วันเสาร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 11


ตอนที่ 11 ดินแดนแห่งรัก 1 (The land of Love 1)

ทันทีที่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิดาราสาวมุนแชวอนก็ร้องขอให้ไปภูเก็ตทันทีโดยไม่ต้องพักเหนื่อย

“จะดีหรือค่ะ คุณเดินทางมาไกล น่าจะพักสักคืนนะค่ะ” อัญชันเสนอ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะเห็นทะเลเร็วๆ” แชวอนตอบเสียงเศร้า อัญชันจึงต้องทำตามอย่างจำยอม ร่างเล็กเดินไปยังเคาเตอร์จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน หลังเลือกเที่ยวบินและที่นั่งเรียบร้อยดาราสาวจึงยื่นบัตรเครดิตของตนให้อัญชัน หากแต่ร่างเล็กปฏิเสธ ก่อนจะเปิดกระเป๋าสตางค์ของตนและหยิบบัตรแข็งที่ซ่อนอยู่หลังบัตรประชาชนออกมา บัตรเครดิตใบเขียวคุ้นตาที่ดาราสาวเองก็ใช้เช่นกันถูกยื่นไปให้พนักงาน

“คงถึงเวลาแล้วละนะ” อัญชันเอ่ยกับตนเอง บัตรเครดิตใบนี้เป็นบัตรที่แม่ของอัญชันทำให้ก่อนที่เธอจะบินไปเกาหลี โดยหวังให้ลูกสาวสุดที่รักอยู่ต่างประเทศอย่างสุขสบาย หากแต่อัญชันกลับไม่คิดจะใช้มันเลยสักครั้ง ด้วยไม่อยากรบกวนผู้เป็นแม่ ร่างเล็กคิดว่าเมื่อถึงคราวจำเป็นถึงจะใช้มันและดูเหมือนว่าเวลานี้คงจะจำเป็นแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงสองสาวก็ถึงสนามบินภูเก็ต ทันทีที่ถึงอัญชันก็ไปจัดการเช่ารถพร้อมกดเงินสดมาติดตัวไว้

“คุณแชวอนค่ะไปกันเถอะค่ะ” ร่างเล็กเดินนำดาราสาวไปยังรถ CRV คันงาม ก่อนจะเปิดประตูให้ร่างบางแล้วจึงขับรถมุ่งไปยังชายหาดดั่งที่ดาราสาวตั้งใจ แชวอนมองคนข้างๆที่กำลังขับรถอยู่ เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับเธอ เพราะที่เกาหลีอัญชันไม่เคยจับพวงมาลัยเลย หากแต่เมื่อมาถึงเมืองไทยร่างเล็กกลับเปิดประตูรถให้และขับพาไปยังสถานที่ที่เธออยากไป

“ขอบคุณนะค่ะ คุณอัญชัน” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยสร้างความแปลกใจให้คนขับรถที่กำลังมองทางอยู่อย่างตั้งใจ ก่อนที่ร่างเล็กจะยิ้มรับ

“ฉันบอกแล้วไงค่ะ ว่าถ้ามาเมืองไทยฉันจะขับพาคุณไปทุกที่เลย” อัญชันตอบพร้อมรอยยิ้ม ความอบอุ่นของคนข้างๆและทิวทัศน์ยามเย็นทำให้ร่างบางผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าอัญชันก็ขับรถมาจอดยังชายหาดแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าผู้โดยสารกิตติมศักดิ์จะยังรื่นรมย์อยู่ในความฝัน ร่างเล็กจึงไม่อยากจะปลุกเลยสตาร์ทรถทิ้งไว้ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกจากรถไปเงียบๆ

“นี่ฉันเอง ถึงภูเก็ตแล้วละ” ร่างเล็กบอกผ่านมือถือ

“หา? นี่แกไม่หยุดพักกันเลยหรอ ทึกจริงๆนะ” เอื้อเฟื้อตอบ

“เรื่องนั้นช่างเถอะ แกจำเรื่องที่ฉันบอกได้ไหม เรื่องที่อยากให้แกช่วยนะ” อัญชันรีบเข้าเรื่อง

