วันศุกร์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 8


ตอนที่ 8 คือรัก? (May be Love)

ฮโยจูและแชวอนมุ่งหน้าไปยังสปาวัลเล่ย์ที่ที่ทั้งสามตกลงกัน ว่าจะไปต่อหลังจากเล่นเครื่องเล่นเสร็จ



“เชื่อฉันเถอะ ฉันว่ายัยนั่นคงไปรอที่สปารวัลเลย์แล้วล่ะ” ฮโยจูกล่าวปลอบใจเพื่อน

“ไม่ต้องมาพูดดีเลย ถ้าหาคุณอัญชันไม่เจอนะน่าดู” แชวอนคาดโทษ เมื่อรถจอดยังลานจอดรถร่างบางก็รีบลงจากรถทันที



“อ้าว นี่รอด้วยซิแชวอน!” ร่างโปร่งร้องเรียกเพื่อนหากแต่ตอนนี้เธอเดินตัวปลิวเข้าประตูไปแล้ว ร่างบางรีบเดินเข้าไปภายในและกวาดสายตามองหาร่างเล็ก ก่อนจะพบเข้ากับร่างคุ้นตาซึ่งกำลังยืนอยู่ตรงบริเวณจำหน่ายตั๋วทางเข้า ที่นี่เหมือนดั่งสวนน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งให้บริการทั้ง ซาวน่า สวนน้ำ เครื่องเล่น และบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง รวมถึงการแสดงต่างๆที่จะสับเปลี่ยนเวียนมาไม่ซ้ำกัน เมื่อร่างบางเห็นอัญชันจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปหาทันที แต่ก็ต้องชะงักเมื่อพบว่าร่างเล็กนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว หากแต่ยังมีร่างสูงของจินโฮยืนอยู่เคียงข้าง



“ที่ผมมาที่นี่ เพราะผมมีบางอย่างจะบอกกับคุณ” จินโฮพูดกับอัญชันด้วยสีหน้าจริงจัง



“ผม รักคุณ” เขากล่าวอย่างหนักแน่น ทำให้คนฟังถึงกับตกตะลึง รวมถึงดาราสาวที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ด้วย ร่างบางถึงกับใจเสียที่ได้ยินเขากล่าวเช่นนี้กับอัญชัน เธอแทบไม่อยากจะรอฟังคำตอบของอีกฝ่าย หากแต่ขาเจ้ากรรมก็ไม่ยอมขยับไปไหน



“คุณจินโฮ คือฉัน........” อัญชันเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ



“ผม ทราบครับ ว่าคุณมีใครในใจแล้ว ที่ผมบอกนี่ไม่ได้ต้องการอะไร เพียงแต่อยากให้คุณรู้ไว้เท่านั้น และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ........ก็แค่ เท่านั้นละครับ” จินโฮอธิบาย หากแต่อัญชันก็ยังรู้สึกลำบากใจอยู่ดี ผิดกับคนที่แอบฟังอยู่หลังพุ่มไม้ที่ตอนนี้ยิ้มแก้มปริเพราะร่างเล็กไม่ได้ ตอบรับความรู้สึกของจินโฮ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกเป็นกังวลเรื่องใครในใจของอัญชันที่ร่างสูงพูด ถึง



“เขาเป็นใครกันนะ?” ร่างบางนึกในใจ



“แช วอนทำอะไรของเธอนะ? ทำไมไม่เข้าไปข้างในละ?” ร่างโปร่งร้องถามเมื่อเข้าเดินมาเห็นท่าทางลับๆล่อๆของเพื่อน เสียงของฮโยจูทำให้จินโฮและอัญชันหันมาทางทั้งสอง



“คุณแชวอน?” อัญชันเอ่ยด้วยความแปลกใจ



“พี่จินโฮ!?” ฮโยจูเองก็แปลกใจไม่น้อยที่เห็นจินโฮที่นี่





“ให้ตายเถอะทำให้คนอื่นเขาเป็นห่วงแทบแย่” ฮโยจูเอ่ยขึ้นหลังจากที่อัญชันเล่าเหตุการณ์ระทึกที่เธอไปเจอมา



“นี่เธอมีสิทธิ์พูดแบบนั้นด้วยหรอ” จินโฮท้วงขึ้นอย่างประชดประชัน



“ทำไมละ ฉันก็แค่หยอกเล่นเฉยๆ ใครจะไปคิดล่ะว่ายัยนี่จะโง่เดินมาคนเดียว” ร่างโปร่งตอบอย่างไม่หยี่ละ



“ฮโยจู!” จินโฮเอ็ดเสียงเขียว ในขณะที่ร่างบางเอาแต่นิ่งเงียบ จนร่างเล็กสังเกตอาการของเธอได้



“คุณแชวอนเป็นอะไรรึเปล่าค่ะ?” อัญชันถามกับร่างบาง



“.....เปล่าค่ะ” แชวอนตอบสั้นๆด้วยใบหน้าครุ่นคิด ตอนนี้ในสมองเธอเต็มไปด้วยคำถามซ้ำๆดังก้องอยู่



“เขาคนนั้นเป็นใครกัน?”



หลัง จากสงครามน้ำลายระหว่างฮโยจูและจินโฮสงบลงทั้งสี่ก็แยกย้ายกันไปใช้บริการ ของสปาวัลเลย์แห่งนี้ จินโฮซึ่งเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวก็แยกออกไปใช้บริการบ่อน้ำร้อนในส่วนของ ผู้ชาย อัญชันเองที่เพิ่งเผชิญอาการหนาวข้างถนนก็รีบตรงเข้าบ่อน้ำร้อนหญิงทันที ส่วนฮโยจูและแชวอนขอตัวไปซื้อของฝากและเสื้อผ้าก่อนจึงจะตามเข้าบ่อน้ำร้อน ไปทีหลัง เมื่อร่างเล็กเข้ามาในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเธอก็รู้สึกขัดเขินกับการเปลื้อง ผ้าที่ไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียวของสาวๆแต่ละคน ก่อนที่จะทำใจกล้าถอดเสื้อของตัวเองอย่างรวดเร็วและรีบใส่ผ้าขนหนูกระโจมอก ทันที ร่างเล็กมุ่งตรงไปยังบ่อน้ำร้อน เมื่อเข้ามาภายในก็ต้องตื่นตากับขนาดของบ่อที่หลากหลายและใหญ่โต รวมถึงผิวขาวๆของสาวเกาหลีซึ่งใจกล้ากันน่าดู พวกหล่อนเดินโทงๆอย่างไม่อายฟ้าดิน ทำให้สาวไทยใจป๊อดอย่างอัญชันต้องเดินตัวหลีบไปยังบ่อซึ่งอยู่ในสุดและไม่ ค่อยมีคน เมื่อถึงบ่อที่หมายอัญชันก็รีบดึงผ้าขนหนูออกและลงไปแช่ในบ่อทันที ด้วยกลัวว่าจะมีใครดวงตกหันมาเห็นร่างเปลือยเปล่าซึ่งดูไม่ต่างจากเด็ก อนุบาลของเธอเข้า ได้แช่ในน้ำร้อนแบบนี้อุณหภูมิในร่างเธอจึงค่อยๆสูงขึ้นหลังจากติดลบอยู่นาน ร่างเล็กถึงกับครางออกมาด้วยความพอใจพร้อมหลับตาพริ้ม เมื่อแช่ไปได้สักพักร่างเล็กก็นึกอะไรบางอย่างได้ ซึ่งทำให้เธอถึงกับสะดุ้ง



“แบบนี้ คุณแชวอนก็ต้อง...........” อัญชันจินตนาการถึงดาราสาวเมื่อหล่อนเข้ามาในบ่อน้ำร้อนนี้



“อยู่ นั่นไงแชวอน ทางนี้ๆ ยัยเตี้ยนั่นอยู่นี่” เสียงฮโยจูร้องเรียกเพื่อนสาวให้เดินมายังตำแหน่งที่ร่างเล็กอยู่ อัญชันได้ยินดังนั้นก็มองไปยังต้นเสียงก่อนจะปรากฏร่างบางของดาราสาว เธอเดินเข้ามาด้วยผ้าขนหนูกระโจมอกผืนน้อย และค่อยๆถอดออกช้าๆ อัญชันมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง ก่อนที่เลือดจะไหลออกมาจากจมูกพร้อมๆกับสติที่ค่อยๆลางเลือน



“คุณอัญชัน ๆๆ” เสียงนุ่มน่าฟังเรียกชื่อร่างเล็กด้วยความห่วงใย อัญชันค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ



“เป็น ยังไงบ้างค่ะ?” แชวอนถามด้วยความเป็นห่วง หากแต่คนที่เพิ่งได้สติถึงกับตกใจรีบลุกพรวดทันที หลังจากร่างเล็กหมดสติไปทั้งสองก็พามายังห้องแต่งตัว พร้อมทั้งเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วย



“คะ คะ...คุณแชวอน” ร่างเล็กติดอ่างและรีบเอามือปิดจมูกตัวเองไว้ด้วยกลัวเลือดมันจะไหลพรวดออก มา พร้อมมองดาราสาวอย่างสำรวจ หากแต่ตอนนี้แชวอนใส่ผ้าขนหนูกระโจมอกอยู่



“ยัยโรคจิต” เสียงฮโยจูดังขึ้นที่ข้างหนูร่างเล็ก



“ฮโยจู!” แชวอนเอ็ดใส่เพื่อน



“ก็ จริงนี่ แค่เธอถอดผ้าขนหนูยัยนี่ก็ถึงกับเลือดกำเดาไหล ถ้าไม่ใช่โรคจิตแล้วจะเป็นอะไร” ร่างโปร่งอธิบาย อัญชันได้แต่ส่ายหน้าปฏิเสธ



“เลือดกำเดาไหลมันมีตั้งหลายสาเหตุ น้ำอาจจะร้อนเกินไปก็ได้” แชวอนแย้ง ร่างเล็กจึงพยักหน้าเห็นด้วยหงึกๆ



“งั้น หรอ” ฮโยจูกล่าวก่อนจะเดินเข้าไปดึงผ้าขนหนูของเพื่อนออก เผยให้เห็นบิกินี่ตัวน้อยที่เธอเพิ่งไปซื้อกับร่างโปร่งมาก่อนจะเข้าไปในบ่อ น้ำร้อน หากแต่นั่นก็ทำให้ร่างเล็กตกตะลึงตาค้างอยู่ดี

แหมะๆๆ เสียงเลือดสีข้นจากจมูกของอัญชันค่อยๆหยดลงพื้น



“ว้าย! เห็นไหม ยัยนี่โรคจิตจริงๆ” ฮโยจูร้อง



“รีบๆเอาผ้ามาซับเลือดก่อนเถอะ” แชวอนบอกเพื่อน ก่อนจะเข้าไปปฐมพยาบาลร่างเล็ก



เมื่อ เหตุการณ์วุ่นวายจบลงทั้งสามก็ออกไปยังห้องซาวน่า ที่ที่นัดกับจินโฮไว้ ร่างเล็กเดินตามหลังมาคอตกพลางซับเลือดกำเดาที่ยังคงไหลอยู่เล็กน้อยของตน ตลอดทาง จินโฮมองเห็นอาการดังกล่าวก็รีบเดินเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง



“เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย?” จินโฮถามด้วยความสงสัย



“จะเกิดอะไรล่ะ ก็ยัยนี่หื่นแตกนะซิ” ฮโยจูตอบ จินโฮได้แต่ทำหน้างง



“ฮโยจู! คุณอัญชันเลือดกำเดาไหลนะค่ะ” แชวอนเอ็ดเพื่อนก่อนจะหันไปตอบจินโฮ



“เป็น อะไรมากไหมครับ ไปหาหมอดีไหม?” จินโฮถามร่างเล็กอย่างโอนโยนพร้อมก้มมองด้วยความเป็นห่วง สร้างความขุ่นใจให้สองสาวเพื่อนซี้ที่ยืนมองตาร้อนอยู่ข้างๆ



“แค่นี้ เอาถุงเย็นประคบก็หายแล้ว มานี่ยัยเตี้ย” ฮโยจูหมันไส้จึงเข้าไปลากร่างเล็กให้เดินไปหาพนักงานกับเธอ ก่อนจะได้รับถุงเย็นมาประคบ จากนั้นทั้งสี่ก็นั่งเล่นกันในห้องซาวน่าสักพักจนรู้สึกสบายตัว แล้วจึงแยกย้ายไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวกลับ หากแต่ร่างเล็กพบว่าที่อาบน้ำนั้นเป็นแค่ฝักบัวที่อยู่ติดกันเป็นพืดโดยไม่ มีผนังหรือประตูใดๆ



“คุณอัญชันไม่ไปอาบน้ำหรือค่ะ?” แชวอนเอ่ยถามขึ้นเมื่อยังเห็นร่างเล็กยืนทื่ออยู่



“คือฉัน....ฉันยังไม่อยากอาบนะค่ะ เดี๋ยวค่อยกลับไปอาบที่บ้านก็ได้” อัญชันตอบหน้าเจื่อน



“ยี้ สกปรก ไปกันเถอะแชวอน” ฮโยจูที่ได้ยินก็ทำท่ารังเกียจและรีบลากเพื่อนสาวไปอาบน้ำกับเธอทันที เมื่อสองสาวเดินไปพ้นแล้วร่างเล็กก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก หากเธอต้องไปอาบน้ำร่วมกับแชวอนมีหวังเลือดเธอคงไหลหมดตัวแน่ เพราะไม่รู้แน่ว่าที่เลือดกำเดาไหลเป็นเพราะอากาศหนาวๆร้อนๆ ที่เจอมาหรือเพราะดาราสาวกันแน่ เพราะฉะนั้นป้องกันตัวไว้ก่อนดีกว่า อัญชันคิด



หลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยทุกคนก็ออกมาพบกันที่หน้าประตูทางเข้าสปาวัลเลย์



“โอ้ยหิวจังเลยอ่ะ แชวอน” ฮโยจูคร่ำครวญขึ้น



“งั้นก็รีบกลับเถอะ ป่านนี้คุณแม่คงทำอาหารไว้เลี้ยงมื้อใหญ่แล้วล่ะ” แชวอนตอบ



“เลิศ! พี่จินโฮไปทานด้วยกันนะค่ะ” ฮโยจูเข้าไปคล้องแขนออดอ้อนร่างสูงทันที



“เจ้าบ้านเขายังไม่เชิญเลย จะให้พี่ไปได้ยังไง” จินโฮเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงหันไปมองที่แชวอนเป็นตาเดียว



“เอ่อ...เชิญ ค่ะ ยินดีต้อนรับ ทานกันเยอะๆน่าสนุกดีออกค่ะ” แชวอนตอบอย่างเจ้าบ้านที่ดี หากแต่ใจจริงแล้วเธอไม่อยากให้เขาไปด้วยเลย เพราะไม่อยากให้เขาอยู่ใกล้ใครบางคน



“งั้นไปกันเถอะค่ะ” ฮโยจูรีบลากแขนร่างสูงเดินไปทันที



“เอ้า เดี๋ยวซิแล้วคุณอึนชัน...” จินโฮท้วงขึ้นหากแต่ไม่เป็นผลร่างโปร่งไม่ฟังเสียงดึงรั้งเขาลูกเดียว จนจินโฮต้องเดินตามอย่างจำใจ เหลือเพียงอัญชันและแชวอนที่ยืนมองพวกเขาเดินจากไป ก่อนจะหันกลับมามองหน้ากัน



“เอ่อ...งั้นเราก็ไปกันเถอะค่ะ” แชวอนเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินนำร่างเล็กไป





เมื่อ มาถึงบ้านคุณและคุณนายมุนก็ต้อนรับทุกคนเป็นอย่างดี คุณนายมุนเตรียมหม้อไฟหม้อใหญ่ไว้ให้ทุกคนทานกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมทั้งสนทนากันอย่างถูกคอ หลังจากทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาที่จินโฮต้องขอตัวกลับ เพราะเขาจองโรงแรมเอาไว้ในตัวเมืองก่อนแล้ว และคงไม่เหมาะที่จะค้างบ้านของแชวอน



“พรุ่งนี้เราจะไปวัดแฮอินซากันนะค่ะ พี่ต้องไปให้ได้นะ” ฮโยจูบอกเสียงใสขณะออกมาส่งจินโฮที่หน้าบ้าน



“อืม.... ผมกลับก่อนนะครับ ดูแลสุขภาพด้วยนะครับคุณอึนชัน แล้วเจอกันครับ” หากแต่จินโฮกลับตอบร่างโปร่งเพียงสั้นๆก่อนจะหันไปกล่าวลากับอัญชันอย่าง อ่อนโยน แล้วจึงแล่นรถออกไป ฮโยจูจึงหันกลับไปมองอัญชันตาเขียว



“ยัย โรคจิต” ฮโยจูพูดใส่ด้วยน้ำเสียงรังเกียจ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปและเบียดร่างเล็กจนล้ม ร่างโปร่งไม่แม้จะหันกลับมามอง อัญชันได้แต่มองฮโยจูอย่างอ่อนใจ นี่เธอคงจะโดนล้อว่าโรคจิตยันลูกบวชแน่ๆ



“เป็นยังไงมั่งค่ะ?” แชวอนเข้าไปช่วยพยุงอัญชัน



“ไม่เป็นไรค่ะ” ร่างเล็กตอบพร้อมรอยยิ้ม



“ขอโทษแทนฮโยจูด้วยนะค่ะ วันนี้เขาทำกับคุณไว้เยอะเลย” แชวอนเอ่ยขอโทษเสียงเศร้า



“ไม่ เป็นไรค่ะ ฉันว่า ฉันพอจะเข้าใจคุณฮันขึ้นมาบ้างแล้วล่ะค่ะ” อัญชันตอบพลางลูบศีรษะหัวเราะแฮะๆ คำพูดนั้นทำให้แชวอนทำหน้าสงสัย แต่ไม่นานก็เข้าใจคำพูดของอีกคน ว่าเพราะจินโฮที่ฮโยจูรักหนักหนาดันมาชอบร่างเล็กเข้า จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อัญชันจะโดนฮโยจูแกล้ง เมื่อคิดได้ดังนั้นแชวอนเลยเดินหนีออกมาด้วยใบหน้าเฉยชาที่ซ่อนอารมณ์ไว้ภาย ใน ให้ร่างเล็กมองตามด้วยความแปลกใจ





ค่ำคืนที่ดวงดาวพรางพราว เต็มฟ้า แม้อากาศจะหนาวเย็นแต่ร่างบางก็ยังพาตัวออกมาสูดอากาศของนอก เพราะทนอยู่ในห้องที่เพื่อนตัวป่วนคอยกวนใจอยู่ไม่ไหว ตอนนี้ในสมองเธอมีเรื่องวุ่นให้ครุ่นคิด ร่างบางนั่งลงไปยังเกาอี้ชิงช้าสีขาวหน้าบ้านพร้อมเหม่อมองดาวบนฟ้า



“ผม ทราบครับ ว่าคุณมีใครในใจแล้ว” คำพูดของจินโฮดังขึ้นในสมองเธออีกครั้ง มันทำให้เธอรู้สึกปวดใจทุกครั้งที่นึกถึง ใครกันที่ครอบครองหัวใจร่างเล็ก ใครกันที่โชคดีปานนั้น



“แล้วนี่ฉัน...ทำไม..ต้องคิดแบบนี้ด้วย เนี่ย?” ร่างบางเอ่ยขึ้นกับตัวเอง เธอสงสัยและสับสน ก่อนจะหยิบมือถือเครื่องน้อยของตัวเองออกมา หวังจะได้คุยกับคนรู้ใจให้ลืมเรื่องวุ่นๆ หากแต่ใครอีกคนนั้นไม่ได้อยู่ในระบบ ร่างบางจึงต้องนั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว เมื่อไม่มีสิ่งอื่นให้ทำ สมองเธอก็กลับมาครุ่นคิดเรื่องเดิมอีก



“ให้ตายเถอะ มันจะกวนใจกันมากไปแล้วนะคุณอัญชัน” ร่างบางพูดอย่างเหลืออด



“ขะ ขอโทษค่ะ!” ร่างเล็กที่เพิ่งเดินออกจากบ้านมาได้ยินเสียงเอ็ดเข้า จึงกล่าวขอโทษไปอย่างตกใจ ร่างบางเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าอีกคนที่อยู่ๆ ตัวป่วนหัวใจก็ปรากฏตัวขึ้นโดยไม่บอกไม่กล่าว



“งั้นฉันเข้าบ้านก็ได้ค่ะ” ร่างเล็กกล่าวก่อนจะหันหลังกลับ



“ไม่ต้องค่ะ ฉัน..ฉันไม่ได้ว่าคุณ” แชวอนร้องห้ามขึ้น อัญชันจึงหันกลับมาช้าๆ



“เอ่อ...งั้น ฉัน ขออยู่ข้างนอกนี้ด้วยคนนะค่ะ” ร่างเล็กขออนุญาต ก่อนจะเดินออกไปยังสนามหน้าบ้าน อัญชันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีดาวอยู่พรางพราว



