วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 7

ตอนที่ 7 กลแห่งรัก (Trick of Love)

เช้าตรู่ของวันชูซอก ณ บ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางกรุงโซลนัก รถสปอร์ตคันงามกำลังขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถหน้าบ้าน ร่างโปร่งของหญิงสาวผู้เป็นแขกเยี่ยมเยียนขาประจำของบ้านหลังนี้ก้าวลงมาอย่างรีบร้อน เธอตรงเข้าไปในบ้านทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครออกมาต้อนรับ ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนที่ลงมายังชั้นล่างของบ้านเพื่อมาเอาหนังสือพิมพ์ไปอ่านทุกเช้าก็พบเข้ากับหญิงสาวที่เขาเอ็นดูนักหน้าเดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี

อ้าวหนูฮโยจูมาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ มาหาเจ้าจินโฮหรอ?เขาเอ่ยทักด้วยความดีใจ ผู้เป็นแขกจึงโค้งทักทายเขาอย่างสุภาพ

สวัสดีค่ะคุณลุง สุขสันต์วันชูซอกนะค่ะ ขอให้คุณลุงแข็งแรงและอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพวกเราไปนานๆนะค่ะ ร่างโปร่งทักทายเสียงใส เธออวยพรให้กับ ปาร์ค แจจุง พ่อของจินโฮหรือประธานกรรมการแห่งสตาร์เคย์ฯ แจจุงถึงกับหัวเราะชอบใจในคำอวยพรนั้น

โอ้ขอบใจๆ คุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้างละ ลุงไม่ได้เจอเสียนานเลย พวกท่านสบายดีนะ? เขาเอ่ยถามอย่างสนใจและชักชวนให้ร่างโปร่งนั่งสนทนาด้วย

พวกท่านสบายดีค่ะ ตอนนี้กำลังเที่ยวอยู่ที่ยุโรป อีกสองสัปดาห์ถึงจะกลับนะค่ะ ยังบ่นว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้มาอวยพรด้วยตัวเอง ฮโยจูตอบเสียงหวาน เธอมักทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่เอ็นดูได้เสมอด้วยความฉลาดและมีไหวพริบในการพูด เช่นเดียวกับเหล่าบรรดาแฟนคลับและสื่อมวลชน หากแต่พออยู่หลังกล้องหรือลับหลังคนเหล่านั้นเธอก็จะแสดงธาตุแท้ออกมา

ฮโยจู เธอมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า? จินโฮถามขึ้นทันทีที่ลงมาเห็นร่างโปร่ง

พูดอะไรแบบนั้นจินโฮ น้องมาหาก็ดีแล้วนี่ เดี๋ยวแกดูแลน้องด้วยละ ฉันจะออกไปเคารพบรรพบุรุษ ลุงขอตัวก่อนนะฮโยจู แจจุงจัดแจงหน้าที่ให้ลูกชายก่อนจะหันไปลากับฮโยจู

เดี๋ยวซิครับ นี่วันชูซอกนะครับ ผมเองก็ต้องไปเคารพเหมือนกัน จินโฮแย้งขึ้น

แกไม่ต้องไปหรอก ฉันไปคนเดียวได้ แล้วจะเลยไปตีกอล์ฟกับประธานนา ฝากแกดูแลหนูฮโยจูด้วย แจจุงหันไปทำเสียงเข้มใส่ลูกชาย

อย่าเลยค่ะคุณลุง ดูพี่จินโฮเขาจะไม่อยากอยู่กับหนูนะค่ะ อย่าไปฝืนใจพี่เขาเลยค่ะ ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ทำให้แจจุงหันไปมองหน้าลูกชายด้วยความไม่พอใจ

ไม่ได้ๆ หนูฮโยจูอุตส่าห์มาหาทั้งที จะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกล่ะ ใช่ไหมจินโฮ? เขาพูดปลอบใจร่างโปร่งและหันไปหาเสียงสมทบจากลูกชายที่ยืนทำหน้าระอาอยู่

ขอบคุณค่ะ คุณลุง ขอให้สนุกกับการตีกอล์ฟนะค่ะ ฮโยจูเอ่ยเสียงใสด้วยความดีใจเมื่อเป็นไปตามแผน เธอมักจะใช้ไม้นี้เสมอเมื่อจินโฮหลีกเลี่ยงเธอ