“เออ ว่ามา” เอื้อเฟื้อตอบรับ

“ฉันอยากให้แกเป็นเท็ดดี้แบร์.....ปลุกระดมพวกแฟนคลับให้ออกมาปกป้องแชวอน แบ่งการโจมตีเป็นสองทาง หนึ่งทางอินเตอร์เน็ตและสองหนังสือพิมพ์” อัญชันกล่าวอย่างเคร่งเครียด

“เดี๋ยวนะ ไอ้อินเตอร์เน็ตนี่เข้าใจ แต่หนังสือพิมพ์เนี่ย แกคิดว่าฉันเป็นลูกนายกหรอ ที่จะไปบอกให้เขาลงแล้วเขาจะลงให้นะ ถึงเป็นลูกนายกก็ต้องจ่ายตังค์นะ!” เอื้อเฟื้อแย้ง

“ฉันกำลังจะบอกอยู่นี่ไง ไปขอความช่วยเหลือจากคุณจินโฮ ให้เขาสืบหาคนปล่อยภาพนั้น ฉันเชื่อว่าคนปล่อยต้องเป็นคนของสำนักข่าวใดสำนักหนึ่ง จากนั้นไปขอดูวงจรปิดที่ร้านอาหารที่จัดงานปิดกล้องในวันนั้น ฉันจำได้ว่าเห็นกล้องตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ เอาคลิปนั้นไปขู่คนปล่อยบอกว่าเราจะฟ้อง ถ้าไม่ให้เงินและแก้ข่าวให้เรา คราวนี้แกก็มีทั้งเงินและทั้งสื่อ คงไม่ต้องให้ฉันบอกต่อนะว่าต้องทำยังไง” อัญชันอธิบาย

“แกมัน.....อัจฉริยะ” เอื้อเฟื้อทึ่งในตัวเพื่อนสาว

“เพิ่งรู้หรอ อ่ะฉันต้องวางแล้ว แค่นี้นะ...........ตื่นแล้วหรือค่ะ” ร่างเล็กรีบตัดสายเมื่อเห็นร่างบางรู้สึกตัว

“อ้านี่ ค่ำแล้วหรือค่ะ” ร่างบางมองไปรอบๆก่อนจะเห็นคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง เธอจึงลงจากรถเดินไปสัมผัสน้ำทะเล ดาราสาวถอดรองเท้าของตนและเดินย่ำน้ำทะเลอย่างสนุกสนาน อัญชันมองภาพนั้นอย่างมีความสุข

“คุณอัญชัน มาเล่นน้ำด้วยกันซิค่ะ” ดาราสาวตะโกนเรียก ร่างเล็กจึงเดินไปตามคำเชิญ เมื่ออัญชันเดินมาใกล้ร่างบางก็กวักน้ำสาดใส่ร่างเล็กทันที อัญชันได้แต่วิ่งหลบคนพาล

“อย่าค่ะคุณแชวอน เดี๋ยวเปียกนะค่ะ” ร่างเล็กร้องห้ามแต่ดูเหมือนยิ่งเป็นการกระตุ้นคนขี้แกล้ง ร่างบางวิ่งไล่สาดน้ำไม่ยอมหยุดจนสะดุดขาตัวเองล้ม

“อ่ะคุณแชวอน!” อัญชันรีบเข้าไปช่วยจึงเสียหลักล้มไปด้วยอีกคน

“ว้าย!!” ร่างบางล้มทับอัญชันที่ตอนนี้นอนแผ่จมน้ำไปครึ่งตัว ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันจนต่างก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของอีกฝ่าย หัวใจเต้นเร็วไม่เป็นส่ำต่างมองสบตากันเนินนาน

“คุณแชวอนไม่เป็นอะไรนะค่ะ?” ร่างเล็กถามทำลายบรรยากาศขึ้น ร่างบางจึงรีบลุกขึ้นจากตัวเธอ

“ไม่เป็นไรค่ะ” แชวอนตอบพลางลูบทรายที่เปื้อนตัว อัญชันลุกตามขึ้นมาในสภาพที่เปียกปอน