“สวยจังเลยนะค่ะ” ร่างเล็กเอ่ย แชวอนจึงเงยหน้ามองตาม



“นั่นสิค่ะ ดาวเต็มฟ้าเลย สวยมากๆเลยนะค่ะ” ร่างบางตอบ



“ฉัน หมายถึงดวงจันทร์นะค่ะ เพราะต่อให้มีดาวเต็มฟ้าก็ไม่งดงามเท่าแสงนวลของจันทรา” ร่างเล็กอธิบาย ทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดง ก่อนที่ร่างเล็กจะรู้สึกตัวว่าพูดอะไรสองแง่สองงามออกไป เลยไม่รู้จะแก้ตัวยังไงได้แต่ยืนเกาศีรษะตนเอง ทั้งสองนิ่งเงียบไปชั่วขณะหนึ่งด้วยไม่รู้จะพูดอะไรกัน ก่อนที่อัญชันจะสังเกตเห็นว่าร่างบางนั่งตัวสั่นอยู่ เนื่องจากเธอไม่ได้นำเสื้อโค้ทออกมาด้วย ร่างเล็กจึงเดินเข้าไปหาเธอและคลุมผ้าคลุมที่ตัวเองคลุมออกมาจากบ้านให้แก่ ร่างบาง แชวอนมองหน้าร่างเล็กด้วยความแปลกใจและรีบถอดผ้าคลุมคืนให้อีกคน



“คลุม ไว้เถอะค่ะ กลางคืนอากาศมันเย็นมากนะค่ะ” หากแต่ร่างเล็กห้ามมือบางไว้ แชวอนจึงต้องรับไว้อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเห็นอีกคนยืนตัวสั่นแทน ทั้งที่ตัวเองใส่แค่เสื้อแขนยาวตัวเดียวแท้ๆยังเอาผ้าคลุมให้เธออีก ร่างบางถึงกับอมยิ้มให้ความใจดีนี้



“คุณอัญชันค่ะ” แชวอนเรียกเสียงหวาน



“ค่ะ?” ร่างเล็กจึงหันมาด้วยความสงสัย ร่างบางจึงตบไปที่ม้านั่งด้านข้างตัวเองเป็นสัญญาณบอกให้อีกคนมานั่งข้างๆ แม้จะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ร่างเล็กก็ทำตามอย่างว่าง่าย อัญชันเดินไปนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ข้างๆแชวอน ปากก็พยายามเป่าลมร้อนใส่ฝ่ามือเพื่อคลายความหนาว ก่อนที่ร่างบางจะขยับเข้ามาใกล้ร่างเล็กและแบ่งผ้าคลุมให้อีกคน



“คลุม ไว้นะค่ะ กลางคืนอากาศมันเย็นมาก” แชวอนพูดล้อคำพูดของอัญชัน ร่างเล็กที่เจอร่างบางประชิดตัวก็ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งแข็งทื่อในขณะที่ทั้งหูและใบหน้าแดงเถือกด้วยความเขินอาย แชวอนได้แต่หัวเราะขบขันกับท่าทางนั้น



“คุณอัญชันร้อนหรือค่ะหน้าแดงเชียว?” ร่างบางแกล้งถามขึ้น



“อ่ะ..ปะ.. เปล่าค่ะ ไม่ร้อนค่ะ กำลัง...กำลังดีเลยค่ะ” ร่างเล็กถึงกับตอบติดอ่าง แชวอนมองท่าทางนั้นด้วยความเอ็นดู เพราะคนตัวเล็กน่ารักถึงเพียงนี้ มันก็ช่วยไม่ได้ที่เธอจะเผลอใจรักสาวเฟอะฟ่ะคนนี้เสียแล้ว......?



“ละ มั้ง อาจจะนะ” ร่างบางคิดในใจ เมื่อได้ข้อสรุปของหัวใจที่ไม่ค่อยจะแน่ชัดนักก็ทำให้ร่างบางรู้สึกผ่อนคลาย บวกกับบรรยากาศแสนสบายนี้ทำให้เธอผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว จึงไปซบเข้ากับไหล่ของร่างเล็ก อัญชันเกือบสะดุ้งที่อยู่ๆคนข้างๆก็ซบมาที่ไหล่ ร่างเล็กค่อยๆหันไปมองคนข้างๆอย่างช้าๆ ก็พบเข้ากับใบหน้างามหลับตาพริ้ม อัญชันนิ่งมองใบหน้านั้นเนิ่นนาน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์ที่ฉายแสงนวลบนท้องฟ้าอีกครั้งพร้อมส่งยิ้ม ให้



“ราตรีสวัสดิ์นะ My Sweet Moon”



วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนพิเศษ Happy White Day






Happy White Day



14 มีนาคม วันที่แสนยุ่งเหยิงอีกวันหนึ่งของดาราสาวมุนแชวอน และมันก็ทำให้ผู้ช่วยตัวเล็กต้องหัวปั่นไปด้วยเช่นกัน



“เอา ล่ะๆ เก็บของเสร็จแล้วใช่ไหมจ๊ะ ต่อไปแชวอนต้องไปถ่ายแบบกับนิตยสาร M นะ จากนั้นก็ไปงานการกุศลที่ห้าง A แล้วค่อยกลับไปที่บริษัทฯเพื่อให้สัมภาษณ์กับแม็กกาซีนออนไลน์ เดี๋ยวเจ๊ต้องไปรับบรีฟรายการที่จะถ่ายพรุ่งนี้ก่อน ที่เหลือฝากด้วยนะจ๊ะอึนชัน” คุณจางผู้จัดการแต๊วสั่งเป็นวรรคเป็นเวรกับผู้ช่วยตัวเล็กที่รนรานเก็บ สัมภาระของดาราสาว หลังจากที่เธอถ่ายทำละครเสร็จ จากนั้นสองสาวก็เดินทางไปตามตารางงานที่แน่นเอียดของมุนแชวอน ก่อนจะกลับมายังบริษัทสตาร์เคย์เพื่อให้สัมภาษณ์กับแม็กกาซีนออนไลน์ซึ่ง เป็นงานสุดท้ายของวันนี้ ในระหว่างการสัมภาษณ์นั้นทำให้อัญชันมีเวลาว่างได้พักหลังจากวิ่งวุ่นมาทั้ง วัน เธอจึงปลีกตัวเดินออกมานอกห้องหมายจะไปกดเครื่องดื่มที่ตู้ขายอัตโนมัติ



“เหนื่อยหน่อยนะครับวันนี้” เสียงนุ่มทักขึ้นจากด้านหลัง



“อ้าวคุณจินโฮ สวัสดีค่ะ” ร่างเล็กจึงหันไปตามเสียงเรียก



“คิดว่าจะ่ไม่ได้พบคุณซะแล้ววันนี้” จินโฮเอ่ยขึ้นให้ร่างเล็กสงสัย



“เอ๋? คุณมีธุระกับฉันหรือค่ะ?” เธอจึงถามขึ้นด้วยความฉงน



“นี่ ครับ ของตอบแทนจากวันวาเลนไทน์” จินโฮเฉลยพร้อมยื่นกล่องเครื่องประดับใบน้อยให้เธอ เธอมองมันด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะหยิบสร้อยข้อมือเส้นเล็กออกมาหมายจะใส่ให้กับเธอ



“เอ่อ...ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ของแพงแบบนี้” ร่างเล็กกล่าวปฏิเสธ



“ทำไมละครับ เรื่องราคามันไม่เห็นจะสำคัญเลย” เขาแย้งขึ้น



“สำคัญ สิค่ะ ยิ่งราคาแพงก็แสดงว่าคนที่เราให้ก็ยิ่งสำคัญ และฉันไม่คิดว่า ฉันจะมีความสำคัญกับคุณขนาดนั้น” อัญชันอธิบาย นั่นทำให้จินโฮถึงกับอึ้ง นี่หมายความว่าที่หล่อนให้ช็อคโกแลตถูกๆกับเขาไม่ใช่เพราะเธอไม่มีเงิน หากแต่เพราะเขาไม่สำคัญต่อเธอหรอกหรือ



“แต่ถ้าคุณอยากให้ฉันจริงๆ ฉันขอเป็นโค้กสักกระป๋องได้ไหมค่ะ” ร่างเล็กกล่าวเสียงใสพร้อมชี้ไปที่ตู้ขายเครื่องดื่มอัตโนมัติ จินโฮได้แต่หัวเราะหน้าเศร้า ก่อนจะกดเครื่องดื่มให้เธอตามที่ขอ



“Happy White Day นะครับ” เขากล่าวเสียงเศร้าและเดินจากไป ร่างเล็กได้แต่มองตามอย่างงุนงง ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างออก



“เอ๊ะ นี่วัน White Day หรอ ตายแล้วลืมไปเลยฉัน จะทำยังไงล่ะเนี่ย จะให้อะไรกับคุณแชวอนดี?” อัญชันเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม (White Day เป็นวันที่ผู้ชายจะมอบของตอบแทนคืนให้กับฝ่ายหญิงที่มอบช็อคโกแลตให้ในวันวา เลนไทน์ หรืออีกความหมายหนึ่งเป็นการตอบรับรัก)



ณ ร้านจิวเวลรี่หรูแห่งหนึ่ง ร่างสูงเดินเข้ามาอย่างเศร้าสร้อย



“ขอโทษนะครับ ผมขอเปลี่ยนเครื่องประดับได้ไหมครับ?” เขาควักกล่องสร้อยข้อมือออกมาจากสูท



“ได้ค่ะ จะเปลี่ยนเป็นอะไรดีค่ะ?” พนักงานสาวตอบเสียงใส ร่างสูงจึงครุ่นคิดสักครู่



“ผมขอ.......



หลัง การสัมภาษณ์เสร็จสิ้นก็เป็นเวลาเย็นย่ำมากแล้ว จึงทำให้อัญชันไม่มีเวลาพอที่จะออกไปซื้อของให้ดาราสาวทัน เมื่อไม่มีทางเลือกร่างเล็กจึงตัดสินใจที่จะชวนดาราสาวไปทานข้าวเป็นการตอบ แทน



“เอ่อ..คุณแชวอนค่ะ..” อัญชันยังไม่ทันได้พูดสิ่งที่ต้องการหากแต่เสียงมือถือของดาราสาวก็ดังขึ้น ขัดเสียก่อน แชวอนจึงต้องรับสายของเธอ



“มีอะไรฮโยจู?” แชวอนทักเพื่อนเสียงขุ่นเพราะอีกคนดันโทรมาขัดจังหวะเสียได้



“อะไรกัน นี่เสียงทักเพื่อนรักหรอย่ะ” ฮโยจูเอ่ยประชดประชัน



“มีอะไรก็ว่ามา” หากแต่แชวอนไม่อยากต่อล้อต่อเถียงจึงเร่งให้เพื่อนพูดธุระของเธอ



“ก็ไม่มีอะไรแค่จะโทรมาบอกว่า พี่จินโฮนัดฉันไปเจอด้วยล่ะ!” ฮโยจูบอกด้วยความดีใจ เธอแทบอยากจะกรี๊ดดังๆให้โลกรู้



“หา? แล้วเขาเรียกเธอไปทำไม?” แชวอนถามด้วยความสงสัย



“นี่อย่าบอกนะว่าเธอลืมว่าวันนี้เป็นวัน White Dayนะ” ฮโยจูเฉลยให้แชวอนถึงบางอ้อ นี่เธอลืมวันสำคัญแบบนี้อีกแล้วหรือเนี่ย



“ก็ แค่นั้นละ ฉันต้องไปแล้ว อวยพรให้ฉันด้วยนะบายจ๊ะ” ฮโยจูกล่าวลาก่อนจะวางสายไป มุนแชวอนที่เพิ่งจะนึกได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรก็ถึงกับทำหน้าเครียด เธอไม่ได้เตรียมอะไรมาให้เป็นของตอบแทนคนตัวเล็กเลย แบบนี้จะทำยังไงดี?



