จองอาพูดเสียงอ้อนวอน พลางส่งห่อกระดาษให้มงโด เขารับมาเปิดดูก็พบผ้าพันคอลายดอกไม้สีน่ารัก เขาเลิกคิ้วขึ้นเมื่อพิจารณาแล้ว

“ยัยนั่นคงไม่เชื่อหรอกนะว่าเป็นของฉัน” มงโดกล่าว

“คุณก็บอกว่าได้มาจากไหนก็ได้นี่คะ ได้โปรดเถอะค่ะ” จองอาอ้อนวอน เขานิ่งไปสักพักจึงพับผ้าพันคอเข้าห่อตามเดิม

“ได้” เขาพยักหน้ารับ

“ขอบคุณค่ะ” เธอโค้งขอบคุณอย่างดีใจ ก่อนจะเดินจากไป แม้ว่างานเธอจะยุ่งมากก็ตาม แต่ก็ยังเจียดเวลามาเพื่อแอบดูคนรักในวันที่น่ายินดี ตอนนี้เธอเลิกทำงานเป็นโฮสเตสแล้ว เธอเปลี่ยนมาทำงานในร้านโจ๊กตอนกลางวันและร้านสะดวกซื้อในตอนกลางคืน ถึงแม้ว่างานจะหนักและได้เงินน้อย แต่นั่นก็เพียงพอสำหรับเธอในตอนนี้ เพราะเธอเรียนจบแล้วจึงหมดภาระในการจ่ายค่าเทอมเซ้นมาเรียน่าที่แสนแพง และด้วยความสามารถทางดนตรีของเธอทำให้เธอได้ทุนเรียนที่มหาลัยดนตรีชั้นนำของเกาหลี แม้จะพูดได้ว่าตอนนี้เธอมีความสุขดีกับชีวิตที่เป็นอยู่ แต่คงพูดได้ไม่เต็มปากนักเพราะในเมื่อความสุขของเธอคือยุนนา หากไม่มียุนนาแล้วแม้ชีวิตจะราบเรียบหรือหรูหรา เธอย่อมไม่สามารถรู้สึกอะไรได้นอกจากความอ้างว้าง


หลายวันหลังจากพิธีจบการศึกษาก็ถึงเวลาที่ยุนนาจะเดินทาง

“นี่เธอจะหอบอะไรไปนักหนา จะย้ายบ้านหรอ” มงโดบ่นอุบเมื่อเห็นยุนนาจัดของใส่กระเป๋าไม่เสร็จสักที

“นี่ของจำเป็นทั้งนั้นเลยนะจารย์ ดูดิ ลูกอม หมากฝรั่ง ป๊อกกี้ มันฝรั่งทอด ฯลฯ” ยุนนาพรรณนารายการอาหารยืดยาว

“นี่มันของกินทั้งนั้นเลยนี่ เธอจะเปิดร้านขนมรึไง จะหอบไปทำไมเยอะแยะที่นั่นก็มี” มงโดเอ็ดใส่

“แต่มันไม่เหมือนกันนี่ นี่ของเกาหลีนะจารย์” ยุนนาให้เหตุผลข้างๆคูๆ

“พอเลยๆ เดี๋ยวก็ตกเครื่องกันพอดีรีบไปแต่งตัวได้แล้ว” มงโดบอกพลางผลักร่างยุนนาเข้าห้องน้ำไป ก่อนที่เขาจะควักห่อกระดาษออกมาจากกระเป๋าที่หิ้วมา และนำมันยัดใส่กระเป๋าเดินทางของยุนนา


เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ทุกคนจึงมุ่งหน้าไปที่สนามบิน