“ตายจริงคุณเปียกหมดเลย” ร่างบางเพิ่งสังเกตเห็น

“แฮะๆ ไม่เป็นไรค่ะ คุณแชวอนไม่เปียกก็ดีแล้วค่ะ” ร่างเล็กตอบพลางเกาศีรษะหัวเราะแฮะๆ ทำให้ร่างบางหลุดขำกับท่าทางนั้น อัญชันมองภาพดาราสาวที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะยื่นมือไปให้ร่างบาง

“ไปกันเถอะค่ะ รีสอร์ทที่ฉันจองไว้อยู่ไม่ไกลจากนี่” ร่างเล็กบอกด้วยเสียงอ่อนโยน

“ค่ะ” ร่างบางตอบ เธอจับมือคนตัวเล็กและก้าวตามอย่างวางใจ

วันต่อมาอัญชันพาดาราสาวออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้เนื่องจากทั้งสองมาเมืองไทยโดยไม่มีสัมภาระสักชิ้น

“ว้าว!คนเยอะจังเลยนะค่ะ มีร้านขายของเต็มเลย” แชวอนตื่นตากับภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก

“โอ้ตรงนั้นขายหมาวก!” ร่างบางเดินเข้าไปในร้านดังกล่าวทันที

“เป็นยังไงบ้างค่ะ” เธอหยิบหมวกสานใบเล็กขึ้นมาสวมและหันไปถามความเห็นของอัญชัน

“น่ารักมากค่ะ” ร่างเล็กตอบ ทำให้ดาราสาวถึงกับหน้าแดง ก่อนจะหยิบหมวกแบบเดียวกันสวมให้อีกคน

“เท่าไหร่ค่ะ” ร่างบางหันไปถามแม่ค้าและควักเงินในกระเป๋าตัวเอง แต่ก็พบว่าตนไม่มีเงินสกุลบาทเลย

“นี่ค่ะ” ร่างเล็กยื่นเงินให้แม่ค้า ก่อนจะหันมาหาร่างบาง

“ขอบคุณนะค่ะสำหรับหมวก มันน่ารักมากเลย” อัญชันเอ่ย

“ขอบคุณอะไรละค่ะ คุณเป็นคนจ่ายนะ” ร่างบางตอบหน้ามุ่ย

“ขอบคุณที่เลือกให้ไงค่ะ....แล้วก็นี่ค่ะ เอาไว้ใช้นะค่ะ” ร่างเล็กยื่นธนบัตรให้ดาราสาวปึกหนึ่ง ร่างบางถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

“น้อยไปหรือค่ะ?” ร่างเล็กถามด้วยความสงสัยและจะควักให้เพิ่ม หากแต่ร่างบางห้ามไว้

“ไม่ใช่ค่ะ แต่นี่มัน แบงค์นี้เป็นแบงค์ที่มีค่ามากที่สุดเลยไม่ใช่หรือค่ะ มันเป็นแบงค์พันใช่ไหม แล้วนี่มัน 1 2 3......10ใบ หนึ่งหมื่นมันมากไปค่ะ ทั้งตั๋วเครื่องบิน ทั้งรถนั่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายต่างๆคุณก็เป็นคนออกหมดเลย” ร่างบางกล่าวอย่างเกรงใจ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีความสุขที่ได้เป็นฝ่ายให้คุณมั่ง” ร่างเล็กตอบ ทำให้ดาราสาวฉงน

“ให้? ฉันจำไม่ได้เลยว่าเคยให้อะไรคุณ” ร่างบางถาม

“ถึงคุณจะไม่รู้ แต่ฉันก็ได้รับมันมาแล้ว เพราะงั้นให้ฉันเป็นฝ่ายให้คุณบ้างเถอะค่ะ” ร่างเล็กตอบให้คนฟังยิ่งสงสัย