เช่นกันจ๊ะ ว่าแต่เมื่อไหร่จะย้ายมาอยู่บริษัทลุงสักทีละเนี่ย ลุงจะได้ให้เจ้าจินโฮมันดูแลหนูเป็นพิเศษเลย แจจุงเอ่ยขึ้น เขามักจะถามเช่นนี้เสมอที่เจอเธอ

แหมคุณลุงก็รู้ว่าหนูติดสัญญากับทางนั้นอยู่ ถ้าออกมากลางคันแบบนี้ จะเป็นข่าวได้นะค่ะ แบบนั้นคงไม่เป็นผลดีกับทั้งหนูและบริษัท เธอตอบเสียงอ้อน เหตุผลของเธอทำให้แจจุงยอมจำนนเสมอ หากแต่ความจริงที่เธอไม่ย้ายค่ายมาเสียทีหาใช่เพราะกลัวข่าวหรือติดสัญญา แต่เพราะคนหน้าบึ้งที่ยืนเป็นหัวหลักหัวต่ออยู่ใกล้ๆนี่ต่างหาก เธอเคยลั่นวาจาไว้กับเขาว่าจะไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่หากเขาไม่ยอมคบกับเธอ แต่ทั้งเขาและเธอต่างใจแข็งทั้งคู่เลยไม่มีใครยอมใคร เธอจึงยังต้องเล่นตัวกับสตาร์เคย์ฯต่อไป เมื่อเอ่ยลาจนพอใจแจจุงจึงจากไปทิ้งให้หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง

เมื่อวานพี่หายไปไหนมา? ฉันตามหาพี่ทั้งวัน โทรไปก็ไม่รับ ฮโยจูแฝดเสียงขึ้นทันทีที่แน่ใจว่าแจจุงจากไปไกลจนไม่สามารถได้ยินเธอแล้ว

เธอมีธุระอะไร? จินโฮถามกลับอย่างไร้อารมณ์ เหตุการณ์เมื่อวานทำให้เขาไม่อยากจะตอบโต้เธอหรือใครทั้งนั้น

บอกมาเดี๋ยวนี้นะ พี่หายไปไหนมาทั้งวัน ไปอยู่กับยัยเตี้ยนั่นใช่ไหมๆ? พี่ไปไหนกับมันมา บอกมานะ ฮโยจูเข้าไปเขย่าแขนร่างสูงและซักไซ้เขาเป็นชุด

ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นล่ะ คุณอึนชันเขาไปกับแชวอน!” เขาตะหวาดเธอกลับพร้อมกับสะบัดแขนเล็กออกด้วยใบหน้าบูด ปฏิกิริยาของเขาทำให้ฮโยจูคาดการณ์เหตุการณ์ทั้งหมดได้ทันที

ฮึ....น่าสมเพชสิ้นดี ที่พี่ทำหน้าแบบนี้เพราะยัยนั่นยังงั้นหรอ น่าสมเพชที่สุด ฮโยจูกล่าวค่อนคอดหากแต่ภายในใจเธอก็เจ็บช้ำเช่นกันที่ผู้ชายที่เธอรักนั้นเสียใจเพราะผู้หญิงอื่น หากแต่เธอคงจะนิ่งนอนใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าตอนนี้ศัตรูหัวใจอยู่กับเพื่อนคนสำคัญของเธอ เธอจึงรีบออกจากบ้านตระกูลปาร์คทันที

นี่เธอจะไปไหนนะ? จินโฮเดินตามเธอออกมายังลานจอดรถด้วยสงสัยในท่าทีรีบร้อนนั้น ทั้งที่เธอมีโอกาสได้อยู่กับเขาทั้งวันแต่เธอกลับจะทิ้งมันและจากไป

ฉันไม่ใช่คนน่าสมเพชที่ปล่อยมือจากคนที่ตัวเองรักง่ายๆหรอกนะ ไม่ต้องห่วง ฉันมั่นใจว่ายังไงก็ต้องทำให้พี่หลงรักฉันได้สักวันหนึ่ง แต่ฉันก็ไม่ใช่คนใจกว้างที่จะยอมให้ศัตรูหัวใจมายุ่มย่ามกับเพื่อนของฉันเหมือนกัน เธอบอกก่อนจะขับรถจากไป จินโฮได้แต่ยืนมองรถสปอร์ตคันงามแล่นออกไป คำพูดและท่าทีของหล่อนทำให้เขาทึ่งและคาดไม่ถึงจริงๆว่า คนอย่าง ฮัน ฮโยจู จะเลือกเพื่อนมากกว่าผู้ชายที่เธอวิ่งไล่ตามมาตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งที่ผ่านมาเธอเอาแต่วิ่งไล่ตามเขาแท้ๆ เห็นทีเขาคงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว บางทีหัวใจของเธออาจไม่ใช่ก้อนหินที่มีดีแค่เพียงความแข็ง แต่มันอาจจะเป็นเพชรที่ไม่เพียงแค่แข็งแกร่งแต่ยังงดงามจับใจ