“เอานี่ลูก พกติดตัวไว้ตลอดนะ” คุณนายซินยื่นเครื่องรางให้ลูกสาว

“อะไรเนี่ยแม่” ยุนนาร้องทัก

“เอาน่าๆ” เธอยัดมันใส่กระเป๋าเสื้อลูกสาว ยุนนาได้แต่ส่ายหน้าอย่างจำยอม

“เอานี่ ของพ่อ” พ่อยุนนาพูดขึ้นพร้อมยื่นบัตรเครดิตให้เธอ ยุนนาถึงกับตาโต

“โห...พ่อ” เธอรับมาอย่างดีใจ

“ใช้ได้แค่ ร้อยยูโรต่อเดือนเท่านั้นล่ะ พ่อทำลิมิตไว้แล้ว” ยุนนาหุบยิ้มแทบไม่ทัน

“หรือจะไม่เอา” เขาทำท่าจะเอาคืน ยุนนาจึงรีบเก็บเข้ากระเป๋าทันที

“เอาจ๊ะๆ แหมๆ พ่อหนูนี่...ใจดีที่สุดเลย” ยุนนากัดฟันพูดแต่ก็เข้าไปกอดพ่ออย่างออดอ้อน ก่อนที่ยุนโฮจะเดินเข้ามา

“เอ้า...นี่ เอาไว้ดูเวลาคิดถึง” ยุนโฮยื่นกรอบรูปที่เขาทำเองกับมือให้ รูปข้างในคือภาพครอบครัวซินที่ถ่ายในวันจบการศึกษา เธอรับมันด้วยรอยยิ้มก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายอย่างแสนรัก เขาตบหลังเธอเป็นการตอบรับ

“ตั้งใจเรียนล่ะ” เขาฝากฝัง เธอถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทุกคนเลยเดินเข้ามาลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดู

“อะไรกัน จะไปอยู่แล้วเพิ่งมาร้อง” คุณนายซินพูดแซว ก่อนที่อีซานจะยื่นชุดดินสอสีให้ยุนนา

“พี่ก็ไม่รู้จะซื้ออะไรให้นะ....เอาไปฝึกระบายสีแล้วกัน” เขาพูดอย่างอายๆ เพราะมารู้จากมงโดที่หลังว่ายุนนาไม่ได้ใช้สีไม้ แถมยังโดนแซวอีกว่าจะเอาไปให้เด็กอนุบาลรึไง เขาจึงรู้สึกอายมากกับความทึ่มของตน แต่ยุนนาก็รับไว้แม้จะแอบหัวเราะเล็กๆ จากนั้นจึงหันไปมองมงโด

“อะไร? มองฉันทำไม” มงโดถามเสียงตื่น ยุนนาจึงแบมือรอรับของ

“ฮึ...อย่าฝันว่าคนอย่างฉันจะเปลืองเงินซื้อของให้เธอเลย” มงโดพูดอย่างสะใจ ยุนนาถึงกับทำหน้ามุ่ย แต่ทุกคนต่างหัวเราะให้กับศิษย์ซ่าอาจารย์แสบคู่นี้ ที่กัดกันจนวินาทีสุดท้าย เมื่อล่ำลากันเรียบร้อย ยุนนาก็เดินเข้าไปที่รับรองผู้โดยสาร ทุกคนต่างยืนรอจนเครื่องของเธอบินขึ้นฟ้าลับตาไป จึงแยกย้ายกันกลับ
ขณะเดียวกันหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเหม่อมองท้องฟ้ากว้างผ่านกระจกใสร้านโจ๊กที่ตนทำงานอยู่


“จองอาๆ ส่งของโต๊ะสิบด้วยจ๊ะ” เจ้าของร้านโจ๊กเรียก จึงทำให้เธอหลุดจากภวังค์และกลับมาทำงานอย่างขยันขันแข็งต่อ ความจริงนั้นเธออยากไปส่งยุนนาใจจะขาด แต่ก็กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ไหวแล้วโผล่ออกไปรั้งคนรักไว้ ถ้าเป็นเช่นนั้นที่ผ่านมาคงเป็นเรื่องเสียเปล่า และคงทำลายอนาคตคนรักเธอด้วย แต่ถึงแม้จะไม่ได้ไปส่ง ใจของเธอก็คิดถึงคนที่จากไปอยู่ทุกวินาที และภาวนาให้เดินทางอย่างปลอดภัย