“แต่แบบนี้วงเงินในบัตรมันจะเต็มเอาได้นะค่ะ” ร่างบางกล่าวอย่างเป็นห่วง

“อ้อ เรื่องนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ บัตรนี้ไม่จำกัดวงเงิน” ร่างเล็กตอบอย่างไม่ยี่หระ สร้างความฉงนให้ดาราสาวยิ่งนัก แม้จะไม่เคยเห็นร่างเล็กมีปัญหาทางการเงินแต่ก็ไม่เคยเห็นเธออวดร่ำอวดรวย แต่นี่ถึงขนาดมีบัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินทำให้ร่างบางคาดไม่ถึงจริงๆ พื้นเพของอีกคนเป็นอย่างไรกันแน่นะ

จากนั้นทั้งสองก็เดินเลือกซื้อของอย่างเพลิดเพลิน อัญขันเห็นสร้อยเส้นหนึ่งจึงเดินเข้าไปดูอย่างสนใจ

“คุณแชวอนค่ะสร้อยเส้นนี้น่ารักไหมค่ะ” ร่างเล็กหันมาถามดาราสาวแต่กลับไร้วี่แววของอีกคน อัญชันกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบร่างบาง จึงเดินกลับไปยังทางเก่าที่เดินผ่านมา ขณะเดียวกันแชวอนที่หยุดดูเครื่องประดับแฮนด์เมดโดยไม่ได้เรียกอัญชันไว้เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตนนั้นอยู่เพียงลำพัง เธอหันมองหาร่างเล็กแต่ก็ไม่พบ เธอจึงเดินหาอัญชันไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเดินไปร้านไหนๆก็ไม่พบคนตัวเล็ก อาการขวัญเสียบวกความเหนื่อยล้าทำให้ดาราสาวแทบเดินไม่ไหว อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบกับอัญชันอีก ร่างบางมองดูผู้คนมากมายที่รายล้อมและหลั่งน้ำตาอย่างสิ้นหวัง

“คุณแชวอน!” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ร่างบางจึงหันไปตามเสียงเรียกนั้น ร่างเล็กของอัญชันปรากฏขึ้น ทั้งสองต่างวิ่งเข้าหากัน ร่างเล็กโผเข้ากอดดาราสาวไว้อย่างหวงแหน

“ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ” อัญชันกล่าวอย่างรู้สึกผิดในขณะที่ร่างบางยังคงสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอด

“อย่า....อย่าปล่อยมือจากฉันอีกนะ อย่าหายไปอีกนะ” ร่างบางกล่าวพลางสะอื้นไห้เหมือนเด็กๆ

“ค่ะฉันจะไม่ปล่อยมือจากคุณอีก” ร่างเล็กรับคำพร้อมกอดร่างบางไว้อย่างสุดรัก

หลังซื้อข้าวของจนพอใจอัญชันจึงพาดาราสาวมาทานอาหารที่ร้านริมทะเลบรรยากาศดีร้านหนึ่ง

“ฉันขอโทษนะค่ะที่ทำตัวเป็นเด็กๆ แค่หลงทางแค่นี้ก็ร้องไห้โวยวาย” แชวอนกล่าวอย่างเขินอาย

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เป็นฉันเองหลงทางในต่างประเทศแถมพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้แบบนี้ก็ร้องไห้เหมือนกันละค่ะ” ร่างเล็กกล่าวสมทบอีกฝ่าย

“เอ๊ะ แต่ที่แดกูตอนที่คุณถูกฮโยจูแกล้งคุณก็ไม่เห็นร้องไห้นี่ค่ะ” ร่างบางท้วง

“อ้า....ใครบอกละค่ะ ตอนนั้นนะฉันอยากจะร้องไห้จะตาย แต่เป็นเพราะมือของฉันมันต้องหิ้วเจ้าส้มแสนแพงนั่น ก็เลยไม่มีมือมาเช็ดน้ำตา ฉันก็เลยไม่ร้องดีกว่านะค่ะ” อัญชันแถไปเรื่อย

“ส้มแสนแพงหรอค่ะ แค่ลูกไม่กี่ร้อยวอน แต่ดูที่คุณใช้เงินที่นี่ซิค่ะ มันไม่ยิ่งแสนแพงหรอค่ะ แล้วอะไรกัน มือไม่ว่างก็เลยไม่ร้องหรอค่ะ เหตุผลฟังไม่ขึ้นเลยนะค่ะ นี่คุณพูดล้อฉันหรือเปล่าค่ะเนี่ย” แชวอนกล่าวเอาเรื่อง