ณ บ้านมุน เมืองแดกู คุณนายมุนตื่นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารและของไหว้เคารพบรรพบุรุษ

คุณแม่ทำอะไรอยู่ค่ะ? ว้าวขนมซองเพียน! ให้หนูช่วยนะค่ะ แชวอนที่เพิ่งลงมาจากห้องเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นขนมของโปรด เธอจึงเสนอตัวด้วยความยินดี

ซองเพียนเป็นขนมเก่าแก่ มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แสนอร่อยพร้อมทั้งมีวัตถุดิบและวิธีการปรุงที่เรียบง่าย ขนมชนิดนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน บ้างก็ว่ามีการกินขนมซองเพียนนี้มาตั้งแต่ในสมัย 3 อาณาจักรโบราณที่ปกครองดินแดนเกาหลีตั้งแต่ พ.. 489 จนถึง พ.. 1211 ไส้ของขนมชนิดนี้โดยมากจะเป็นธัญพืชนานาชนิดที่เพิ่งเก็บเกี่ยวเสร็จ แล้วแต่ความพอใจว่าจะใส่ไส้เกาลัดบด, งาผสมน้ำตาลแดง, พุทราหรือถั่ว ขนมชนิดนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงกรรมวิธีการทำ เพราะขนมซองเพียนจะถูกนึ่งพร้อมๆ กับกองใบสนที่รองอยู่ข้างใต้ ซึ่งนอกจากจะให้รสชาติพิเศษแล้วยังช่วยคั่นไม่ให้ขนมติดกันตอนสุกอีกด้วย ใบสนนั้นทำให้ขนมมีกลิ่นหอมและการนึ่งแต่พอสุกก็ให้เนื้อสัมผัสกรุบๆ แบบอัล เดนเต้ (al dente-แป้งที่ต้มแบบไม่สุกมาก ยังมีความแข็งอยู่) อีกทั้งตรงกลางก็มีไส้ทั้งแบบหวานแบบคาว เคี้ยวเพลิน กรุบๆ หนึบหนับ หวาน หอม อร่อย เสน่ห์แห่งรสชาติแบบนี้นี่เองที่ทำให้ความนิยมของขนมชนิดนี้ไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลา

เมื่อขนมซองเพียนนึ่งสุกเรียบร้อยแล้วแชวอนจึงคลุกขนมที่สุกแล้วกับน้ำมันงา ก่อนที่จะใส่กล่องอาหารและจัดแต่งให้สวยงาม พร้อมด้วย เบซุค (baesuk) เครื่องดื่มที่คนเกาหลีนิยมดื่มข้างเคียงกับขนมซองเพียน มีรสกึ่งหวาน ทำจาก เบ (bae) หรือลูกแพร์ท้องถิ่น, พริกไทยดำ, ขิง และลูกสน

อ้าว หนูอัญชันตื่นแล้วหรือจ๊ะ? คุณนายมุนกล่าวทักร่างเล็กที่เพิ่งเดินลงมา

ขอโทษนะค่ะที่หนูตื่นสาย มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ? ร่างเล็กรีบโค้งขอโทษเป็นการใหญ่เมื่อรู้ว่าตนเองนอนอุตุขณะที่เจ้าบ้านกำลังยุ่งยากกับการเตรียมอาหาร

แหม ไม่เป็นไรจ๊ะ หนูเป็นแขกของเรา จะให้มาทำแบบนี้ได้ยังไง คุณนายมุนตอบกลับเพื่อไม่ให้ร่างเล็กคิดมาก ในขณะที่ร่างบางซึ่งได้ยินทั้งสองคุยกันแต่ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาแพ็คอาหารใส่ภาชนะอย่างเดียว เพราะไม่รู้จะมองหน้าอีกคนยังไง เพียงแค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแก้มของเธอมันก็แดงขึ้นมาทันที แล้วแบบนี้จะให้หันไปทักทายอีกคนเหมือนปกติได้อย่างไร แต่นั่นยิ่งทำให้ร่างเล็กคิดมากไปใหญ่ เมื่อเห็นอีกคนมีท่าทีเฉยเมยต่อตน