เมื่อมาถึงอิตาลียุนนาตื่นตากับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยจนมาถึงหอพักมหาลัย ยุนนาทักทายเพื่อนใหม่และเพื่อนร่วมห้อง ทุกคนต่างต้อนรับเธออย่างดี ทำให้ยุนนาใจชื้นขึ้นเยอะและคิดว่าคงเข้ากันได้ดีกับทุกๆคน จากนั้นเธอจึงนำของออกจากกระเป๋า เมื่อเปิดกระเป๋าเดินทางออกก็พบห่อกระดาษน่าสงสัยห่อหนึ่ง ซึ่งเธอจำได้ดีว่าไม่ได้เอามันใส่กระเป๋ามาแน่ๆ

“อะไรเนี่ย” ยุนนาหยิบมันขึ้นมาพิจารณา ก่อนจะค่อยๆเปิดห่ออย่างหวาดๆ ในใจก็คิดว่า “จารย์แน่ๆ มีอะไรอยู่ในนี้วะ มันจะกัดเปล่าอ่ะ” เธอค่อยๆลวงมือเข้าไปหยิบสิ่งของข้างใน แต่ก็ต้องตกใจเมื่อมือไปโดนเข้ากับผ้านุ่มๆ เธอจึงรีบหยิบมันออกมาดู มันคือผ้าพันคอลายดอกไม้สีหวานแหวว ยุนนาขมวดคิ้วทันทีที่เห็นมัน ก่อนจะลวงเข้าไปในห่อกระดาษอีกครั้งก็พบกระดาษแผ่นหนึ่ง

“ฉันมีหลายเรื่องที่จะสารภาพ ฉันเองที่บอกจองอาให้เลิกยุ่งเกี่ยวกับเธอ ทั้งที่ความจริงแล้ว หล่อนรักเธอมาก แม้แต่ฉันเองก็เพิ่งประจัก หล่อนไม่ได้มีใครใหม่หรอก และเลิกทำอาชีพนั้นแล้วด้วย แม้ฉันจะเสนอความช่วยเหลือ แต่หล่อนก็ไม่รับ นั่นอาจเป็นเพราะตัวฉันเอง และความหยิ่งในศักดิ์ศรีของหล่อน ผู้หญิงที่เธอรักนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ และแม้ว่าสิ่งที่ฉันทำไปทั้งหมด เธอคงจะไม่เห็นด้วย แต่จงรู้ไว้เถอะว่าฉันทำไปก็เพื่อตัวเธอ เธอช่างโชคดีที่ได้รับความรักและความปรารถนาดีมากมายจากคนรอบกาย เพราะฉะนั้น ได้โปรด อย่าทำให้สิ่งที่พวกเขาทำเพื่อเธอนั้นสูญเปล่าเลย
ปล. ผ้าพันคอผืนนี้ จองอาทำให้เธอ ใช้มันอย่างถนอมล่ะ และจงรู้ไว้ด้วยว่า คนที่เธอรัก เขาก็รักเธอเช่นกัน และกำลังพยายามไปพร้อมๆกับเธออยู่ หากความรักของพวกเธอคือรักแท้ มันย่อมไม่จางหายไปตามกาลเวลาหรอก” มงโดเขียน
ยุนนาน้ำตาล่วงพราวก่อนจะหยิบผ้าพันคอขึ้นมาสูดดมและกอดไว้อย่างสุดรัก พลางคิดคำนึงถึงดวงใจที่อยู่แสนไกล นี่จองอาทำเพื่อเธอขนาดนี้เชียวหรือ มันจะเจ็บปวดเพียงใดหากต้องทำร้ายคนที่รักมาก ยุนนาไม่สามารถจินตนาการถึงความเจ็บปวดของจองอาได้