“คุณแชวอนค่ะ?” อัญชันเรียกเมื่อเห็นดาราสาวคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว แชวอนจึงค่อยๆหันไปตามเสียงนั้น



“คือว่า....ถ้าคุณแชวอนว่างเราไป ทานอาหารกันได้ไหมค่ะ?” ร่างเล็กกลั้นใจถามออกไปด้วยความลุ้นระทึก แชวอนที่ได้ยินก็ถึงกับแอบอมยิ้ม



“ได้ค่ะ แต่ต้องให้ฉันเป็นคนเลี้ยงนะค่ะ” แชวอนตอบ



“เอ๋...ไม่ได้นะค่ะ ฉันจะเป็นคนจ่ายเองค่ะ” อัญชันปฏิเสธ



“แต่ฉันอยากจะจ่ายเหมือนกันนี่ค่ะ” แชวอนเองก็ยืนยัน เมื่อตกลงกันไม่ได้สองสาวจึงได้แต่ยืนอ้ำอึ้ง ก่อนที่ดาราสาวจะเอ่ยขึ้น



“งั้นฉันให้คุณอัญชันจ่ายก็ได้ค่ะ แต่ต้องให้ฉันเป็นคนทำอาหารนะค่ะ” แชวอนเสนอให้ร่างเล็กทำหน้างง



“เราซื้ออาหารไปทำที่ห้องฉันกันเถอะค่ะ” แชวอนเฉลย



ณ ร้านอาหารฝรั่งเศสสดหรูแห่งหนึ่ง ร่างโปร่งนั่งยิ้มหน้าบานที่พี่จินโฮของเธอพามาทานอาหาร



“ไม่ทานหรอ?” จินโฮถามขึ้นเมื่อเห็นร่างโปร่งนั่งเฉยมานานสองนาน



“อ่ะ! ทานค่ะ” ฮโยจูจึงหันมาสนใจอาหารตรงหน้าแทนการมองหน้าหล่อๆของจินโฮ หากแต่เพราะเธอไม่สามารถหุบยิ้มลงได้จึงทำให้เธอทานอาหารได้ลำบากเสียหน่อย แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคแม้แต่น้อย

หลังทานเมนครอสของหวานก็ถูกนำมาเสริฟ หากแต่จินโฮก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ จึงทำให้ร่างโปร่งรู้สึกหงุดหงิด



“นี่พี่ชวนฉันมาทานอาหารทำไมกันเนี่ย?” ฮโยจูถามเสียงขุ่น



“พ่อบอกให้ฉันพาเธอมา” เขาตอบอย่างไร้อารมณ์ ได้ยินดังนั้นฮโยจูจึงลุกพรวดขึ้นทันที



“งั้น ฉันกลับล่ะ” เธอเดินหุนหันออกจากร้านไป ทั้งที่คิดว่าจินโฮจะให้ของขวัญตอบแทนช็อคโกแลตของเธอ แต่ความจริงกลับเป็นคนละเรื่องกันเลย เขาไม่แม้แต่จะพาเธอมาทานอาหารด้วยความตั้งใจจริงของตัวเองด้วยซ้ำ น้ำตาของร่างโปร่งร่วงหล่นระหว่างทางที่เดินไปยังรถสปอตร์คันงาม มือบางเอื้อมไปหมายจะเปิดประตูหากแต่โดนมือใหญ่ของจินโฮผลักให้มันปิดตาม เดิม เธอจึงหันไปหาคนกวนอารมณ์



“จะรีบกลับไปไหนละ?” จินโฮถาม



“แล้ว พี่ยังมีธุระอะไรกับฉันอีกหรอ?” ร่างโปร่งถามเสียงเครือพร้อมบาดน้ำตาตัวเอง จินโฮอมยิ้มให้กับท่าทางนั้นของเธอ ก่อนจะควักกล่องเครื่องประดับใบเล็กออกมาจากสูท ฮโยจูแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง เขาเปิดมันออกและหยิบสร้อยคอเส้นเล็กออกมา



“นะ..นี่ มันคอลเล็คชั่นใหม่ของทิฟฟ่านีนี่” ฮโยจูเอ่ยอย่างแปลกใจที่เห็นเครื่องประดับยี่ห้อโปรดรุ่นใหม่ที่ขนาดเธอยัง หาซื้อไม่ได้เพราะมันยังไม่จำหน่ายในเกาหลี



“ก็ถ้าไม่ใช่แบบนี้ เดี๋ยวเธอก็มาบ่นฉันอีก” เขากล่าวก่อนจะใส่มันให้กับเธอ ฮโยจูยิ้มอย่างมีความสุข เธอไม่เคยสุขขนาดนี้มาก่อน วันนี้ช่างเป็นวันที่วิเศษสุด



ณ บ้านพักของอัญชัน เอื้อเฟื้อกำลังเคี้ยวคิมบับแก้มยุ้ย



“อร่อย ไหมค่ะพี่แทยัง?” ลี ฮยอนคยองถามแฟนหนุ่มเสียงหวาน วันนี้เธอแอบพ่อออกมาทำอาหารให้คนรักเพื่อเป็นการตอบแทนของขวัญที่เขามอบให้ เธอในวันวาเลนไทน์



“อร่อยที่สุดในโลกเลยจ๊ะ” เอื้อเฟื้อตอบแก้มตุ่ย



“ทานเยอะๆนะค่ะ” เธอหยิบคิมบับอีกชิ้นให้เขา เขาอ้าปากรับอย่างยินดีและยิ้มตาเยิ้ม อ้า...วันนี้เขามีความสุขจริงๆ



ขณะเดียวกันที่คอนโดของดาราสาว มุนแชวอนกำลังง่วนกับการทำอาหาร



“คุณ อัญชันไม่ต้องช่วยค่ะ ฉันบอกแล้วไงค่ะว่าฉันจะทำคนเดียว คุณอัญชันไปนั่งรอเถอะค่ะ” แชวอนหันมาเอ็ดใส่คนหวังดีที่อยากเข้าไปช่วย ร่างเล็กจึงต้องเดินคอตกกลับไปนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ไม่นานอาหารหลายอย่างก็ถูกนำมาวางที่โต๊ะ อัญชันมองมันอย่างตื่นตา



“ว้าว มันน่าทานมากเลยค่ะ” ร่างเล็กกล่าวอย่างตื่นเต้น คนทำถึงกับอมยิ้มดีใจ



“ถ้า อย่างงั้นก็ทานเยอะๆนะค่ะ” แชวอนตอบ ก่อนที่สองสาวจะลงมือทานอาหารอย่างจริงจังเพราะทั้งคู่ต่างก็เหนื่อยมาทั้ง วัน แต่แม้อาหารจะอร่อยเพียงไรก็ไม่ทำให้อัญชันลืมสิ่งสำคัญไปได้



“คุณแชวอนค่ะ” อัญชันเรียกคนที่นั่งตรงข้าม แชวอนจึงเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย



“Happy White Dayค่ะ” ร่างเล็กกล่าวพร้อมรอยยิ้ม



“Happy White Dayค่ะ” ร่างบางจึงตอบพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน



White Day ยุ่งๆจึงจบลงด้วยรอยยิ้มของทุกคนที่มีความสุขอยู่ล้นหัวใจ แล้ว White Day ของคุณละมีความสุขแค่ไหน?



วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 7

ตอนที่ 7 กลแห่งรัก (Trick of Love)

เช้าตรู่ของวันชูซอก ณ บ้านหลังใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากใจกลางกรุงโซลนัก รถสปอร์ตคันงามกำลังขับเข้ามาจอดยังลานจอดรถหน้าบ้าน ร่างโปร่งของหญิงสาวผู้เป็นแขกเยี่ยมเยียนขาประจำของบ้านหลังนี้ก้าวลงมาอย่างรีบร้อน เธอตรงเข้าไปในบ้านทันทีโดยที่ไม่ต้องรอให้ใครออกมาต้อนรับ ขณะเดียวกันชายวัยกลางคนที่ลงมายังชั้นล่างของบ้านเพื่อมาเอาหนังสือพิมพ์ไปอ่านทุกเช้าก็พบเข้ากับหญิงสาวที่เขาเอ็นดูนักหน้าเดินเข้ามาในห้องรับแขกพอดี

อ้าวหนูฮโยจูมาทำอะไรแต่เช้าจ๊ะ มาหาเจ้าจินโฮหรอ?เขาเอ่ยทักด้วยความดีใจ ผู้เป็นแขกจึงโค้งทักทายเขาอย่างสุภาพ

สวัสดีค่ะคุณลุง สุขสันต์วันชูซอกนะค่ะ ขอให้คุณลุงแข็งแรงและอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้กับพวกเราไปนานๆนะค่ะ ร่างโปร่งทักทายเสียงใส เธออวยพรให้กับ ปาร์ค แจจุง พ่อของจินโฮหรือประธานกรรมการแห่งสตาร์เคย์ฯ แจจุงถึงกับหัวเราะชอบใจในคำอวยพรนั้น

โอ้ขอบใจๆ คุณพ่อคุณแม่เป็นยังไงบ้างละ ลุงไม่ได้เจอเสียนานเลย พวกท่านสบายดีนะ? เขาเอ่ยถามอย่างสนใจและชักชวนให้ร่างโปร่งนั่งสนทนาด้วย

พวกท่านสบายดีค่ะ ตอนนี้กำลังเที่ยวอยู่ที่ยุโรป อีกสองสัปดาห์ถึงจะกลับนะค่ะ ยังบ่นว่าน่าเสียดายที่ไม่ได้มาอวยพรด้วยตัวเอง ฮโยจูตอบเสียงหวาน เธอมักทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่เอ็นดูได้เสมอด้วยความฉลาดและมีไหวพริบในการพูด เช่นเดียวกับเหล่าบรรดาแฟนคลับและสื่อมวลชน หากแต่พออยู่หลังกล้องหรือลับหลังคนเหล่านั้นเธอก็จะแสดงธาตุแท้ออกมา