อ้าวเสร็จกันหรือยังสาวๆ? พร้อมออกเดินทางไหม? คุณมุนเดินเข้ามาในครัวหลังจากขนข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เคารพบรรพบุรุษขึ้นรถเรียบร้อย ทุกคนจึงช่วยกันขนของที่ยังเหลือและออกเดินทางไปยังสุสานของบรรพบุรุษตระกูลมุน

หลังทำความเคารพบรรพบุรุษเรียบร้อยแล้วระหว่างทางกลับ ครอบครัวมุนก็แวะปิกนิกข้างทางที่ริมบึงแห่งหนึ่ง สีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงทำให้ต้นไม้น้อยใหญ่ดูแสบตาหากแต่ก็งดงามจับจิต ร่างเล็กอดไม่ได้ที่จะควักกล้องถ่ายรูปคู่ใจออกมาเก็บความงดงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนี้ อัญชันกดชัตเตอร์ไปตามใจเมื่อเห็นมุมไหนเข้าที เธอหันไปรอบๆก่อนจะหยุดลงเมื่อหน้าจอปรากฏภาพสิ่งที่งดงามที่สุดเท่าที่ธรรมชาติจะสร้างได้ แชะ เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ทำให้ผู้ที่ถูกเก็บภาพโดยพละการรู้สึกตัวและหันไปยังร่างเล็ก นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสบตากันหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ต่างก็นิ่งมองกันเนินนานโดยไม่มีฝ่ายใดเอื้อนเอ่ยอะไร

เด็กๆ มาทานข้าวจ้า เสียงคุณนายมุนร้องเรียก ทำให้ทั้งสองหลุดจากภวังค์ก่อนจะเดินไปหาต้นเสียงดังกล่าว ทั้งสี่นั่งล้อมวงบนผ้าปูพื้นที่เตรียมมา แม้สองสาวจะนั่งติดกันแต่ทั้งคู่กลับไม่พูดคุยหรือหันหน้าเข้าหากันเลย ทำให้คุณและคุณนายมุนสงสัยในท่าทีของทั้งสอง

สองคนนี่ยังไงกันเนี่ย? ทะเลาะกันหรือเรา? คุณนายมุนถามขึ้น

ไม่ใช่ค่ะ

ไม่ใช่ค่ะ

ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน นั่นทำให้พวกเธอหันมามองกันด้วยความแปลกใจ ที่ดันเอ่ยขึ้นเหมือนกันแถมยังพร้อมกันด้วย

งั้นก็แล้วไป ทานเยอะๆนะ เอ้าแชวอนตักอาหารให้เพื่อนด้วยซิจ๊ะ คุณนายมุนเอ่ยอย่างโล่งใจเมื่อเห็นทั้งสองไม่ได้มีเรื่องผิดใจกัน ก่อนจะบอกให้ลูกสาวทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ร่างบางทำท่าเก้ๆกังๆสักพักก็ทำตามที่ผู้เป็นแม่บอก เธอหยิบคิมบับส่งให้ร่างเล็ก อัญชันมองมันด้วยความแปลกใจก่อนจะรับมาพร้อมรอยยิ้ม ร่างบางเองก็แอบยิ้มเช่นกัน คงมีเพียงสองคนที่รู้ความหมายของมัน เพราะมีเพียงทั้งสองเท่านั้นที่ลิ้มรสชาติคิมบับได้หวานล้ำกว่าผู้อื่น ไม่นานทั้งสี่ก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางสองสาวก็ไม่ได้พูดคุยใดๆกัน หากแต่บรรยากาศมันแตกต่างจากขาไปโดยสิ้นเชิง

แชวอน แล้วนี่ไม่พาเพื่อนไปเที่ยวไหนหรอ อุตส่าห์มาถึงแดกูแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่ไปถึงบ้านแล้วก็พาเพื่อนออกไปเที่ยวนะลูก คุณนายมุนบอกลูกสาว เธอจึงพยักหน้ารับด้วยความยินดี ก่อนจะหันมาหาร่างเล็กข้างๆ แม้ทั้งคู่จะไม่พูดอะไรกันแต่ทั้งสองก็เหมือนสื่อถึงกันได้ รอยยิ้มจึงปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเธอ เมื่อรถจอดลงตรงหน้าบ้านทั้งสี่ก็ต้องแปลกใจที่พบแขกซึ่งไม่คาดคิดยืนรอพวกเขาอยู่

