วันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่5


ตอนที่ 5 อย่าเร่งรัก (Don’t rush Love)

เช้าที่แสนสดชื่นเช่นเคย เอื้อเฟื้อตื่นขึ้นตรงเวลาเหมือนดั่งทุกวัน หลังล้างหน้าล้างตาก็ตรงไปปลุกเพื่อนรักของตนหากแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพบว่าเธอไม่อยู่ในห้องเสียแล้ว

“ไปไหนของมันว่ะ? เช้าตรู่แบบนี้” เขารำพึงขึ้นกับตัวเองก่อนจะได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากครัวใหญ่ซึ่งเป็นที่ประกอบอาหารและทานอาหารร่วมกันของทุกคนในบ้านพัก เขาจึงเดินไปตามเสียงนั่น

“นี่แกทำอะไรเนี่ย?” เอื้อเฟื้อถามขึ้นเมื่อเข้ามาพบกับความโกลาหลในครัวซึ่งเกิดจากน้ำมือเพื่อนตัวเล็กของเขา

“อ้าวว่าไงเอื้อ ตื่นแล้วหรอ ฉันกำลังทำคิมบับนะ” เธอทักทายเขาอย่างแข็งขันแต่ก็ไม่วางมือจากการห่อสาหร่าย เอื้อเฟื้อสังเกตเห็นกองคิมบับหน้าตาน่าสงสารด้วยมันทั้งทั้งเล็กไปหรือไม่ก็ใหญ่ไปจนไส้ทะลัก หรือบางอันก็เละจนมองแทบไม่ออก

“นี่แกจะทำไปทำไมเยอะแยะว่ะ ของพวกนี้ก็กินได้ทำไมไม่เอา” เขาเอ่ยถามพลางเดินไปหยิบกองคิมบับเละๆนั้นขึ้นมากิน

“อ้า! ในที่สุดก็ทำสำเร็จ เป็นไงๆ สวยใช่ไหม” อัญชันร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อความพยายามของเธอสัมฤทธิ์ผล หลังจากยืนห่อสาหร่ายมานานมันก็ออกมาเหมือนคิมบับจนได้ เมื่อได้คิมบับหน้าตาดีตามตั้งใจเธอก็รีบเอามันใส่กล่องข้าวและเก็บใส่กระเป๋าตัวเองเตรียมตัวจะออกจากบ้าน

“เฮ้ๆ นี่แกคิดว่าแกกำลังจะทำอะไรนะ?” เมื่อเห็นดังนั้นเอื้อเฟื้อจึงถามขึ้น

“อ้าวก็ไปทำงานนะซิ ไปละนะ” เธอตอบด้วยใบหน้าสดใส

“เฮ้ยแล้วครัวนี่ละ แล้วนี่แกจะไปเรียนไหมวันนี้นะ?” เขารีบลนลานถาม

“ฉันจะรีบกลับแล้วกัน ยังไงก็ฝากเล็คเชอร์ด้วยนะ อ้อแล้วก็ฝากเก็บครัวด้วย ไปละ บายเพื่อน” เธอบอกก่อนจะรีบวิ่งออกไป

“อ้าวเฮ้ย! กลับมาเก็บเองซิว่ะ ให้ตายเหอะยัยบ้านี่!” เขาตะโกนตามหลังร่างเล็ก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความหนักใจ เมื่อนึกถึงความทุ่มเทที่เพื่อนรักมีต่องานใหม่ของเธอจนละเลยการเรียนที่เขาและเธอฝ่าฟันกันมา

“แกจะเอายังไงกับชีวิตกันว่ะ ชันเอ้ย”


ณ สถานที่จัดงานอีเว้นเปิดตัวสินค้าที่ดาราสาวเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นั้นทีมงานทุกคนกำลังทำงานกันอย่างขมักเขม่น ดาราสาว มุน แชวอน ที่มาถึงงานแต่หัววันก็กำลังฟังกำหนดการจากทีมงานอย่างตั้งใจอยู่