“รอฉันหน่อยนะจองอา ฉันจะกลับไปหาเธอ” ยุนนากล่าวกับตัวเองด้วยสายตามาดมั่น

เพราะรักที่มีต่อกันอย่างลึกซึ้งหรือเป็นเพียงความอุปทาน ทำให้จองอาที่ตอนนี้พักเที่ยงออกมานั่งพักผ่อนอยู่หลังร้านรู้สึกอบอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เธอเอื้อมมือไปจับจี้ผีเสื้อที่ใส่ติดตัวตลอด เหมือนดั่งความรักของยุนนานั้นลอยมาตามลม สายลมที่ปะทะใบหน้านวลจึงเหมือนสัมผัสที่คนรักฝากมาให้ เธอหลับตาพริ้มสูดเอาสายลมแห่งรักเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะเดินกลับเข้าร้านโจ๊กไปทำงานตามเดิม พอดีกับลูกค้ากลุ่มหนึ่งเดินเข้าร้านมา จองอาที่กำลังเช็ดโต๊ะอยู่จึงเงยหน้าทักทายลูกค้า

“ยินดีต้อนรับค่ะ....” เธอถึงกับอึ้งเมื่อพบว่าลูกค้ากลุ่มนี้คือครอบครัวซิน

“ลูกแน่ใจหรอว่าร้านนี้ใช่ที่อาจารย์คิมบอก” คุณนายซินเอ่ยถามลูกชาย

“ครับแม่ ร้านนี้แน่นอนครับ” ยุนโฮตอบผู้เป็นแม่อย่างหนักแน่นเพราะเมื่อเขาเห็นจองอาก็มั่นใจได้ทันที

“เอาน่าๆ จะใช่หรือไม่ใช่ก็ช่างเถอะ หิวจะแย่แล้ว” คุณซินผู้พ่อแย้งขึ้น ทั้งสามจึงนั่งลงยังโต๊ะใกล้ๆ ก่อนที่เจ้าของร้านจะมองเห็นอาการยืนแข็งทือของจองอา

“เอ้า จองอา ไปรับออเดอร์สิ” เธอสั่ง จองอาจึงเดินเข้าไปที่โต๊ะครอบครัวซินอย่างเก้ๆกังๆ

“..ระ...รับอะไรดีค่ะ” เธอกล่าวเสียงสั่นพลางก้มมองต่ำ ยุนโฮมองเธออย่างเอ็นดู

“อุ๊ยคุณ เด็กคนนี้หน้าตาน่ารักจัง” คุณนายซินหันไปกระซิบกับผู้เป็นสามี

“หนูชื่ออะไรจ๊ะ อายุเท่าไหร่เอ่ย” คุณนายซินถามอย่างเอ็นดู จองอาจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างตกใจ ก่อนจะตอบไปอย่างผิดๆถูกๆ

“เออ...อายุจองอาค่ะ ชื่อสิบแปด” เธอตอบ ครอบครัวซินถึงกับฮาแตกให้ความโก๊ะของเธอ แต่เจ้าตัวก็ยังไม่รู้ตัว ได้แต่ทำหน้างง

“งั้นพวกเราขอโจ๊กหมูสามที่นะ หนูสิบแปด” คุณซินสั่งอาหารอย่างอารมณ์ดี นั่นจึงทำให้จองอานึกได้ว่าตนพูดผิด เธอถึงกับอายหน้าแดงแต่ยิ่งสร้างความเอ็นดูให้แก่สองสามีภรรยา