ฮโยจู เธอมาทำอะไรที่นี่แต่เช้า? จินโฮถามขึ้นทันทีที่ลงมาเห็นร่างโปร่ง

พูดอะไรแบบนั้นจินโฮ น้องมาหาก็ดีแล้วนี่ เดี๋ยวแกดูแลน้องด้วยละ ฉันจะออกไปเคารพบรรพบุรุษ ลุงขอตัวก่อนนะฮโยจู แจจุงจัดแจงหน้าที่ให้ลูกชายก่อนจะหันไปลากับฮโยจู

เดี๋ยวซิครับ นี่วันชูซอกนะครับ ผมเองก็ต้องไปเคารพเหมือนกัน จินโฮแย้งขึ้น

แกไม่ต้องไปหรอก ฉันไปคนเดียวได้ แล้วจะเลยไปตีกอล์ฟกับประธานนา ฝากแกดูแลหนูฮโยจูด้วย แจจุงหันไปทำเสียงเข้มใส่ลูกชาย

อย่าเลยค่ะคุณลุง ดูพี่จินโฮเขาจะไม่อยากอยู่กับหนูนะค่ะ อย่าไปฝืนใจพี่เขาเลยค่ะ ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ทำให้แจจุงหันไปมองหน้าลูกชายด้วยความไม่พอใจ

ไม่ได้ๆ หนูฮโยจูอุตส่าห์มาหาทั้งที จะมีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีกล่ะ ใช่ไหมจินโฮ? เขาพูดปลอบใจร่างโปร่งและหันไปหาเสียงสมทบจากลูกชายที่ยืนทำหน้าระอาอยู่

ขอบคุณค่ะ คุณลุง ขอให้สนุกกับการตีกอล์ฟนะค่ะ ฮโยจูเอ่ยเสียงใสด้วยความดีใจเมื่อเป็นไปตามแผน เธอมักจะใช้ไม้นี้เสมอเมื่อจินโฮหลีกเลี่ยงเธอ

เช่นกันจ๊ะ ว่าแต่เมื่อไหร่จะย้ายมาอยู่บริษัทลุงสักทีละเนี่ย ลุงจะได้ให้เจ้าจินโฮมันดูแลหนูเป็นพิเศษเลย แจจุงเอ่ยขึ้น เขามักจะถามเช่นนี้เสมอที่เจอเธอ

แหมคุณลุงก็รู้ว่าหนูติดสัญญากับทางนั้นอยู่ ถ้าออกมากลางคันแบบนี้ จะเป็นข่าวได้นะค่ะ แบบนั้นคงไม่เป็นผลดีกับทั้งหนูและบริษัท เธอตอบเสียงอ้อน เหตุผลของเธอทำให้แจจุงยอมจำนนเสมอ หากแต่ความจริงที่เธอไม่ย้ายค่ายมาเสียทีหาใช่เพราะกลัวข่าวหรือติดสัญญา แต่เพราะคนหน้าบึ้งที่ยืนเป็นหัวหลักหัวต่ออยู่ใกล้ๆนี่ต่างหาก เธอเคยลั่นวาจาไว้กับเขาว่าจะไม่ย้ายมาอยู่ที่นี่หากเขาไม่ยอมคบกับเธอ แต่ทั้งเขาและเธอต่างใจแข็งทั้งคู่เลยไม่มีใครยอมใคร เธอจึงยังต้องเล่นตัวกับสตาร์เคย์ฯต่อไป เมื่อเอ่ยลาจนพอใจแจจุงจึงจากไปทิ้งให้หนุ่มสาวอยู่กันตามลำพัง

เมื่อวานพี่หายไปไหนมา? ฉันตามหาพี่ทั้งวัน โทรไปก็ไม่รับ ฮโยจูแฝดเสียงขึ้นทันทีที่แน่ใจว่าแจจุงจากไปไกลจนไม่สามารถได้ยินเธอแล้ว

เธอมีธุระอะไร? จินโฮถามกลับอย่างไร้อารมณ์ เหตุการณ์เมื่อวานทำให้เขาไม่อยากจะตอบโต้เธอหรือใครทั้งนั้น

บอกมาเดี๋ยวนี้นะ พี่หายไปไหนมาทั้งวัน ไปอยู่กับยัยเตี้ยนั่นใช่ไหมๆ? พี่ไปไหนกับมันมา บอกมานะ ฮโยจูเข้าไปเขย่าแขนร่างสูงและซักไซ้เขาเป็นชุด

ไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นล่ะ คุณอึนชันเขาไปกับแชวอน!” เขาตะหวาดเธอกลับพร้อมกับสะบัดแขนเล็กออกด้วยใบหน้าบูด ปฏิกิริยาของเขาทำให้ฮโยจูคาดการณ์เหตุการณ์ทั้งหมดได้ทันที

ฮึ....น่าสมเพชสิ้นดี ที่พี่ทำหน้าแบบนี้เพราะยัยนั่นยังงั้นหรอ น่าสมเพชที่สุด ฮโยจูกล่าวค่อนคอดหากแต่ภายในใจเธอก็เจ็บช้ำเช่นกันที่ผู้ชายที่เธอรักนั้นเสียใจเพราะผู้หญิงอื่น หากแต่เธอคงจะนิ่งนอนใจไม่ได้เมื่อรู้ว่าตอนนี้ศัตรูหัวใจอยู่กับเพื่อนคนสำคัญของเธอ เธอจึงรีบออกจากบ้านตระกูลปาร์คทันที

นี่เธอจะไปไหนนะ? จินโฮเดินตามเธอออกมายังลานจอดรถด้วยสงสัยในท่าทีรีบร้อนนั้น ทั้งที่เธอมีโอกาสได้อยู่กับเขาทั้งวันแต่เธอกลับจะทิ้งมันและจากไป

ฉันไม่ใช่คนน่าสมเพชที่ปล่อยมือจากคนที่ตัวเองรักง่ายๆหรอกนะ ไม่ต้องห่วง ฉันมั่นใจว่ายังไงก็ต้องทำให้พี่หลงรักฉันได้สักวันหนึ่ง แต่ฉันก็ไม่ใช่คนใจกว้างที่จะยอมให้ศัตรูหัวใจมายุ่มย่ามกับเพื่อนของฉันเหมือนกัน เธอบอกก่อนจะขับรถจากไป จินโฮได้แต่ยืนมองรถสปอร์ตคันงามแล่นออกไป คำพูดและท่าทีของหล่อนทำให้เขาทึ่งและคาดไม่ถึงจริงๆว่า คนอย่าง ฮัน ฮโยจู จะเลือกเพื่อนมากกว่าผู้ชายที่เธอวิ่งไล่ตามมาตั้งแต่สมัยมัธยม ทั้งที่ผ่านมาเธอเอาแต่วิ่งไล่ตามเขาแท้ๆ เห็นทีเขาคงต้องเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อผู้หญิงคนนี้เสียแล้ว บางทีหัวใจของเธออาจไม่ใช่ก้อนหินที่มีดีแค่เพียงความแข็ง แต่มันอาจจะเป็นเพชรที่ไม่เพียงแค่แข็งแกร่งแต่ยังงดงามจับใจ

ณ บ้านมุน เมืองแดกู คุณนายมุนตื่นมาแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารและของไหว้เคารพบรรพบุรุษ

คุณแม่ทำอะไรอยู่ค่ะ? ว้าวขนมซองเพียน! ให้หนูช่วยนะค่ะ แชวอนที่เพิ่งลงมาจากห้องเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อเห็นขนมของโปรด เธอจึงเสนอตัวด้วยความยินดี

ซองเพียนเป็นขนมเก่าแก่ มีรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แสนอร่อยพร้อมทั้งมีวัตถุดิบและวิธีการปรุงที่เรียบง่าย ขนมชนิดนี้ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน บ้างก็ว่ามีการกินขนมซองเพียนนี้มาตั้งแต่ในสมัย 3 อาณาจักรโบราณที่ปกครองดินแดนเกาหลีตั้งแต่ พ.. 489 จนถึง พ.. 1211 ไส้ของขนมชนิดนี้โดยมากจะเป็นธัญพืชนานาชนิดที่เพิ่งเก็บเกี่ยวเสร็จ แล้วแต่ความพอใจว่าจะใส่ไส้เกาลัดบด, งาผสมน้ำตาลแดง, พุทราหรือถั่ว ขนมชนิดนี้มีจุดเด่นอยู่ตรงกรรมวิธีการทำ เพราะขนมซองเพียนจะถูกนึ่งพร้อมๆ กับกองใบสนที่รองอยู่ข้างใต้ ซึ่งนอกจากจะให้รสชาติพิเศษแล้วยังช่วยคั่นไม่ให้ขนมติดกันตอนสุกอีกด้วย ใบสนนั้นทำให้ขนมมีกลิ่นหอมและการนึ่งแต่พอสุกก็ให้เนื้อสัมผัสกรุบๆ แบบอัล เดนเต้ (al dente-แป้งที่ต้มแบบไม่สุกมาก ยังมีความแข็งอยู่) อีกทั้งตรงกลางก็มีไส้ทั้งแบบหวานแบบคาว เคี้ยวเพลิน กรุบๆ หนึบหนับ หวาน หอม อร่อย เสน่ห์แห่งรสชาติแบบนี้นี่เองที่ทำให้ความนิยมของขนมชนิดนี้ไม่เสื่อมคลายไปตามกาลเวลา

เมื่อขนมซองเพียนนึ่งสุกเรียบร้อยแล้วแชวอนจึงคลุกขนมที่สุกแล้วกับน้ำมันงา ก่อนที่จะใส่กล่องอาหารและจัดแต่งให้สวยงาม พร้อมด้วย เบซุค (baesuk) เครื่องดื่มที่คนเกาหลีนิยมดื่มข้างเคียงกับขนมซองเพียน มีรสกึ่งหวาน ทำจาก เบ (bae) หรือลูกแพร์ท้องถิ่น, พริกไทยดำ, ขิง และลูกสน

อ้าว หนูอัญชันตื่นแล้วหรือจ๊ะ? คุณนายมุนกล่าวทักร่างเล็กที่เพิ่งเดินลงมา

ขอโทษนะค่ะที่หนูตื่นสาย มีอะไรให้หนูช่วยไหมค่ะ? ร่างเล็กรีบโค้งขอโทษเป็นการใหญ่เมื่อรู้ว่าตนเองนอนอุตุขณะที่เจ้าบ้านกำลังยุ่งยากกับการเตรียมอาหาร

แหม ไม่เป็นไรจ๊ะ หนูเป็นแขกของเรา จะให้มาทำแบบนี้ได้ยังไง คุณนายมุนตอบกลับเพื่อไม่ให้ร่างเล็กคิดมาก ในขณะที่ร่างบางซึ่งได้ยินทั้งสองคุยกันแต่ทำเป็นไม่สนใจก้มหน้าก้มตาแพ็คอาหารใส่ภาชนะอย่างเดียว เพราะไม่รู้จะมองหน้าอีกคนยังไง เพียงแค่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแก้มของเธอมันก็แดงขึ้นมาทันที แล้วแบบนี้จะให้หันไปทักทายอีกคนเหมือนปกติได้อย่างไร แต่นั่นยิ่งทำให้ร่างเล็กคิดมากไปใหญ่ เมื่อเห็นอีกคนมีท่าทีเฉยเมยต่อตน