“เอ๋?....คุณจางเห็นคุณอัญชันไหมค่ะ ตอนเข้ามายังอยู่ด้วยกันอยู่เลย” ดาราสาวถามขึ้นเมื่อมองไม่เห็นร่างเล็กในรัศมีสายตา

“เหมือนจะเห็นแว๊ปๆนะจ๊ะที่หน้าเวทีน่ะ” คุณจางตอบ แชวอนจึงออกไปที่หน้าเวทีตามที่เขาว่าก็พบเข้ากับร่างเล็กที่เธอตามหาอยู่ อัญชันกำลังช่วยทีมงานจัดเวทีอย่างแข็งขัน ทั้งที่ตัวก็เล็กออกปานนั้นแต่กลับยกลำโพงที่ใหญ่กว่าตัวได้ ดาราสาวมองดูอัญชันอย่างชื่นชม

“คุณเนี่ย ดีกับทุกคนจริงๆเลยนะ คุณอัญชัน” เธอพูดกับตัวเองด้วยน้ำเสียงที่แอบน้อยใจ

“แชวอนจ๊ะมาแต่งหน้าเร็ว” คุณจางตะโกนเรียก

“ค่า!” ดาราสาวจึงจำใจละสายตาจากร่างเล็กที่เธอมองไม่เคยเบื่อ

เมื่อดาราสาวแต่งหน้าและแต่งตัวเสร็จแล้วเธอก็นั่งอ่านรายละเอียดงานในห้องแต่งตัวอย่างตั้งใจเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดได้

“คุณแชวอนค่ะ แต่งตัวเสร็จแล้วหรือค่ะ” เสียงใสเอ่ยขึ้น

“คุณอัญชัน” ดาราสาวหันไปทักคนร่างเล็กที่เพิ่งเสร็จจากงานหน้าเวที

“เหนื่อยหน่อยนะค่ะ แต่ฉันเชื่อว่าคุณแชวอนต้องทำได้ดีอยู่แล้วละค่ะ” อัญชันเอ่ยขึ้นเพื่อให้กำลังใจดาราสาว

“ฮิๆๆ คนที่เหนื่อยคือคุณต่างหาก ดูซิเหงื่อออกเต็มเลย” ดาราสาวขบขันก่อนที่จะหยิบทิชชู่ไปซับเหงื่อให้อีกคน ใบหน้าของร่างเล็กจึงแดงขึ้นทันทีให้ดาราสาวแอบอมยิ้มด้วยความเอ็นดู

“เอ่อ...คือ ฉันทำคิมบับมาให้ด้วยนะค่ะ ถ้าคุณแชวอนหิวก็ทานได้เลย” ร่างเล็กยื่นกล่องข้าวที่แอบไว้ด้านหลังส่งให้ดาราสาว

“ตายจริง นี่คุณอัญชันจำได้ด้วยหรือค่ะ ขอบคุณมากค่ะ กำลังหิวเลย” เธอรับมันมาและเปิดทานทันที

“อร่อยมากค่ะ ขอบคุณจริงๆนะค่ะ” เธอหันไปบอกคนทำด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ร่างเล็กแก้มปริด้วยความยินดี

“ยินดีเสมอค่ะ” อัญชันตอบรับอย่างเขินอาย

เมื่องานเริ่มขึ้นดาราสาวก็ง่วนกับการทำตามกำหนดการที่ยืดเยื้อมามากแล้ว เธอต้องขึ้นไปโชว์ตัวบนเวทีและให้สัมภาษณ์ถึงผลลัพธ์การใช้ผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ จนเมื่องานเสร็จลงเธอจึงกลับเข้าไปยังห้องแต่งตัวอีกครั้ง ก็สังเกตได้ว่าร่างเล็กไม่อยู่เคียงข้างเธออีกแล้ว