“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นนะค่ะ คือฉัน.......” อัญชันลนลานอธิบายแต่ไม่ทันจะกล่าวจบดาราสาวก็หลุดขำออกมาให้ร่างเล็กรู้ตัวว่าถูกอำเสียแล้ว ดาราสาวหัวเราะชอบใจยกใหญ่ให้อีกคนได้แต่อมยิ้มเอียงอาย ดินเนอร์มื้อนี้จึงทำให้สองสาวอิ่มทั้งท้องและอิ่มไปทั้งใจ

หลังกลับมาถึงรีสอร์ทดาราสาวอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน หากแต่เหตุการณ์วันนี้ทำให้หัวใจของเธอยังเต็นแรงจนไม่สามรถข่มตาหลับได้ ร่างบางจึงออกมาริมทะเลเพื่อรับลมเย็นให้หัวใจของเธอมันสงบลงบ้าง ร่างบางเหม่อมองท้องทะเลที่มืดสนิทสุดลูกหูลูกตาก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นดาวพรางพราวเต็มฟ้า แต่เสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจเธอให้หันไปมอง

“อ้าวคุณแชวอน ยังไม่นอนหรือค่ะ?” ร่างเล็กที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ยังค่ะ ฉัน....นอนไม่หลับนะค่ะ” แชวอนตอบพร้อมรอยยิ้ม

“เหมือนกันเลยค่ะ” อัญชันตอบพลางก้มมองพื้นทราย

“งั้น....ไปเดินเล่นกันไหมค่ะ?” ร่างบางถามพร้อมยื่นมือให้ร่างเล็ก อัญชันยิ้มรับก่อนจะจับมือนั้นและก้าวเดินไปพร้อมกัน

“อากาศดีจังเลยนะค่ะ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น

“นั่นสิค่ะ แถมยังมีดาวเต็มฟ้าเลย แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีดวงจันทร์” ร่างบางกล่าว

“มีสิค่ะ อยู่ตรงนี้ไง” อัญชันตอบพลางสบตาร่างบาง ดาราสาวถึงกับเอียงอายก่อนจะคล้องแขนของร่างเล็กพร้อมเบียดร่างให้แนบชิด อัญชันประหม่าเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างบางแล้วทำหน้าร้องตะโกนด้วยความดีใจโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ ทั้งสองเดินไปจนเกือบสุดหาดและเดินกลับมายังรีสอร์ทของตน

“เอ่อ....ราตรีสวัสดิ์นะค่ะ” อัญชันกล่าวขณะยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้องดาราสาวที่กำลังจะเข้าห้องตัวเอง

“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ” ร่างบางตอบพลางปิดประตู

“เอ่อ!” อัญชันร้องขึ้น ร่างบางจึงหยุดมือและเปิดประตูออกอีกครั้ง

“ค่ะ?” ร่างบางถามอย่างสนใจ

“คือ.....เอ่อ......ฉัน.....ฉัน......” อัญชันพูดติดอ่างในขณะที่ร่างบางลุ้นให้อีกคนพูดอย่างลุ้นระทึก

“ฉันจะพาคุณไปเกาะนะค่ะ ไม่รู้คุณจะชอบไหม?” อัญชันตัดสินใจพูดออกมาจนได้ แต่คำพูดนั้นทำให้ร่างบางถึงกับหน้าเหี่ยว

“อ้อ ค่ะ ฉันชอบเที่ยวเกาะค่ะ” ร่างบางตอบอย่างหมดอารมณ์

“ค่ะ งั้นก็เจอกันพรุ่งนี้นะค่ะ” ร่างเล็กพูดจบก็เดินไปทันที เมื่อประตูห้องดาราสาวปิดลง ร่างเล็กก็ได้แต่เขกศีรษะตัวเอง