อ้าวเสร็จกันหรือยังสาวๆ? พร้อมออกเดินทางไหม? คุณมุนเดินเข้ามาในครัวหลังจากขนข้าวของที่จำเป็นต้องใช้เคารพบรรพบุรุษขึ้นรถเรียบร้อย ทุกคนจึงช่วยกันขนของที่ยังเหลือและออกเดินทางไปยังสุสานของบรรพบุรุษตระกูลมุน

หลังทำความเคารพบรรพบุรุษเรียบร้อยแล้วระหว่างทางกลับ ครอบครัวมุนก็แวะปิกนิกข้างทางที่ริมบึงแห่งหนึ่ง สีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงทำให้ต้นไม้น้อยใหญ่ดูแสบตาหากแต่ก็งดงามจับจิต ร่างเล็กอดไม่ได้ที่จะควักกล้องถ่ายรูปคู่ใจออกมาเก็บความงดงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้นนี้ อัญชันกดชัตเตอร์ไปตามใจเมื่อเห็นมุมไหนเข้าที เธอหันไปรอบๆก่อนจะหยุดลงเมื่อหน้าจอปรากฏภาพสิ่งที่งดงามที่สุดเท่าที่ธรรมชาติจะสร้างได้ แชะ เสียงชัตเตอร์ดังขึ้น ทำให้ผู้ที่ถูกเก็บภาพโดยพละการรู้สึกตัวและหันไปยังร่างเล็ก นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองสบตากันหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืน ต่างก็นิ่งมองกันเนินนานโดยไม่มีฝ่ายใดเอื้อนเอ่ยอะไร

เด็กๆ มาทานข้าวจ้า เสียงคุณนายมุนร้องเรียก ทำให้ทั้งสองหลุดจากภวังค์ก่อนจะเดินไปหาต้นเสียงดังกล่าว ทั้งสี่นั่งล้อมวงบนผ้าปูพื้นที่เตรียมมา แม้สองสาวจะนั่งติดกันแต่ทั้งคู่กลับไม่พูดคุยหรือหันหน้าเข้าหากันเลย ทำให้คุณและคุณนายมุนสงสัยในท่าทีของทั้งสอง

สองคนนี่ยังไงกันเนี่ย? ทะเลาะกันหรือเรา? คุณนายมุนถามขึ้น

ไม่ใช่ค่ะ

ไม่ใช่ค่ะ

ทั้งสองเอ่ยขึ้นพร้อมกัน นั่นทำให้พวกเธอหันมามองกันด้วยความแปลกใจ ที่ดันเอ่ยขึ้นเหมือนกันแถมยังพร้อมกันด้วย

งั้นก็แล้วไป ทานเยอะๆนะ เอ้าแชวอนตักอาหารให้เพื่อนด้วยซิจ๊ะ คุณนายมุนเอ่ยอย่างโล่งใจเมื่อเห็นทั้งสองไม่ได้มีเรื่องผิดใจกัน ก่อนจะบอกให้ลูกสาวทำหน้าที่เจ้าบ้านที่ดี ร่างบางทำท่าเก้ๆกังๆสักพักก็ทำตามที่ผู้เป็นแม่บอก เธอหยิบคิมบับส่งให้ร่างเล็ก อัญชันมองมันด้วยความแปลกใจก่อนจะรับมาพร้อมรอยยิ้ม ร่างบางเองก็แอบยิ้มเช่นกัน คงมีเพียงสองคนที่รู้ความหมายของมัน เพราะมีเพียงทั้งสองเท่านั้นที่ลิ้มรสชาติคิมบับได้หวานล้ำกว่าผู้อื่น ไม่นานทั้งสี่ก็เดินทางกลับบ้าน ระหว่างทางสองสาวก็ไม่ได้พูดคุยใดๆกัน หากแต่บรรยากาศมันแตกต่างจากขาไปโดยสิ้นเชิง

แชวอน แล้วนี่ไม่พาเพื่อนไปเที่ยวไหนหรอ อุตส่าห์มาถึงแดกูแล้ว เดี๋ยวพ่อแม่ไปถึงบ้านแล้วก็พาเพื่อนออกไปเที่ยวนะลูก คุณนายมุนบอกลูกสาว เธอจึงพยักหน้ารับด้วยความยินดี ก่อนจะหันมาหาร่างเล็กข้างๆ แม้ทั้งคู่จะไม่พูดอะไรกันแต่ทั้งสองก็เหมือนสื่อถึงกันได้ รอยยิ้มจึงปรากฏอยู่บนใบหน้าของพวกเธอ เมื่อรถจอดลงตรงหน้าบ้านทั้งสี่ก็ต้องแปลกใจที่พบแขกซึ่งไม่คาดคิดยืนรอพวกเขาอยู่

เซอไพร์ส!” ร่างโปร่งโผเข้าหาเพื่อนสาวทันทีที่เธอลงจากรถ ก่อนจะหันไปทักทายกับคุณและคุณนายมุน

สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่ สุขสันต์วันชูซอกนะค่ะ ขอให้สุขภาพแข็งแรงค่ะ เธอกล่าวทักทายพร้อมอวยพรด้วยความนอบน้อม

ตายจริงฮโยจู ไม่ได้เจอกันนานเลยลูก เป็นไงมาไงละจ๊ะเนี่ย คุณนายมุนกล่าวด้วยความดีใจที่เห็นร่างโปร่งซึ่งเธอรักและเอ็นดูเหมือนลูกสาวอีกคน

รีบเข้าบ้านก่อนดีกว่านะแม่ คุณมุนซึ่งก็ดีใจไม่แพ้ภรรยารีบกล่าวเชื่อเชิญฮโยจูเข้าบ้านทันที อัญชันที่ได้รู้ถึงความสัมพันธ์อันดีของสองครอบครัวก็ได้แต่เดินตามหน้าเจื่อน คุณและคุณนายมุนพูดคุยกับร่างโปร่งอยู่นานโดยมีร่างเล็กนั่งหน้าจ๋อยอยู่ไม่ไกล

ตายจริงดูซิคุยกันซะเพลินเลย เดี๋ยวเด็กๆก็ไม่ได้ไปเที่ยวกันพอดี เอ้าแชวอนพาเพื่อนๆออกไปเที่ยวชมเมืองซิลูก มากันพร้อมหน้าพร้อมตาแบบนี้ คุณนายมุนเอ่ยขึ้น

ว้าว! น่าสนุกนะค่ะ ไปกันเถอะแชวอน ร่างโปร่งลุกขึ้นพร้อมดึงร่างบางให้ลุกตาม

อ่ะ! เดี๋ยวซิรอคุณอัญชันด้วย คุณอัญชันมาค่ะ แชวอนท้วงขึ้นก่อนจะหันไปเรียกร่างเล็กให้ลุกตามออกมา ฮโยจูถึงกับทำหน้าบูดเสียอารมณ์ที่เพื่อนสาวเรียกอีกคนไปด้วย

“อ่ะฉันลืมกล้องเดี๋ยวไปเอาก่อนนะ” แชวอนเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบวิ่งขึ้นบ้านไป นั่นทำให้ฮโยจูเกิดความคิดดีๆ (ไม่ดี) บางอย่างขึ้น จึงหันไปกระซิบกระซาบกับอัญชัน

“นี่เธอ เธอกล่าวอวยพรคุณพ่อคุณแม่หรือยัง วันชูซอกแบบนี้เขาต้องกล่าวอวยพรกันนะ” ฮโยจูเอ่ยขึ้น อัญชันได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่รู้ ฮโยจูจึงกระซิบบอกคำอวยพรกับร่างเล็ก ก่อนที่อัญชันจะหันไปหาคุณและคุณนายมุน

“ชอน พาโบ อินเด ปอนปอน อาซิปซิโอ (ฉันเป็นคนโง่เง่าและหน้าไม่อาย)” ร่างเล็กกล่าวพร้อมโค้งศีรษะลงอย่างนอบน้อม คุณและคุณนายมุนถึงกับพูดไม่ออก พอดีกับที่แชวอนเดินลงมาเธอจึงทันได้ยินสิ่งที่ร่างเล็กพูด

“ฮโยจู!” แชวอนเอ็ดเสียงเขียว

“ฮ่าๆๆ เธอเป็นคนตลกนะคะคุณแม่” หากแต่ด้วยความฉลาดพูดฮโยจูจึงเบี่ยงประเด็นเป็นการล้อเล่นของอัญชันไป จึงทำให้คุณและคุณนายมุนหัวเราะชอบใจ หากแต่คนถูกแกล้งโดยไม่รู้ตัวอย่างอัญชันได้แต่ยืนงงว่าเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่ทั้งสามจะออกจากบ้าน

พวกเธอตรงไปยังวูบังทาวเวอร์แลนด์ สวนสนุกซึ่งมีหอคอยสูงวูบังซึ่งเปรียญเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองแดกูตั้งอยู่ เมื่อเข้ามาภายในสวนสนุกอัญชันก็ตื่นตาไปด้วยเครื่องเล่นต่างๆรวมถึงผู้คนที่คลาคล่ำอยู่ในนี้

เอาล่ะ! ไปเล่นกันเถอะ ฮโยจูดึงมือแชวอนและตรงขึ้นไวกิ้งทันที ร่างโปร่งเลือกที่นั่งท้ายสุดโดยให้เหตุผลว่ามันเสียวที่สุดนั่นเอง แชวอนและฮโยจูต่างร้องหวี๊ดว้ายทุกครั้งที่ไวกิ้งแกร่งไกว แต่ทั้งคู่ก็รู้สึกสนุกไปกับมันจะมีเพียงร่างเล็กที่นั่งหน้าเหลืองอยู่ริมสุดแถวที่นั่ง ด้วยไม่เคยชินกับเครื่องเล่นแบบนี้ แม้ในเมืองไทยจะมีอยู่ก็ตามแต่ลูกชาวสวนอย่างเธอเคยเล่นแต่เพียงรถบั๊มงานวัดเท่านั้น หลังลงจากไวกิ้งฮโยจูก็ลากร่างบางไปต่อรถไฟเหาะ เพียงแค่เห็นความยาวของรางก็ทำให้อัญชันแทบจะเป็นลม แต่ก็ต้องจำใจตามสองสาวไปโดยนั่งอยู่แถวหลังเพียงลำพัง รถไฟไหลไปตามรางอย่างเชื่องช้าก่อนจะดิ่งลงรางด้วยความเร็วสูง สองสาวกรีดร้องด้วยความเสียวซ่าน โดยที่อัญชันนั่งเกร็งเหงื่อแตกพลั่กอยู่ด้านหลัง เมื่อเสร็จจากรถไฟเหาะร่างโปร่งก็ลากเพื่อนสาวไปยังบ้านผีสิง แค่เพียงคิดว่าต้องเข้าไปข้างในหน้าอัญชันก็ซีดเป็นไก้ต้ม หากแต่ขาแข็งๆของเธอก็ต้องเดินตามผู้นำไปอย่างจำใจ เมื่อเข้ามาภายในสองสาวก็วิ่งกระเจิงเมื่อเจอผีหัวขาดเข้าจู่โจม ทิ้งให้ร่างเล็กยืนขาสั่นอยู่คนเดียวด้วยไม่มีแรงจะวิ่งหนี จนฮโยจูและแชวอนออกมาได้สักพักจึงเห็นร่างเล็กโผล่ออกมาจากบ้านผีสิงพร้อมพนักงานที่เดินออกมาส่งและเด็กคนหนึ่งที่ร้องไห้งอแง แชวอนเห็นหน้าซีดๆของอัญชันจึงเดินเข้าไปหา