“หายไปไหนของเขาอีกแล้วละเนี่ย?” เธอบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเปลี่ยนเสื้อผ้า ตัวเธอเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องกระวนกระวายใจด้วยเมื่อไม่เห็นร่างเล็ก หรือเพราะเธอเริ่มจะเคยชินกับการมีร่างเล็กๆของอีกคนอยู่ใกล้ๆและมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันแปลก แต่ก็ช่วยไม่ได้เพราะเธอสุขใจเหลือเกินเพียงแค่คิดถึงอัญชัน เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยเธอก็พร้อมที่จะกลับแต่ก็ยังไม่เห็นอีกคนสักที

“คุณจางค่ะ คุณอัญชันไปไหนหรือค่ะ?” ดาราสาวถามด้วยใบหน้ากังวลจนผู้จัดการของเธอสังเกตได้

“ตายจริงแชวอน ถามถึงแต่อัญชันๆ ทั้งวันเลยนะจ๊ะวันนี้นะ ไม่ต้องห่วงหรอกจ๊ะเดี๋ยวเขาก็มา เห็นบอกว่าจะออกไปช่วยเขาแจกสินค้านะ” คุณจางตอบด้วยน้ำเสียงเหย้าแหย่ให้ดาราสาวหน้าแดง แต่ก็แอบน้อยใจที่ได้ยินว่าคนตัวเล็กหนีไปทำดีกับคนอื่นอีกแล้ว ทั้งที่เธอเหนื่อยกับงานมาทั้งวันหวังจะเห็นหน้าอีกคนหลังงานเลิกให้ชื่นใจสักหน่อย

“อ้าวนั่นไงมาโน่นแล้ว!” คุณจางกล่าว ดาราสาวจึงหันไปตามที่ผู้จัดการเธอบอก ก็พบเข้ากับร่างเล็กซึ่งกำลังเดินมาทางทั้งสองพร้อมกับเหล่าพริตตี้ที่ทำหน้าที่แจกสินค้าในงานและพูดคุยกันอย่างสนิทสนม ดาราสาวถึงกับทำหน้ามุ่ยทันที

“ขอบคุณมากนะค่ะที่มาช่วยงาน” เหล่าพริตตี้ต่างโค้งขอบคุณอัญชันในความมีน้ำใจของเธอ

“ยินดีค่ะ” ร่างเล็กเองก็โค้งรับการขอบคุณอย่างสุภาพ เมื่อเหล่าพริตตี้แยกย้ายกันไปอัญชันก็หันมาเจอใบหน้ามุ่ยของใครบางคนที่กำลังมองเธออยู่อย่างไม่พอใจ

“เอ่อ....เหนื่อยหน่อยนะค่ะคุณแชวอน วันนี้ทำได้ดีมากเลยค่ะ” อัญชันกล่าวขึ้นแต่อีกฝ่ายกลับเมินหน้าหนี

“กลับกันเถอะค่ะคุณจาง” เธอไม่ตอบร่างเล็กแต่หันไปพูดกับผู้จัดการและเดินนำออกไป ทิ้งให้ร่างเล็กยืนหน้าจ๋อยด้วยความงง

“เอ๋?....เราทำอะไรผิดหว่า?” อัญชันเอ่ยกับตัวเองอย่างสงสัย

ขณะเดินทางกลับคุณจางก็กล่าวชมดาราสาวมาตลอดทางและพูดถึงตารางงานในสัปดาห์หน้าของเธอ ในขณะที่ดาราสาวเอาแต่จ้องร่างเล็กที่ผล็อยหลับไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยซึ่งนั่งอยู่ตอนที่สองของรถตู้เพียงคนเดียว

“แชวอนจ๊ะฟังอยู่หรือเปล่าเอ่ย?” คุณจางถามขึ้นเมื่อเห็นดาราสาวไม่มองมาที่ตน

“เอ๋? อ่ะค่ะ ค่ะฟังอยู่” แชวอนลนลานตอบเมื่อรู้สึกตัว

“พรุ่งนี้จนถึงสัปดาห์หน้าไม่มีงานอะไร ตามที่แชวอนขอมาว่าจะกลับบ้านไปหาญาติในเทศกาลชูซอก (วันขอบคุณพระเจ้า) นะจ๊ะ” คุณจางกล่าว