เซอไพร์ส!” ร่างโปร่งโผเข้าหาเพื่อนสาวทันทีที่เธอลงจากรถ ก่อนจะหันไปทักทายกับคุณและคุณนายมุน

สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ สุขสันต์วันชูซอกนะค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ เธอกล่าวทักทายพร้อมอวยพรด้วยความนอบน้อม

ตายจริงฮโยจู ไม่ได้เจอกันนานเลยลูก เป็นไงมาไงละจ๊ะเนี่ย คุณนายมุนกล่าวด้วยความดีใจที่เห็นร่างโปร่งซึ่งเธอรักและเอ็นดูเหมือนลูกสาวอีกคน

รีบเข้าบ้านก่อนดีกว่านะแม่ คุณมุนซึ่งก็ดีใจไม่แพ้ภรรยารีบกล่าวเชื่อเชิญฮโยจูเข้าบ้านทันที อัญชันที่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์อันดีของสองครอบครัวก็ได้แต่เดินตามหน้าเจื่อน คุณและคุณนายมุนพูดคุยกับร่างโปร่งอยู่นานโดยมีร่างเล็กนั่งหน้าจ๋อยอยู่ไม่ไกล

ตายจริงดูซิคุยกันซะเพลินเลย เดี๋ยวเด็กๆก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันพอดี เอ้าแชวอนพาเพื่อนๆออกไปเที่ยวชมเมืองซิลูก มากันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ คุณนายมุนเอ่ยขึ้น

ว้าว! น่าสนุกนะค่ะ ไปกันเถอะแชวอน ร่างโปร่งลุกขึ้นพร้อมดึงร่างบางให้ลุกตาม

อ่ะ! เดี๋ยวซิรอคุณอัญชันด้วย คุณอัญชันมาค่ะ แชวอนท้วงขึ้นก่อนจะหันไปเรียกร่างเล็กให้ลุกตามออกมา ฮโยจูถึงกับทำหน้าบูดเสียอารมณ์ที่เพื่อนสาวเรียกอีกคนไปด้วย

“อ่ะฉันลืมกล้องเดี๋ยวไปเอาก่อนนะ” แชวอนเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบ้านไป นั่นทำให้ฮโยจูเกิดความคิดดีๆ (ไม่ดี) บางอย่างขึ้น จึงหันไปกระซิบกระซาบกับอัญชัน

“นี่เธอ เธอกล่าวอวยพรคุณพ่อคุณแม่หรือยัง วันชูซอกแบบนี้เขาต้องกล่าวอวยพรกันนะ” ฮโยจูเอ่ยขึ้น อัญชันได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ ฮโยจูจึงกระซิบบอกคำอวยพรกับร่างเล็ก ก่อนที่อัญชันจะหันไปหาคุณและคุณนายมุน

“ชอน พาโบ อินเด ปอนปอน อาซิปซิโอ (ฉันเป็นคนโง่เง่าและหน้าไม่อาย)” ร่างเล็กกล่าวพร้อมโค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อม คุณและคุณนายมุนถึงกับพูดไม่ออก พอดีกับที่แชวอนเดินลงมาเธอจึงทันได้ยินสิ่งที่ร่างเล็กพูด

“ฮโยจู!” แชวอนเอ็ดเสียงเขียว

“ฮ่าๆๆ เธอเป็นคนตลกนะคะคุณแม่” หากแต่ด้วยความฉลาดพูดฮโยจูจึงเบี่ยงประเด็นเป็นการล้อเล่นของอัญชันไป จึงทำให้คุณและคุณนายมุนหัวเราะชอบใจ หากแต่คนถูกแกล้งโดยไม่รู้ตัวอย่างอัญชันได้แต่ยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ทั้งสามจะออกจากบ้าน

พวกเธอตรงไปยังวูบังทาวเวอร์แลนด์ สวนสนุกซึ่งมีหอคอยสูงวูบังซึ่งเปรียญเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองแดกูตั้งอยู่ เมื่อเข้ามาภายในสวนสนุกอัญชันก็ตื่นตาไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆรวมถึงผู้คนที่คลาคล่ำอยู่ในนี้