“โธ่เอ้ย เที่ยวเกาะเนี่ยนะ ไอ้บ้าชันเอ้ย พูดบ้าอะไรเนี่ย” ร่างเล็กกรนด่าความขลาดของตัวเองยกใหญ่ ทั้งที่บรรยากาศก็เป็นใจแต่ทำไมใจไม่กล้าพอ

“เฮ้อออ ชันเอ้ยชัน ชาตินี้จะมีหวังไหมเนี่ย” ร่างเล็กถอนหายใจยืดยาว ก่อนที่เสียงมือถือจะดังขึ้น

“ผมได้คลิปมาแล้วครับ” ปลายสายพูด

“ขอบคุณมากนะค่ะคุณจินโฮ ถ้าไม่ได้คุณเราคงทำไม่ได้” ร่างเล็กตอบ

“พูดอะไรอย่างนั้นครับ ถึงไม่มีผม ผมว่าคุณคนเดียวก็ทำได้” จินโฮกล่าวถ่อมตน

“ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันคงจะต่อรองกับคนปล่อยภาพไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องใช้ตำแหน่งและบริษัทคุณขู่พวกนั้น” ร่างเล็กกล่าว

“งั้นทำไมไม่ให้ผมฟ้องร้องพวกมันไปเลยละครับ เรามีหลักฐานอยู่ในมือแบบนี้ต้องชนะแน่นอน” จินโฮเสนอ

“แต่มันไม่เร็วพอ และคงไม่ง่าย เพราะคุณอาจโดนแทรกแซงจากหลายฝ่าย ถ้าเป็นอย่างนั้น เราอาจต้องถอนฟ้องและผลมันจะแย่กว่าเดิม” อัญชัน อธิบายจนจินโฮเห็นภาพ

“นั่นซินะครับ จริงอย่างที่คุณว่า ผมนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ” จินโฮตัดพ้อตนเอง

“ไม่จริงเลยค่ะ สำหรับฉันแล้ว คุณเป็นเหมือนขุมพลังของฉันเลย ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายขึ้นเมื่อมีคุณคอยช่วยเหลือ ขอบคุณนะค่ะที่ช่วยเหลือฉันตลอดมา” ร่างเล็กกล่าวอย่างซาบซึ้ง

“ถึงคุณจะพูดแบบนั้น แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าได้ทำอะไรให้คุณเลย แต่ก็...ผมจะรับคำขอบคุณของคุณครับ” จินโฮตอบรับอย่างจำยอมก่อนจะวางสายไป

หลายวันหลังจากนั้นอัญชันพาดาราสาวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วภาคใต้ และเริ่มกลับขึ้นภาคกลาง ทำให้ร่างเล็กอยากพาดาราสาวไปยังที่แห่งหนึ่ง

“คุณแชวอนค่ะ ฉันมีที่หนึ่งที่อยากพาคุณไป” อัญชันเอ่ยขึ้นขณะขับรถ

“เอ๊ะ ที่ไหนหรือค่ะ?” ร่างบางถามอย่างสนใจ

“บ้านฉันค่ะ” อัญชันเฉลยให้อีกคนอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา

รถ CRV คันงามแล่นเข้าซอยคดเคี้ยว ก่อนจะวิ่งเข้าไปยังทางลูกลังที่ขนาบข้างด้วยเทือกสวนไร่นา ลึกเข้าไปในนั้นบ้านทรงไทยหลังงามตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สองสาวก้าวลงจากรถและเหลือบมองไปรอบๆบริเวณ

“ชัน! ชันลูกแม่!” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมวิ่งเข้ามาหาร่างเล็ก เธอกอดอัญชันไว้อย่างสุดรักและหอมแก้มใสนั้นอย่างอาทร

“ทำไมมาไม่บอก แม่จะได้ไปรับ” วันเพ็ญมารดาของอัญชันเอ่ยถาม ก่อนจะเหลือบไปเห็นสาวสวยร่างบางที่ยืนมองเธอด้วยความแปลกใจ