“อ่ะค่ะ ขอบคุณค่ะที่ช่วยจัดตารางงานให้” แชวอนตอบ ก่อนที่รถจะมาจอดยังหน้าบ้านของคุณจาง

“งั้นก็เที่ยวให้สนุกนะจ๊ะ เจอกันสัปดาห์หน้าจ๊ะ” คุณจางกล่าวก่อนจะลงจากรถไป เมื่อเหลือเพียงตัวเองและคนไร้สติที่นอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ข้างหลัง เธอก็คิดได้ว่าไม่รู้จะไปส่งอีกคนที่ไหนดี เธอไม่เคยไปที่บ้านของอีกคนมาก่อน

“คุณแชวอนจะไปที่คอนโดเลยไหมครับ?” คนขับรถเอ่ยถามขึ้นเมื่อเธอยังคงเงียบอยู่

“ค่ะ” เธอตอบ ในเมื่อไม่รู่ว่าอีกคนอยู่ที่ไหนก็คงต้องให้ไปด้วยกัน ตลอดทางเธอเอาแต่จ้องร่างเล็กไม่วางตา มันแปลกที่เธอไม่อยากละสายตาจากร่างนั้นเลย ใบหน้ายามหลับของอีกคนที่เธอคิดว่าน่ารักน่าชังเป็นที่สุดทำให้หมั่นเขี้ยวจนอยากจะเข้าไปหยิกแก้มใสๆนั่น นี่ถ้าไม่ติดว่าอีกคนนั่งอยู่ที่นั่งคนละตอนกันเธอคงทำมันจริงๆแน่ ทันใดเสียงโทรศัพท์ของร่างเล็กก็ดังขึ้นขัดอารมณ์ของดาราสาวและทำให้เจ้าของมันตื่นตามไปด้วย แชวอนจึงรีบหันกลับมานั่งปกติตามเดิม

“ค่า.....กำลังกลับค่ะ.....อืม” อัญชันรับโทรศัพท์ด้วยอาการสลึมสลือ ก่อนจะหันไปถามดาราสาวอย่างงัวเงีย

“ถึงไหนแล้วค่ะคุณแชวอน?” ร่างเล็กถามขณะที่ดวงตายังไม่เปิดดีนัก

“ใกล้ถึงคอนโดฉันแล้วค่ะ คุณอัญชันจะให้ไปส่งที่ไหนหรือค่ะ?” ดาราสาวตอบและถามกลับอีกคน

“กำลังจะไปดอนโดคุณแชวอนค่ะ คุณจินโฮ” หากแต่ร่างเล็กกลับตอบคนในโทรศัพท์แทน นั่นทำให้แชวอนรู้ว่าอีกคนคุยกับใคร อารมณ์ขุ่นใจก็เข้ามาคอบงำเธอทันที

“นี่เรียกชื่อกันแล้วหรอเนี่ย?” แชวอนนึกในใจ

เมื่อมาถึงคอนโดของดาราสาวเธอก็พบว่าจินโฮได้มารออยู่ก่อนแล้ว เขารีบเดินไปหาสองสาวทันทีที่พวกเธอลงจากรถ

“สวัสดีแชวอน คุณอึนชัน วันนี้เหนื่อยหน่อยนะครับ” เขากล่าวทักทายทั้งคู่

“สวัสดีค่ะคุณปาร์ค มีอะไรหรือเปล่าค่ะ?” แชวอนถามขึ้นอย่างสงสัยที่เห็นชายหนุ่มอยู่ที่นี่