เอาล่ะ! ไปเล่นกันเถอะ ฮโยจูดึงมือแชวอนและตรงขึ้นไวกิ้งทันที ร่างโปร่งเลือกที่นั่งท้ายสุดโดยให้เหตุผลว่ามันเสียวที่สุดนั่นเอง แชวอนและฮโยจูต่างร้องหวี๊ดว้ายทุกครั้งที่ไวกิ้งแกร่งไกว แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกสนุกไปกับมันจะมีเพียงร่างเล็กที่นั่งหน้าเหลืองอยู่ริมสุดแถวที่นั่ง ด้วยไม่เคยชินกับเครื่องเล่นแบบนี้ แม้ในเมืองไทยจะมีอยู่ก็ตามแต่ลูกชาวสวนอย่างเธอเคยเล่นแต่เพียงรถบั๊มงานวัดเท่านั้น หลังลงจากไวกิ้งฮโยจูก็ลากร่างบางไปต่อรถไฟเหาะ เพียงแค่เห็นความยาวของรางก็ทำให้อัญชันแทบจะเป็นลม แต่ก็ต้องจำใจตามสองสาวไปโดยนั่งอยู่แถวหลังเพียงลำพัง รถไฟไหลไปตามรางอย่างเชื่องช้าก่อนจะดิ่งลงรางด้วยความเร็วสูง สองสาวกรีดร้องด้วยความเสียวซ่าน โดยที่อัญชันนั่งเกร็งเหงื่อแตกพลั่กอยู่ด้านหลัง เมื่อเสร็จจากรถไฟเหาะร่างโปร่งก็ลากเพื่อนสาวไปยังบ้านผีสิง แค่เพียงคิดว่าต้องเข้าไปข้างในหน้าอัญชันก็ซีดเป็นไก้ต้ม หากแต่ขาแข็งๆของเธอก็ต้องเดินตามผู้นำไปอย่างจำใจ เมื่อเข้ามาภายในสองสาวก็วิ่งกระเจิงเมื่อเจอผีหัวขาดเข้าจู่โจม ทิ้งให้ร่างเล็กยืนขาสั่นอยู่คนเดียวด้วยไม่มีแรงจะวิ่งหนี จนฮโยจูและแชวอนออกมาได้สักพักจึงเห็นร่างเล็กโผล่ออกมาจากบ้านผีสิงพร้อมพนักงานที่เดินออกมาส่งและเด็กคนหนึ่งที่ร้องไห้งอแง แชวอนเห็นหน้าซีดๆของอัญชันจึงเดินเข้าไปหา

คุณอัญชันไหวไหมค่ะ? เป็นยังไงบ้าง? แชวอนถามด้วยความเป็นห่วง ร่างเล็กยิ้มตอบหน้าเจื่อน ก่อนจะขอตัวสักครู่เพื่อหลบไปอาเจียน จากความเสียวไปเจอความสูงแล้วมาต่อด้วยความสยอง คิมบับที่กินเข้าไปเลยขย่อนออกมาให้เจ้าของร่างเสียดาย แต่เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อสู้กับเครื่องเล่นเครื่องต่อไปเธอก็ต้องทำ หลังจากอาเจียนจนพอใจร่างเล็กก็เดินกลับมาหาสองสาว หากแต่ก็ต้องตกใจที่เห็นคนมากมายรุมล้อมร่างบางอยู่ เป็นเหล่าแฟนคลับที่บังเอิญมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง

อย่างงี้ละน้า ออกมาข้างนอกแล้วไม่ปลอมตัวนะ ก็เจอแบบนี้ทุกคนนั่นละ ฮโยจูเอ่ยขึ้นกับร่างเล็ก อัญชันจึงหันไปมองเธอเลยเพิ่งจะสังเกตว่า เธอไม่ได้ถูกใครรุมล้อมทั้งที่เธอได้รับความนิยมมากกว่าร่างบางเสียอีก นั่นคงเป็นเพราะเธอปลอมแปลงตัวเองจนไม่เหลือเค้าดารา ทั้งวิกทรงกะลาและแว่นตาหนาเตอะ แถมยังเสื้อผ้าเชยๆลุ่มล่ามนี่อีก ดูยังไงก็ไม่ใช่ ฮัน ฮโยจู