คุณอัญชันไหวไหมค่ะ? เป็นยังไงบ้าง? แชวอนถามด้วยความเป็นห่วง ร่างเล็กยิ้มตอบหน้าเจื่อน ก่อนจะขอตัวสักครู่เพื่อหลบไปอาเจียน จากความเสียวไปเจอความสูงแล้วมาต่อด้วยความสยอง คิมบับที่กินเข้าไปเลยขย่อนออกมาให้เจ้าของร่างเสียดาย แต่เพื่อให้มีชีวิตรอดต่อสู้กับเครื่องเล่นเครื่องต่อไปเธอก็ต้องทำ หลังจากอาเจียนจนพอใจร่างเล็กก็เดินกลับมาหาสองสาว หากแต่ก็ต้องตกใจที่เห็นคนมากมายรุมล้อมร่างบางอยู่ เป็นเหล่าแฟนคลับที่บังเอิญมาเที่ยวที่นี่นั่นเอง

อย่างงี้ละน้า ออกมาข้างนอกแล้วไม่ปลอมตัวนะ ก็เจอแบบนี้ทุกคนนั่นละ ฮโยจูเอ่ยขึ้นกับร่างเล็ก อัญชันจึงหันไปมองเธอเลยเพิ่งจะสังเกตว่า เธอไม่ได้ถูกใครรุมล้อมทั้งที่เธอได้รับความนิยมมากกว่าร่างบางเสียอีก นั่นคงเป็นเพราะเธอปลอมแปลงตัวเองจนไม่เหลือเค้าดารา ทั้งวิกทรงกะลาและแว่นตาหนาเตอะ แถมยังเสื้อผ้าเชยๆลุ่มล่ามนี่อีก ดูยังไงก็ไม่ใช่ ฮัน ฮโยจู

“นี่ แบบนี้คงอีกนานเลย ฉันว่าพวกเราไปทำธุระกันก่อนดีกว่า” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำไป อัญชันได้แต่ทำหน้าสงสัยด้วยไม่แน่ใจว่าอีกคนพูดกับเธอ เมื่อเห็นร่างเล็กยังยืนทำหน้าเอ๋อฮโยจูจึงร้องเรียก

“เอ้า เร็วๆซิ!” ร่างโปร่งหันมาทำเสียงเข้มใส่ อัญชันจึงรีบวิ่งตามทันที ฮโยจูขับรถพาอัญชันออกมาจากสวนสนุกโดยไม่บอกจุดหมายใดๆกับอีกคนที่นั่งข้างๆ

“เอ่อ...เราจะไปไหนกันหรือค่ะ?” ร่างเล็กทำใจกล้าถามขึ้น

“เดี๋ยวก็รู้” ร่างโปร่งหันมามองและตอบสั้นๆ ก่อนจะหยุดลงตรงแผงขายส้มข้างทาง

“ฉันอยากกินส้ม เธอลงไปซื้อให้หน่อยซิ เอามาห้าสิบลูกนะ” ฮโยจูเอ่ยขึ้นกับร่างเล็ก อัญชันที่ยังไม่ได้ตั้งตัวทำหน้างงที่อยู่ๆอีกคนก็จอดรถและบอกให้เธอไปซื้อส้ม แต่ด้วยไม่กล้าขัดใจอีกฝ่ายเธอเลยต้องลงรถไปแต่โดยดี อัญชันเดินเข้าไปถามราคากับคนขาย พวกเขาสื่อภาษากันสักพักอัญชันก็รู้ราคาว่าส้มลูกละแปดร้อยวอน

“โอ้นี่มันเกือบจะยี่สิบบาทเลยนะ” ร่างเล็กนึกในใจ เธอถึงกับหน้าซีดที่รู้ราคา ก่อนจะตัดสินใจสั่งจำนวนแก่คนขายไป เธออยากจะร้องไห้ตอนที่ยื่นเงินให้กับคนขายเพราะนั่นเป็นเงินที่เธอมีอยู่ทั้งหมดตอนนี้ เมื่อได้ส้มมาตามจำนวนที่ร่างโปร่งต้องการอัญชันจึงเดินกลับไปที่รถ แต่เมื่อเธอเดินเกือบจะถึงรถทันใดนั้นรถก็แล่นออกไปทันที ร่างเล็กได้แต่มองตามหน้าเอ๋อพร้อมกับถือส้มถุงใหญ่ไว้ในมือ

เมื่อร่างโปร่งกลับมายังสวนสนุกก็เดินกลับไปหาเพื่อน ณ จุดที่เธอเคยอยู่

“ฮโยจูไปไหนมา? หาตั้งนาน” แชวอนถามขึ้นทันทีที่เห็นร่างของเพื่อน

“ก็ไปเดินหาอะไรเล่นนะซิ จะให้ยืนรอเธอเป็นชั่วโมงๆรึไง” ร่างโปร่งตอบ

“แล้วคุณอัญชันล่ะ?” แชวอนถามขึ้นเมื่อมองไม่เห็นร่างเล็ก

“ไม่รู้ซิ สงสัยคงไปหาอะไรกินมั้ง เดี๋ยวก็คงมาแหละ” ฮโยจูตอบอย่างไม่ยี่ละ แชวอนที่ได้ยินคำตอบก็รู้สึกสังหรณ์ใจชอบกล แต่ก็หวังว่าเธอคงจะคิดมากไปเท่านั้น

ขณะเดียวกันอัญชันที่เดินถือถุงส้มใบใหญ่ไปตามถนนอย่างไร้จุดหมายก็เริ่มจะล้าและหนาวจับใจ เพราะเธอดันถอดโค้ทไว้ในรถ มือที่ถือถุงแข็งและเจ็บไปหมดเธอจึงต้องคอยเปลี่ยนสลับข้างบ่อยๆจนหูหิ้วมันขาดส้มในถุงจึงหล่นเต็มพื้น อัญชันรีบวิ่งไล่เก็บทันที

“โอ้ยลูกตั้ง20บาท” เธอร้องด้วยความเสียดาย และก้มลงเก็บส้มที่หล่นตามพื้นโดยใช้เสื้อของตัวเองเป็นภาชนะ ร่างเล็กค่อยๆตามเก็บไปทีละลูกโดยไม่รู้เลยว่าเธอนั้นคลานออกมาอยู่กลางถนน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกทีก็เห็นรถคันหนึ่งกำลังแล่นมาที่เธอ

“ฮโยจู นี่มันนานแล้วนะ แล้วฉันก็หาทั่วแล้วด้วย คุณอัญชันไปไหนกันแน่” แชวอนถามขึ้นด้วยความร้อนใจ

“เอ่อ.....คงท้องเสียมั้ง เธอไปดูในห้องน้ำหรือยัง?” ร่างโปร่งยังเฉไฉ

“ฮโยจู!” แชวอนเหลืออดกับการเล่นลิ้นของเพื่อน

“ก็ได้ๆ ฉันไปปล่อยยัยนั่นไว้ข้างถนน” ฮโยจูกลัวอารมณ์ของเพื่อนสาวที่ไม่บ่อยนักเธอจะปรี๊ดแตก เลยยอมสารภาพ

“อะไรนะ? ที่ไหน? ถ้าเขาหลงทางจะทำยังไง?” แชวอนเอ็ดใส่ยกใหญ่

“บ้าน่า ยัยนั่นไม่ใช่เด็กๆ ถึงจะโง่ขนาดไหนก็เถอะ” ร่างโปร่งยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวถึงความเป็นไปของอัญชัน

“ฮโยจู! รีบไปรับเขาเดี๋ยวนี้เลย” ร่างบางบอกเสียงเขียว เพื่อนสาวจึงจำใจทำตาม หากแต่พอขับมาถึงแผงส้มร้านเดิมกลับไม่พบเงาของร่างเล็ก

“ไหนล่ะ?” แชวอนถามอย่างร้อนใจ

“ก็...ฉันทิ้งไว้ตรงนี้นี่” ฮโยจูตอบด้วยความจนปัญญา ร่างบางจึงกดโทรศัพท์ไปหาอัญชัน หากแต่เสียงมันดันดังขึ้นในรถ นั่นยิ่งทำให้แชวอนเป็นกังวลไปกว่าเก่า

“พระเจ้าได้โปรด คุ้มครองคุณอัญชันด้วย” แชวอนภาวนา

“ตกใจเลยครับ ไม่คิดว่าจะเป็นคุณอึนชัน” จินโฮเอ่ยขึ้นหลังจากที่เหยียบเบรกตัวโก่งเพื่อไม่ให้ชนคนตัวเล็กที่มัวแต่เก็บส้มล้ำค่าของเธอ ก่อนจะพาขึ้นรถมาด้วย

“แหมฉันเองก็ตกใจเหมือนกันค่ะ คิดว่าจะโดนชนซะแล้ว” อัญชันตอบอย่างโล่งใจ

“ว่าแต่คุณมาทำอะไรที่นี่ละครับ แล้ว...แชวอนไปไหน?” จินโฮถามขึ้นด้วยความสงสัย

“เอ๊ะคุณจินโฮ รู้ได้ยังไงค่ะว่าฉันมาที่นี่กับคุณแชวอน?” หากแต่เป็นอัญชันที่สงสัยยิ่งกว่าเมื่อได้ยินคำถามของอีกคน

“เอ่อ...ฮโยจูบอกผมนะครับ” จินโฮรีบหาคนอ้างทันที อัญชันได้ยินคำตอบก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ

“แล้วตกลง ทำไมคุณถึงได้มาอยู่กลางถนนคนเดียวละครับ?” จินโฮถามย้ำอีกที อัญชันได้แต่ทำหน้าครุ่นคิดหาคำตอบ

“คือ....คุณฮัน เขา....ให้ฉัน..เอ่อ....” อัญชันไม่รู้จะเล่ายังไงเพราะไม่อยากจะพูดให้ร้ายใคร