“อ้อผมมารับคุณอึนชันนะครับ ไปครับ กลับกันเถอะครับคุณอึนชัน” เขาตอบก่อนจะเข้าไปโอบร่างเล็ก แชวอนมองภาพนั้นอย่างขัดใจ

“ราตรีสวัสดิ์ค่ะ คุณแช.....” ไม่ทันที่ร่างเล็กจะได้กล่าวลาร่างบางก็รีบเดินหุนหันเข้าคอนโดไป อัญชันจึงได้แต่เกาศีรษะตัวเองด้วยความสงสัย

“เฮ้อ....เราทำอะไรผิดอีกเนี่ย?” ร่างเล็กกล่าวพลางถอนหายใจ

เมื่อมาถึงที่พักเอื้อเฟื้อก็ยืนรอหน้ายักษ์อยู่หน้าบ้าน ทั้งที่เขาอุส่าห์เตือนเพื่อนตัวดีให้รีบกลับไปเรียนให้ทันแท้ๆ แต่เธอก็ดันทำงานจนเลยเวลาอีกตามเคย เมื่อเห็นร่างเล็กก้าวลงมาจากรถเขาก็ตรงเข้าไปหาเธอทันทีเพื่อจะต่อว่าให้หนำใจ แต่เธอกลับเดินหน้าเศร้าผ่านเขาไปเสียเฉยๆ ทำให้เอื้อเฟื้อถึงกับทำหน้าเหวอ

“เป็นอะไรของมันอีกว่ะเนี่ย?” เขาบ่นพึมพัมกับตัวเอง

“คงเหนื่อยนะครับ วันนี้คุณอึนชันทำงานทั้งวันเลย” จินโฮที่ลงรถตามมาเอ่ยขึ้นเมื่อได้ยินเอื้อเฟื้อบ่นพึมพำกับตัวเอง

“คุณปาร์ค ขอบคุณนะครับที่มาส่งยัยบ้านั่นนะ ต้องลำบากคุณอยู่เรื่อยเลย” เอื้อเฟื้อโค้งขอบคุณอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีครับ” จินโฮตอบรับด้วยความเต็มใจ เอื้อเฟื้อมองท่าทางนั้นของจินโฮก็ครุ่นคิดถึงเพื่อนสาวตัวเล็ก เขาเป็นกังวลถึงความคลั่งไคล้ที่เธอมีต่อ มุน แชวอน จนทำให้เธอละเลยการเรียนที่แสนสำคัญ แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าอัญชันคิดอะไรแต่เขาที่เป็นเพื่อนสนิทย่อมมุ่งหวังให้เธอพบเจอกับสิ่งที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่จะอยู่เคียงข้างเธอ

“คุณปาร์คครับ ผมมีเรื่องอยากจะถามคุณสักหน่อยนะครับ?” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“คุณแทยังมีอะไรหรือครับ?” จินโฮถามกลับอย่างสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่เคร่งเครียด

“คุณคิดยังไงกับเพื่อนของผมกันแน่?” เอื้อเฟื้อถามขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จินโฮถึงกับตกใจ เขานิ่งเงียบไปครู่ก่อนจะตัดสินใจตอบออกไป

“ผมชอบเธอครับ ผมชอบคุณอึนชัน” จินโฮตอบอย่างหนักแน่น แม้จะแอบหวั่นใจเล็กน้อยเพราะอยู่ๆอีกฝ่ายก็ถามขึ้นมาแบบนี้ แต่ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษของเขา เขาจึงไม่สามารถที่จะโกหกต่อความรู้สึกของตัวเองได้

“ดี.....ถ้าอย่างงั้นผมขออะไรคุณอย่างได้ไหม?” เอื้อเฟื้อตอบรับ แต่ยังคงทำท่าเคร่งขรึมอยู่ จินโฮจึงพยักหน้าตอบเป็นการตกลง