“อ้าวแล้วแม่หนูนี่ใครกัน?” วันเพ็ญหันไปถามผู้เป็นลูก

“นี่คุณมุนแชวอน เธอเป็น.......” อัญชันนิ่งคิดอยู่นานไม่รู้จะบอกผู้เป็นแม่อย่างไร เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยังคลุมเครือ รึจะบอกว่าเป็นดาราก็คงต้องเล่ากันอีกยาว

“เพื่อนนะแม่ เพื่อน” อัญชันตัดสินใจตอบโดยเลือกความสัมพันธ์ที่ไม่น่าสงสัยนัก

“อ้อ เพื่อนจากเกาหลีหรอ โอ้...อันยองฮาเซโย” วันเพ็ญทักทายเพื่อนลูกสาวด้วยภาษาเกาหลี ที่เธอรู้เพียงประโยคเดียว แชวอนจึงรีบก้มทักทายอย่างอ่อนน้อมทันที

“โอ้สวัสดีค่ะ คุณพูดเกาหลีได้ด้วยหรอค่ะ” ร่างบางตอบกลับเป็นภาษาเกาหลีอย่างลืมตัวเพราะคิดว่าอีกฝ่ายพูดได้

“ฮ่าๆๆ แม่ฉันพูดได้แค่ประโยคเดียวเท่านั้นละค่ะ อ้อ คุณแชวอนนี่แม่ของฉันค่ะ” ร่างเล็กบอกและแนะนำแม่ของตนให้ร่างบางรู้จัก แชวอนจึงยิ่งก้มทักทายอ่อนน้อมยกใหญ่

“แหมแม่หนูคนนี้น่ารักจังเลยนะชัน สาวเกาหลีน่ารักแบบนี้ทุกคนเลยหรอ?” วันเพ็ญถามขึ้น

“ไม่ทุกคนหรอกแม่ แต่คนนี้เขาน่ารักเป็นพิเศษ” อัญชันกระซิบกระซาบกับผู้เป็นแม่

“เอาๆ งั้นเชิญเขาเข้าบ้านเร็ว แม่หนูมาๆ เข้าบ้านเร็ว” วันเพ็ญโบกมือให้แชวอนเข้าบ้าน ร่างบางจึงทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะสื่อสารกันคนละภาษาแต่วันเพ็ญและแชวอนก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด เธอสอนให้ร่างบางสวมผ้าถุงและชวนกินน้ำพริก ร่างบางเองก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั้งที่ไม่เคยชิน

“คุณแชวอนไม่ต้องทำตามที่แม่บอกทุกอย่างก็ได้นะค่ะ” อัญชันท้วงขึ้นขณะที่ร่างบางกำลังกล้ำกลืนน้ำพริกลงคอ

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่ามันก็อร่อยดีนะค่ะ” แชวอนตอบหน้าเจื่อนหลังลิ้มรสน้ำพริก อัญชันถึงกับหลุดขำท่าทางนั้น

“อร่อยไหม แม่หนู?” วันเพ็ญถามแขก ร่างบางได้แต่พยักหน้าฝืนยิ้มโดยมีอัญชันนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ ความครึกครื้นกลับคืนสู่บ้านสวนอีกครั้งหลังจากที่อัญชันจากบ้านไปนาน



วันอังคารที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 10





ตอนที่ 10 หนีไปกับรัก (Gone with Love)
หลังกลับจากแดกู ดาราสาว มุน แชวอน ก็ได้ถ่ายทำละครจนเสร็จลงด้วยดี ทางทีมงานจึงจัดงานเลี้ยงปิดกล้องและเชิญทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับละครเรื่องนี้มาร่วมงาน รวมถึงอัญชันที่ต้องตามมาเป็นเพื่อนดาราสาว





“เอ้าๆดื่มเยอะๆเจ้าตัวเล็ก” เหล่าทีมงานต่างรินเหล้าและตักอาหารมาให้อัญชันยกใหญ่ ร่างเล็กได้แต่ก้มขอบคุณและกินดื่มตามที่ทุกคนต้องการด้วยความเกรงใจ แชวอนที่นั่งอยู่ไม่ไกลนักมองร่างเล็กด้วยความเอ็นดู คงเป็นเพราะความน่ารักและมีน้ำใจของอัญชันที่ทำให้คนทั้งกองต่างรักและเอ็นดูผู้ช่วยคนนี้ของเธอ แน่ละก็ขนาดเธอยังหลงรักเลย เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหน้าของดาราสาวก็ถึงกับแดงฉ่า