“ต๊าย น่ารักจริงๆ นี่ถ้าลูกสาวป้าน่ารักแบบหนูก็ดีน่ะสิ” คุณนายซินพูดขึ้น จองอาก็ยังอายไม่เลิก เธอเลยรีบเดินเอาออเดอร์ไปให้เจ้าของร้าน ก่อนจะหลบเข้าหลังร้านไปนั่งอายอยู่คนเดียว ใจจริงอยากจะตอบกลับคุณนายซินว่า

“ลูกคุณป้าน่ารักอยู่แล้วค่ะ ถ้ามากกว่านี้หัวใจหนูคงรับไม่ไหว เพราะแค่นี้ก็รักจนล้นใจแล้ว” จองอาคิด แล้วก็นั่งหน้าแดงจนต้องเอามือขึ้นมาปิดหน้าอย่างเขินอาย

“มากินข้าวข้างนอกวันหยุดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ” คุณซินกล่าว

“นั่นสิ แบบนี้ต้องมาบ่อยๆนะคะคุณ นะยุนโฮ” คุณนายซินรีบสมทบ

“ครับแม่” ยุนโฮตอบเสียงใสด้วยใบหน้ายิ้มละมุน ก่อนที่จองอาจะยกโจ๊กมาเสริฟ ครอบครัวซินยังคงไต่ถามเธออย่างเอ็นดู
โดยมีชายคนหนึ่งแอบมองพวกเขาอยู่นอกร้าน

“ทำดีไถ่โทษหรอ” ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้น พลางเข้ามายืนเคียงข้าง

“เปล่าซักหน่อย ฉันแค่....ใช่ ทำดีไถ่โทษ” มงโดคิดจะพูดกลบเกลื่อน แต่ก็ต้องแพ้ใจตัวเอง เพราะเขาทำเพื่อไถ่โทษจริงๆ หลังจากประจักในความรักที่จองอาและยุนนามีต่อกัน มงโดจึงแนะนำครอบครัวซินให้มาทานอาหารที่ร้านนี้เพื่อหวังให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน และเขารู้ดีว่าครอบครัวซินนั้นต้องเอ็นดูจองอาอย่างแน่นอน
อีซานที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับตกใจ เมื่อคนดื้อรั้นอย่างมงโดยอมสารภาพแต่โดยดี เขาจึงส่งยิ้มอ่อนโยนให้เป็นรางวัลแก่โจรกลับใจ

“กลับกันเถอะ” มงโดเอ่ยขึ้นพลางมองสบตาอีซาน เขาจึงพยักหน้ารับและเดินตามมงโดที่นำไปก่อน อีซานรู้สึกหนาวเพราะอากาศด้านนอกนี้เย็นไม่ใช่เล่นแถมยังต้องมายืนแอบดูอยู่นานสองนาน เขาที่ใส่เสื้อเพียงสองชั้นจึงต้องยกมือทั้งสองขึ้นมาเป่าลมร้อนใส่ มงโดที่หันไปมองอาการคนข้างหลังก็ส่ายหน้า ก่อนจะเดินมาจับมืออีซานไปข้างหนึ่ง แล้วเอามันไปซุกไว้ในกระเป๋าเสื้อโค้ทของเขา อีซานตกใจกับการกระทำของมงโดรีบชักมือกลับ แต่ถูกอีกคนขืนข้อมือเอาไว้ มงโดกุมมืออีซานในกระเป๋าไว้แน่นพร้อมทั้งออกเดินต่อ อีซานได้แต่เดินตามอย่างขัดใจ หันหน้าที่ตอนนี้เริ่มแดงจนเห็นได้ชัดหนีคนหัวรั้น ในใจก็คิดว่า “ยอมให้วันหนึ่งแล้วกัน” (ตอนนี้ยอมแค่นี้ต่อไปยอมเท่าไหร่เนี่ย)







5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ24 สิงหาคม 2553 เวลา 22:13

    แวะมาเสียน้ำตา (สงสารจองอามักมากกกกกก)

    ยุนนา ใช้ผ้าพันคอดีๆนะคนทำเค้าตั้งใจทำให้น่ะ
    (คิดถึงคนทำมากมากนะ ^^)