“ในชีวิตของผมนะ มีคนที่สำคัญอยู่ไม่กี่คนหรอกนะ แล้วยัยนั่นก็อยู่อันดับแรกๆ ยัยนั่นนะไม่ได้เป็นแค่เพื่อน แต่ยังเป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวของผม......ผมฝากคุณหน่อยได้ไหม ยัยนั่นน่ะ ผมฝากคุณดูแลยัยนั่นด้วย ผมเองคงไม่สามารถดูแลเขาได้ตลอดเวลา คุณจะรับปากผมได้ไหม?” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังที่แฝงไปด้วยความห่วงใยที่เขามีต่อเพื่อนรัก นั่นทำให้จินโฮถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ

“ผมรับปากครับ ผมจะดูแลคุณอึนชันให้ดีที่สุด” จินโฮตอบตกลงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เอื้อเฟื้อยิ้มรับกับคำตอบนั้นก่อนจะเดินหายเข้าบ้านไป คำตอบที่ได้จากจินโฮทำให้เขาเบาใจไปได้เปราะหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็รู้ว่ามีคนที่รักและเป็นห่วงอัญชันอีกคนอยู่เคียงข้างเธอ หากเพื่อนที่แสนสำคัญของเขาต้องเจอกับปัญหาและเขาไม่สามารถช่วยเธอได้ เธอก็คงจะไม่โดดเดียวเป็นแน่ ที่เขาให้ความสำคัญกับเธอถึงเพียงนี้เป็นเพราะ เธอเองก็ให้ความสำคัญกับเขาไม่แพ้กัน ในวัยเด็กที่แสนยากลำบากของเอื้อเฟื้อซึ่งเป็นเด็กกำพร้าอาศัยวัดอยู่ เขาทั้งอดยากและโดนกลั่นแกล้งจากเด็กในวัยเดียวกัน มีเพียงเด็กสาวตัวเล็กใจเด็ดคนหนึ่งเท่านั้นที่คอยปกป้องและช่วยเหลือเขาเสมอมา บ่อยครั้งที่เธอแบ่งอาหารกลางวันให้เขากิน รวมทั้งเสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนต่างๆ ตั้งแต่เล็กยันโตพวกเขาอยู่เคียงข้างกันเสมอคอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเมื่อถึงคราวที่อัญชันเจอทางแยกแห่งอนาคต เขาซึ่งเป็นเพื่อนย่อมต้องทำหน้าที่แนะนำให้เธอเลือกทางที่ดี แม้เจ้าตัวจะไม่เต็มใจก็ตาม

“แกคุยบ้าอะไรอยู่กับคุณจินโฮตั้งนานสองนานว่ะ? ฉันรอแกจนจะเป็นง่อยแล้วเนี่ย” อัญชันเอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นเอื้อเฟื้อเปิดประตูบ้านเข้ามา

“แล้วแกรอฉันทำไม? ทำไมไม่ไปอาบน้ำ?” เขาตอบกลับ

“ก็....ฉันรอให้แกมาช่วยแปลไงละ” เธอตอบเสียงอ่อย

“หา? นี่แกยังจะเข้าไปแชทอีกหรอ แกก็เพิ่งไปเจอกับเขามาทั้งวันแล้ว ยังจะเข้าไปแชทอีกทำไม?” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนใจ

“เอาน่า ฉันขอร้องละ วันนี้ดูท่าทางเขาอารมณ์ไม่ค่อยดี ฉันอยากรู้ว่าเขาเป็นอะไร ช่วยหน่อยนะๆๆ” อัญชันยกมือไหว้อ้อนวอน เอื้อเฟื้อถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ


Teddy Bear – สวัสดี คุณนอนหรือยังคนสวย? (o'‿'o✿)

Bbong9 – ยัง วันนี้ฉันอารมณ์บูดสุดๆไปเลย ✖︶︹︺✖

Teddy Bear – เอ๋? ⊙0⊙ ใครกันน้าบังอาจมาทำให้มายมูนของฉันอารมณ์บูด [︶︹︺]

Bbong9 – ฮิๆๆ มายมูนของคุณหรอ? ◕‿◕

Teddy Bear – ใช่สิ ว่าแต่โมโหอะไรหรอคนดี? บอกหน่อยได้ไหม? ⊙ω⊙ 

Bbong9 – ฉันโมโหคนบางคน เขาทำตัวน่าหมันไส้มาก≧□≦

Teddy Bear – (;°○°) เขาทำอะไรหรอ?