“นี่ แบบนี้คงอีกนานเลย ฉันว่าพวกเราไปทำธุระกันก่อนดีกว่า” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำไป อัญชันได้แต่ทำหน้าสงสัยด้วยไม่แน่ใจว่าอีกคนพูดกับเธอ เมื่อเห็นร่างเล็กยังยืนทำหน้าเอ๋อฮโยจูจึงร้องเรียก

“เอ้า เร็วๆซิ!” ร่างโปร่งหันมาทำเสียงเข้มใส่ อัญชันจึงรีบวิ่งตามทันที ฮโยจูขับรถพาอัญชันออกมาจากสวนสนุกโดยไม่บอกจุดหมายใดๆกับอีกคนที่นั่งข้างๆ

“เอ่อ...เราจะไปไหนกันหรือค่ะ?” ร่างเล็กทำใจกล้าถามขึ้น

“เดี๋ยวก็รู้” ร่างโปร่งหันมามองและตอบสั้นๆ ก่อนจะหยุดลงตรงแผงขายส้มข้างทาง

“ฉันอยากกินส้ม เธอลงไปซื้อให้หน่อยซิ เอามาห้าสิบลูกนะ” ฮโยจูเอ่ยขึ้นกับร่างเล็ก อัญชันที่ยังไม่ได้ตั้งตัวทำหน้างงที่อยู่ๆอีกคนก็จอดรถและบอกให้เธอไปซื้อส้ม แต่ด้วยไม่กล้าขัดใจอีกฝ่ายเธอเลยต้องลงรถไปแต่โดยดี อัญชันเดินเข้าไปถามราคากับคนขาย พวกเขาสื่อภาษากันสักพักอัญชันก็รู้ราคาว่าส้มลูกละแปดร้อยวอน

“โอ้นี่มันเกือบจะยี่สิบบาทเลยนะ” ร่างเล็กนึกในใจ เธอถึงกับหน้าซีดที่รู้ราคา ก่อนจะตัดสินใจสั่งจำนวนแก่คนขายไป เธออยากจะร้องไห้ตอนที่ยื่นเงินให้กับคนขายเพราะนั่นเป็นเงินที่เธอมีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ เมื่อได้ส้มมาตามจำนวนที่ร่างโปร่งต้องการอัญชันจึงเดินกลับไปที่รถ แต่เมื่อเธอเดินเกือบจะถึงรถทันใดนั้นรถก็แล่นออกไปทันที ร่างเล็กได้แต่มองตามหน้าเอ๋อพร้อมกับถือส้มถุงใหญ่ไว้ในมือ

เมื่อร่างโปร่งกลับมายังสวนสนุกก็เดินกลับไปหาเพื่อน ณ จุดที่เธอเคยอยู่

“ฮโยจูไปไหนมา? หาตั้งนาน” แชวอนถามขึ้นทันทีที่เห็นร่างของเพื่อน

“ก็ไปเดินหาอะไรเล่นนะซิ จะให้ยืนรอเธอเป็นชั่วโมงๆรึไง” ร่างโปร่งตอบ

“แล้วคุณอัญชันล่ะ?” แชวอนถามขึ้นเมื่อมองไม่เห็นร่างเล็ก

“ไม่รู้ซิ สงสัยคงไปหาอะไรกินมั้ง เดี๋ยวก็คงมาแหละ” ฮโยจูตอบอย่างไม่ยี่ละ แชวอนที่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล แต่ก็หวังว่าเธอคงจะคิดมากไปเท่านั้น

ขณะเดียวกันอัญชันที่เดินถือถุงส้มใบใหญ่ไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายก็เริ่มจะล้าและหนาวจับใจ เพราะเธอดันถอดโค้ทไว้ในรถ มือที่ถือถุงแข็งและเจ็บไปหมดเธอจึงต้องคอยเปลี่ยนสลับข้างบ่อยๆจนหูหิ้วมันขาดส้มในถุงจึงหล่นเต็มพื้น อัญชันรีบวิ่งไล่เก็บทันที

“โอ้ยลูกตั้ง20บาท” เธอร้องด้วยความเสียดาย และก้มลงเก็บส้มที่หล่นตามพื้นโดยใช้เสื้อของตัวเองเป็นภาชนะ ร่างเล็กค่อยๆตามเก็บไปทีละลูกโดยไม่รู้เลยว่าเธอนั้นคลานออกมาอยู่กลางถนน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็เห็นรถคันหนึ่งกำลังแล่นมาที่เธอ