    ลูกสะใภ้ได้เจอครอบครัวสามี ถึงขั้นประหม่าตอบผิดตอบถูกเลยหรือนี่ อิอิ

    มงโดกะอีซานนี่ก็ แอบวายอีกนิดตอนท้ายด้วย 5555555

    จาก ยีน...เด็กดื้อ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ25 สิงหาคม 2553 เวลา 08:12

    สงสารจองอา แม่นางเรียกน้ำตาข้าน้อยอีกแย้วววว

    แต่อีตามงโด ทำแค่นี้คิดว่าจะไถ่โทษได้รึ ฮึ่ม

    ถึงจะมีข้อความเขียนสารภาพ ถึงมันจะซึ้งก็เถอะ

    แต่การกระทำ ข้าน้อยยังไม่หายเกียจขี้หน้าหรอกน่ะ (ฝังหุ่นจิงเรา แหะๆ)

    ยุนนา รีบกลับมาไวไวน้า มาช้าเดี๋ยวมือจองอาด้านหมด

    แต่มือคนสวยด้านก็คงยังสวยเหมือนเดิมแหละ หึหึ


    ปล. ยามสานะคะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ26 สิงหาคม 2553 เวลา 00:19

    ผ้าพันคอผืนนี้ จองอาทำให้เธอ ใช้มันอย่างถนอมล่ะ และจงรู้ไว้ด้วยว่า คนที่เธอรัก เขาก็รักเธอเช่นกัน และกำลังพยายามไปพร้อมๆกับเธออยู่ หากความรักของพวกเธอคือรักแท้ มันย่อมไม่จางหายไปตามกาลเวลาหรอก”
    วิน วิน
    อยากบอกว่าชอบประโยคนี้นะ ทำน้ำตากบน้อยร่วงเลยหล่ะ
    ดีใจที่ ยุนนา เข้าใจ จองอา ซะที ต่อไปต่างคนก้ต้องตั้งหน้าตั้งหน้า
    สร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิตสินะ หากว่าวันนึงได้กลับมาอยู่ด้วนกัน
    ก็คงจะไม่มีปัญหาแล้วสินะ เพราะพ่อแม่และพี่ชาย สามีเอ็นดูซะขนาดนี้
    วิน วิน ไม่อยากให้จบเลย เพราะหลงรักยุนนา กับ จองอา ไปแล้ว
    ถอนตัวไม่ขึ้นซะด้วยสิ

    by กบจูเนียร์

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ26 สิงหาคม 2553 เวลา 10:36

    “ลูกคุณป้าน่ารักอยู่แล้วค่ะ ถ้ามากกว่านี้หัวใจหนูคงรับไม่ไหว เพราะแค่นี้ก็รักจนล้นใจแล้ว” จองอาคิด แล้วก็นั่งหน้าแดงจนต้องเอามือขึ้นมาปิดหน้าอย่างเขินอาย

    อันนี้บวกความคิดผู้เขียนไปด้วยเปล่าค่ะ
    มาซึ้งเลยตอนนี้ยังไม่อยากให้จบเลยจริงๆนะ

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ8 มกราคม 2554 เวลา 04:28

    เม้มท์ไม่ออกจริงๆ มันตื้นตันจนบอกไม่ถูกในภาษาที่คุณระบายมันออกมา บางคำพูดมันเกินคำบรรยายว่าเรารู้สึกยังไงเมื่อได้อ่านถึง ณ ตอนนี้ เพียงอยากให้รู้ว่าคุณทำให้เราต้องหลั่งน้ำตากับตัวอักษรที่ไม่ได้มีตัวตน

    ตอบลบ

ต้องการคอมเมนต์ โดยไม่ต้อง Login ตรง แสดงความคิดเห็นในฐานะ
ให้เลือกโปรไฟล์เป็น ไม่ระบุชื่อ