Bbong9 – ไม่รู้สิ (ξ・з・) เขาก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก เพียงแต่ฉันรู้สึกไม่ชอบใจเท่านั้นเอง o(≧o≦)o

Teddy Bear – ทำไมกันละ ทำไมคุณถึงไม่พอใจ? \(•ิ_•ิ\)

Bbong9 – ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันเท็ดดี้ คุณบอกฉันทีซิ ว่าฉันเป็นอะไร? ︸ ︵ ︶

Teddy Bear – คนดี ถ้าคุณไม่รู้แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไร? (◡‿◡✿)

Bbong9 – ฉันอยากเจอคุณจังเท็ดดี้ เราพบกันได้ไหม?

“เอายังไงละแก จะตอบยังไง” เอื้อเฟื้อหันมาถามเพื่อนสาว ก่อนที่เธอจะกดออกจากระบบสนทนา

“อ้าวเฮ้ย! หนีดื้อๆอย่างงี้เลยหรอ?” เอื้อเฟื้อถามอย่างสงสัย

“แล้วแกจะให้ฉันตอบว่าอะไรละ?” เธอตอบกลับด้วยสีหน้าเครียด

“ฉันก็บอกแกแล้วว่าให้บอกความจริงกับเธอไปเลย จะได้สิ้นเรื่องสิ้นราว แกจะหลอกเขาไปถึงเมื่อไหร่ว่ะ?” เอื้อเฟื้อบอกอย่างระอา

“ฉันไม่ได้หลอกนะ เพียงแค่....ฉันยังไม่พร้อมเท่านั้นเอง” อัญชันตอบด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย เธอหวาดกลัวกับความจริง หากดาราสาวทราบว่าเท็ดดี้คือใคร เธออาจจะต้องเสียหล่อนไปทั้งในฐานะของเท็ดดี้และในฐานะของอัญชัน

ขณะเดียวกันดาราสาวที่อยู่ๆก็ขาดการติดต่อกับคู่สนทนาก็กำลังนั่งกระวนกระวายใจหน้าจอคอมพิวเตอร์

“เป็นอะไรของเขานะ? เน็ตหลุดหรือไงกัน?” แชวอนบ่นพึมพำเมื่อไม่มีท่าทีว่าคู่สนทนาจะเข้าสู่ระบบ

“นี่เลิกพูดกับจอคอมฯสักทีเถอะ” ร่างโปร่งเดินเข้ามาในห้องนอนของเพื่อนสาวพร้อมทำหน้าระอาใส่อีกคน

“เปล่าสักหน่อย ฉันกำลังแชทอยู่ต่างหากละ” แชวอนตอบ

“นี่เธอยังคุยกับเจ้าโรคจิตนั่นอยู่อีกหรอ?” ฮโยจูถามด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ

“ฮโยจู! เท็ดดี้เขาไม่ใช่โรคจิตสักหน่อย เขาเป็นคนดีจะตาย” แชวอนรีบป้องผู้ที่ถูกเอ่ยนามขึ้นทันที

“โฮ่ นี่เรียกกันสนิทสนมเชียว เท็ดดี้ เชอะเจ้าหมีโรคจิต! นี่ถ้าหมอนั่นไม่ได้โรคจิตนะ ป่านนี้ก็คงออกมาพบเธอแล้วล่ะ คนบ้าอะไรคุยกันอยู่ได้ตั้งเกือบปี หมอนั่นต้องโรคจิตแน่ๆ” ฮโยจู่ประชดประชัน