“ฮโยจู นี่มันนานแล้วนะ แล้วฉันก็หาทั่วแล้วด้วย คุณอัญชันไปไหนกันแน่” แชวอนถามขึ้นด้วยความร้อนใจ

“เอ่อ.....คงท้องเสียมั้ง เธอไปดูในห้องน้ำหรือยัง?” ร่างโปร่งยังเฉไฉ

“ฮโยจู!” แชวอนเหลืออดกับการเล่นลิ้นของเพื่อน

“ก็ได้ๆ ฉันไปปล่อยยัยนั่นไว้ข้างถนน” ฮโยจูกลัวอารมณ์ของเพื่อนสาวที่ไม่บ่อยนักเธอจะปรี๊ดแตก เลยยอมสารภาพ

“อะไรนะ? ที่ไหน? ถ้าเขาหลงทางจะทำยังไง?” แชวอนเอ็ดใส่ยกใหญ่

“บ้าน่า ยัยนั่นไม่ใช่เด็กๆ ถึงจะโง่ขนาดไหนก็เถอะ” ร่างโปร่งยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงความเป็นไปของอัญชัน

“ฮโยจู! รีบไปรับเขาเดี๋ยวนี้เลย” ร่างบางบอกเสียงเขียว เพื่อนสาวจึงจำใจทำตาม หากแต่พอขับมาถึงแผงส้มร้านเดิมกลับไม่พบเงาของร่างเล็ก

“ไหนล่ะ?” แชวอนถามอย่างร้อนใจ

“ก็...ฉันทิ้งไว้ตรงนี้นี่” ฮโยจูตอบด้วยความจนปัญญา ร่างบางจึงกดโทรศัพท์ไปหาอัญชัน หากแต่เสียงมันดันดังขึ้นในรถ นั่นยิ่งทำให้แชวอนเป็นกังวลไปกว่าเก่า

“พระเจ้าได้โปรด คุ้มครองคุณอัญชันด้วย” แชวอนภาวนา

“ตกใจเลยครับ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณอึนชัน” จินโฮเอ่ยขึ้นหลังจากที่เหยียบเบรกตัวโก่งเพื่อไม่ให้ชนคนตัวเล็กที่มัวแต่เก็บส้มล้ำค่าของเธอ ก่อนจะพาขึ้นรถมาด้วย

“แหมฉันเองก็ตกใจเหมือนกันค่ะ คิดว่าจะโดนชนซะแล้ว” อัญชันตอบอย่างโล่งใจ

“ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ละครับ แล้ว...แชวอนไปไหน?” จินโฮถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เอ๊ะคุณจินโฮ รู้ได้ยังไงค่ะว่าฉันมาที่นี่กับคุณแชวอน?” หากแต่เป็นอัญชันที่สงสัยยิ่งกว่าเมื่อได้ยินคำถามของอีกคน

“เอ่อ...ฮโยจูบอกผมนะครับ” จินโฮรีบหาคนอ้างทันที อัญชันได้ยินคำตอบก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แล้วตกลง ทำไมคุณถึงได้มาอยู่กลางถนนคนเดียวละครับ?” จินโฮถามย้ำอีกที อัญชันได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดหาคำตอบ

“คือ....คุณฮัน เขา....ให้ฉัน..เอ่อ....” อัญชันไม่รู้จะเล่ายังไงเพราะไม่อยากจะพูดให้ร้ายใคร

“ฮโยจู? นี่พวกคุณเจอกับฮโยจูแล้วรึครับ.....ผมเข้าใจละ นี่คงเป็นฝีมือฮโยจูซินะ” เมื่อจินโฮได้ยินชื่อของร่างโปร่งก็สามารถลำดับเหตุการณ์ได้เองทันที เขาถึงกับส่ายหน้าอย่างระอาต่อความร้ายกาจของเธอ

“แล้วนี่จะให้ผมไปส่งที่ไหนดีละครับ?” เขาหันมาถามจุดหมายกับอัญชัน

สปาวัลเล่ย์” อัญชันตอบเสียงใส



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ต้องการคอมเมนต์ โดยไม่ต้อง Login ตรง แสดงความคิดเห็นในฐานะ
ให้เลือกโปรไฟล์เป็น ไม่ระบุชื่อ