“ฮโยจู? นี่พวกคุณเจอกับฮโยจูแล้วรึครับ.....ผมเข้าใจละ นี่คงเป็นฝีมือฮโยจูซินะ” เมื่อจินโฮได้ยินชื่อของร่างโปร่งก็สามารถลำดับเหตุการณ์ได้เองทันที เขาถึงกับส่ายหน้าอย่างระอาต่อความร้ายกาจของเธอ

“แล้วนี่จะให้ผมไปส่งที่ไหนดีละครับ?” เขาหันมาถามจุดหมายกับอัญชัน

สปาวัลเล่ย์” อัญชันตอบเสียงใส



วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club เบื้องหลังสุดป่วน


เบื้องหลังสุดป่วน (Behind the scene)

“สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับทุกท่านสู่มูนไทยแลนด์ทีวีนะค่ะ วันนี้ฉัน ฮัน ฮโยจู ขอรับหน้าที่เป็นพิธีกรจำเป็นค่ะ ตอนนี้เราอยู่กันที่กองถ่าย The Fan Club ค่ะ ไปดูกันซิว่าดาราแต่ละคนเขาทำอะไรกันมั่ง” ฮโยจูเดินนำตากล้องเข้าไปในเต็นท์นักแสดง

“นั่นไงๆ นางเอกแสนสวยของเราอยู่นั่น โอ้กำลังตั้งใจท่องบทอยู่เลยค่ะ ยังงี้มันต้องแกล้ง” ว่าแล้วฮโยจูก็เดินเข้าไปหาแชวอน เธอย่องเข้าไปด้านหลังเงียบๆก่อนจะกระโดดกอดแชวอนเต็มรัก

“ว้าย! ฮโยจูตกใจหมดเลย” แชวอนหันมาเอ็ดใส่ฮโยจูก่อนจะสังเกตได้ว่ามีกล้องถ่ายเธออยู่

“นี่รายการมูนไทยแลนด์ทีวี ทักทายทุกคนหน่อยซิ” ฮโยจูบอก

“สวัสดีค่ะ ฉันมุน แชวอนนะค่ะ ขอบคุณที่ติดตามเรื่อง The Fan Club และเป็นกำลังใจให้ฉันเสมอนะค่ะ ฉันจะตั้งใจทำงานต่อไปค่ะ ขอบคุณนะค่ะมูนไทยแลนด์ ^^” เธอก้มขอบคุณด้วยความนอบน้อมและยิ้มให้กับกล้อง

“งั้นคัทก่อนนะค่ะ” ฮโยจูเอ่ยขึ้น ก่อนจะเข้าไปคุย (เล่นกับแชวอน)

“แชวอนอาท่องบทหรอ เขาช่วยไหม ไหนๆ” ฮโยจูเอ่ยเสียงออดอ้อน แชวอนก็ส่งบทให้เธอแต่โดยดี

“อ้า...เดี๋ยวเขาช่วยต่อบทนะ” ฮโยจูเสนอตัว

ตอนที่ 4 ฉากข้อเท้าพลิก

คุณแชวอน? เป็นยังไงบ้างค่ะ?” ฮโยจูพูดบทของอัญชัน

ม่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ แชวอนก็ต่อบทของเธอ

“เจงหรอ?” ฮโยจูพูดกวนขึ้น

“ฮโยจูอย่าแกล้งซิ” แชวอนจึงเอ็ดให้

ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ...โอ้ย! แชวอนจึงต่อบทของเธอต่อไป

คุณแชวอน นี่คุณเล็บขบนี่ฮโยจูก้มลงไปดูข้อเท้าตามบทแต่กลับพูดตรงกันข้าม แชวอนถึงกับหลุดก๊าก

“ฮโยจู! ถ้าไม่ช่วยต่อบทจริงจังก็ไปเลยนะ” แม้จะทำให้เธอหัวเราะได้แต่ด้วยความจริงจังเธอจึงต้องไล่ตัวป่วนไป ฮโยจูจึงพาตากล้องไปหาดาราคนอื่นต่อ

“ด้านนี้ค่ะ พระรองของเรา แต่เป็นพระเอกของฉันนะค่ะ ก๊าก...” ฮโยจูพูดไปหัวเราะไปก่อนที่คิม นัมกิลจะหันมาที่กล้อง เขากำลังนั่งทานอาหารอยู่ในเต็นท์

“มูนไทยแลนด์ทีวีค่ะ กล่าวทักทายทุกคนหน่อย” ฮโยจูแนะนำ

“โอ้ สวัสดีครับผมคิม นัมกิลครับ แสดงเป็นจินโฮ...” แล้วก็มีเสียงฮโยจูแทรกขึ้น

“จินโฮอ๊อปป้า” ฮโยจูเน้น

“ครับจินโฮอ๊อปป้า ยังไงก็ขอบคุณครับที่ติดตาม จะแสดงให้เต็มที่ครับ” เขาโค้งขอบคุณ

“พอยังครับ?” คิม นัมกิลถามกับกล้อง ตากล้องจึงพยักหน้ารับ เขาก็กลับไปทานอาหารตามเดิม

“พี่กินอะไรอ่ะ?” ฮโยจูจึงเข้าไปนั่งข้างๆเขาและหยิบอาหารของเขาขึ้นมาทานโดยไม่ได้ขอ เขาได้แต่มองเธอแล้วก็หัวเราะที่ถูกอีกคนแยกทานอาหารไปจนหมด

“เอาอีกไหม?” เขาถามติดตลกแกมประชด

“พอละอิ่มละ ไปกันต่อเถอะค่ะ ตัวเอกของเรื่องรอเราอยู่” ฮโยจูหันมาพูดกับตากล้อง เธอพาตากล้องบุกป่าผ่าดงเข้าไปในห้องแต่งตัว

“นั่นไงๆ อัญชันของเราอยู่โน่น” เธอชี้ไปที่ร่างหนึ่งซึ่งกำลังนอนพับอยู่กับโต๊ะเครื่องแป้ง ฮโยจูค่อยๆย่องเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะจ่อไมค์ไปที่ปากของร่างนั้น

“คร่อก.......” เสียงกรน! ฮโยจูหัวเราะจนท้องแข็งแต่พยายามไม่ออกเสียง เพื่อไม่ให้คนที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้นมา และบอกให้ตากล้องเก็บภาพเอาไว้ทุกมุม

“เอาละค่ะเราก็ไปทักทายดารานำกันหมดแล้ว งั้นตามไปดูเขาถ่ายทำกันเถอะค่ะ” ฮโยจูกล่าวกับกล้องก่อนจะเดินนำไปดูการถ่ายทำ ตอนนี้กำลังถ่ายฉากบอกลาหน้าคอนโด

วันนี้ขอบคุณมากนะค่ะคุณอัญชัน ที่ช่วยไปงานเป็นเพื่อนฉัน แชวอนก้มขอบคุณอัญชัน ร่างเล็กเห็นดังนั้นก็รีบลนลานก้มตอบจึงทำให้ศีรษะทั้งสองชนกันอย่างแรง สองสาวถึงกับร้องโอดโอยผู้กำกับจึงสั่งคัท

“แชวอนเป็นยังไงบ้าง?” เสียงทีมงานเอ่ยถามขึ้น

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเงยหน้าเร็วไป ขอโทษด้วยค่ะ” แชวอนเอ่ยขึ้นพร้อมขอโทษทุกคนโดยเฉพาะกับนักแสดงร่วมอย่างอัญชันที่ตอนนี้หน้าผากแดงเถือง

……………………………………………………….

ฉากถัดมาเป็นฉากที่แชวอนจะล้มอัญชันจึงเข้าไปประคองไว้ แชวอนกับอัญชันกำลังนัดจังหวะกันก่อนถ่ายทำ เมื่อได้ยินเสียงผู้กำกับสั่งแอ็คชั่น แชวอนก็เซถลาทันที แต่อัญชันกลับจับร่างเธอไว้ไม่ทันทำให้แชวอนล้ม

“โอ้ย เจ็บเลย” แชวอนเอ่ยขึ้นขณะที่อัญชันเข้าไปพยุง ผู้กำกับจึงสั่งให้ถ่ายใหม่

แชวอนเซถลาอีกครั้งคราวนี้อัญชันรวบร่างของเธอไว้ได้ทัน แต่ด้วยความที่เธอตัวสูงกว่าอัญชันทำให้อีกคนรั้งร่างเธอไม่อยู่จึงเซล้มไปพร้อมกัน

“วอนอาตัวหนักอ่ะ” ฮโยจูเอ่ยขึ้นก่อนจะหัวเราะกับทีมงาน

.............................................................................

เมื่อถ่ายฉากภายนอกเรียบร้อยจึงย้ายมาถ่ายกันในห้องคอนโดซึ่งเป็นฉากต่อไป ครั้งนี้ทุกอย่างเป็นไปได้สวยจนเกือบจะจบฉากแล้ว

นี่ยาแก้ปวดและแก้แพ้รีบทานเลยนะค่ะ ส่วนนี่เป็นยาทาบรรเทาอาการปวด เอาไว้ทาพรุ่งนี้นะค่ะ อัญชันพูดบทของตัวเองโดยไม่รู้ตัวเลยว่าพูดผิด

“คัท!....” เสียงผู้กำกับดังขึ้น

“อัญชันพูดผิดนี่ ไม่ใช่ยาแก้แพ้แต่เป็นยาแก้อักเสบต่างหาก” แชวอนบอกกับอัญชัน ร่างเล็กจึงได้แต่เกาหัวพร้อมหัวเราะแฮะๆ และก้มขอโทษทุกคน ผู้กำกับจึงสั่งให้ถ่ายใหม่

…………………………………………………..

ถ้ายังงั้น....ราตรีสวัสดิ์ค่ะอัญชันจึงบอกลากับร่างบางด้วยท่าทางเขินอาย ดาราสาวจึงจะลุกขึ้นเพื่อเดินไปส่งเธอที่ประตู แต่อัญชันก็รั้งให้ร่างบางนั่งลงไปตามเดิม

ไม่เป็นไรค่ะ อย่าเพิ่งลุกเลยนะค่ะอัญชันบอกกับร่างบางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะเดินจากไปแต่เธอดันสะดุดขาโต๊ะล้มหน้าคะมำ ทำให้ฮโยจูหัวเราะออกมายกใหญ่และมองมาที่กล้องพร้อมชี้ไปที่อัญชัน

“ซุ่มซาม ฮิๆๆ” ฮโยจูพูดกับกล้อง ก่อนที่การถ่ายทำของวันนี้จะจบลงด้วยดี

“เอาล่ะค่ะ วันนี้ถ่ายเสร็จแล้ว แล้วพบกันใหม่คราวหน้านะค่ะสวัสดีค่ะทุกคน” ฮโยจู่กล่าวลากับกล้องพร้อมรอยยิ้มและโบกมือลาไหวๆ