“เขาก็คงมีเหตุผลของเขานะ แต่ฉันเชื่อว่าเขาเป็นคนดี” แชวอนบอกอย่างหนักแน่น จนทำให้เพื่อนสาวถึงกับหมันไส้

“เธอยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย? ไม่สิ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหมอนี่เลย” ฮโยจูเอ่ยขึ้นให้เพื่อนสาวครุ่นคิด

“ถ้าเขาเป็นผู้หญิงล่ะ เธอจะทำยังไง ห่ะ?” ร่างโปร่งถามซัก

“ฉันว่า...เขาน่าจะเป็นผู้ชายนะ” แชวอนตอบอ้อมแอ้ม

“น่าจะหรอ? นี่หมายความว่าถ้าเขาเป็นผู้หญิงเธอก็โอเคยังงั้นหรอ?” ฮโยจูถามจี้

“ฉันไม่ได้หมายความว่ายังงั้นสักหน่อย” แชวอนรีบแก้ตัวทันที

“ให้ตายเถอะ เธอนี่น้า ฉันละกลัวใจเธอจริงๆ ยิ่งเป็นพวกอ่อนไหวง่ายเสียด้วย อยู่ใกล้ใครก็รักเขาไปทั่ว ฉันยังเคยแอบคิดว่าเธออาจจะเผลอใจไปหลงรักยัยเตี้ยอึนชันเข้า เห็นตัวติดกันแจเลย” ฮโยจูเอ่ยขึ้นให้แชวอนถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะหน้าแดงก่ำ

“นี่เธอ โอ้ไม่นะ เธอคงไม่ได้ โฮ่พระเจ้า!” ฮโยจูแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองที่เห็นปฏิกิริยาของเพื่อนสาว

“พะ..พูดอะไรของเธอเนี่ย เหลวไหลใหญ่แล้ว ฉันไปอาบน้ำดีกว่า” แชวอนรีบเปลี่ยนเรื่องและเดินหนีไปทันที

“นี่! ฉันยังพูดไม่จบเลยนะ กลับมาซิ เธอจะรักใครก็ได้นะแต่ขอร้องว่าต้องไม่ใช่ยัยเตี้ยนั่น จะเป็นเจ้าหมีโรคจิตนี่ก็ได้ แต่ยกเว้นยัยนั่นคนเดียว เข้าใจไหมแชวอน นี่!” ฮโยจูตะโกนตามหลังเพื่อนสาวไปอย่างขัดอารมณ์ แต่อีกฝ่ายก็เดินจ้ำอ้าวหายไปให้เธอนั่งถอนหายใจอยู่คนเดียว

ภายในห้องน้ำดาราสาวกำลังแชตัวอยู่ในอ่างที่เต็มไปด้วยฟองสบู่และกลิ่นหอมอบอวล เธอนั่งครุ่นคิดถึงคำพูดของเพื่อนสาว

“ฉันยังเคยแอบคิดว่าเธออาจจะเผลอใจไปหลงรักยัยเตี้ยอึนชันเข้า เห็นตัวติดกันแจเลย”

“หลงรักหรอ?..........ช่วยฉันด้วยเท็ดดี้” เธอมุดลงอ่างอาบน้ำด้วยเพราะรู้สึกว่าใบหน้าร้อนฉ่าขึ้นเมื่อคิดถึงคำพูดของเพื่อนสาว พร้อมกับร้องเรียกหาเท็ดดี้คนที่เธอคิดเสมอว่าเธอรักเขา แต่ตอนนี้ในหัวใจกลับมีใครอีกคนโผล่ขึ้นมาจนทำให้พื้นที่หัวใจของเธอเต็มไปด้วยชื่อของคนคนนั้น แล้วแบบนี้คนที่เธอรักคือใครกัน?


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ต้องการคอมเมนต์ โดยไม่ต้อง Login ตรง แสดงความคิดเห็นในฐานะ
ให้เลือกโปรไฟล์เป็น ไม่ระบุชื่อ