“โอ้! แชวอน เมาแล้วหรอหน้าแดงเชียว” นักแสดงนำหญิงของเรื่องซึ่งนั่งอยู่ข้างๆทักขึ้น ทำให้ร่างบางต้องรีบขอตัวไปห้องน้ำทันที เพราะไม่อยากให้ใครจับได้ว่าเธอนั้นเมา(รัก) ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำดาราสาวเอาแต่ก้มหน้าคิดเรื่องของคนตัวเล็กทำให้เธอไม่ทันระวังจึงชนเข้ากับร่างของชายคนหนึ่งที่หน้าห้องน้ำ





“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ อ่ะ ...ผู้กำกับ” แชวอนกล่าวขอโทษด้วยความตกใจก่อนจะพบว่าคนที่เธอชนนั้นคือผู้กำกับนั่นเอง





“ว่ายังไง แชวอนคนสวย มาเข้าห้องน้ำหรอจ๊ะ” เขากล่าวอย่างกรุ้มกริ่มส่งสายตาหวานเยิ้มให้เธอ แชวอนได้กลิ่นเหล้าแรงจากเขาคาดว่าเขาคงจะดื่มไปเยอะ





“เอ่อ...ขอตัวก่อนนะค่ะ” ดาราสาวเห็นท่าไม่ดีจึงรีบผละตัว แต่กลับโดนผู้กำกับคว้าตัวเธอไว้และดันไปติดกับผนัง





“ผู้กำกับ!” เธอร้องด้วยความตกใจ





“ชู่....เด็กดี อยากเป็นนางเอกของฉันไหม ถ้าเธอได้เล่นหนังของฉันละก็ รับรองว่าเธอต้องดังเป็นพลุแตกแน่ๆ จะได้ไม่ต้องมาเล่นบทกระจอกๆแบบนี้อีกไงละ” เขาเกลี่ยกล่อมพร้อมกับล้วงเข้าไปใต้เสื้อของเธอ แชวอนจึงผลักร่างเขาออกไปสุดแรงจนเขาเซถลา





“คุณแชวอน อยู่นี่เอง ทุกคนเขาจะตัดเค้กแล้วนะค่ะ ฉันเลย....” อัญชันที่เดินมาถึงพอดีทักขึ้นอย่างไม่ล่วงรู้ถึงเหตุการณ์ แต่ไม่ทันได้พูดจบร่างบางก็ลากเธอออกมาและตรงขึ้นรถขับออกไปทันที ร่างเล็กได้แต่งงกับสิ่งที่เกิดขึ้น





“คุณแชวอน? มีอะไรรึเปล่าค่ะ? คุณ...เป็นอะไรรึเปล่า?” อัญชันถามด้วยความเป็นห่วง แต่ดาราสาวกลับนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่





“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกไม่ค่อยสบาย ขอโทษนะค่ะ คุณเลยไม่ได้อยู่ต่อ” แชวอนกล่าวกลบเกลื่อนด้วยไม่อยากให้อีกคนเป็นกังวล





“คุณแชวอนไม่สบายหรือค่ะ เป็นอะไรมากไหมค่ะ ไปหาหมอกันดีไหม?” ร่างเล็กลนลานถาม ดาราสาวได้ยินดังนั้นก็จอดรถข้างทางทันที ก่อนจะโผเข้ากอดร่างเล็กไว้ อัญชันที่อยู่ๆก็ถูกกอดได้แต่ตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก แต่สักพักก็รับรู้ได้ถึงร่างที่สั่นเทาของดาราสาว เหมือนดั่งเธอหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ร่างเล็กจึงสวมกอดปลอบประโลมเธอ มือน้อยค่อยๆลูบไปที่แผ่นหลังของร่างบางอย่างอ่อนโยน





เช้าวันต่อมาเอื้อเฟื้อตื่นเช้าเช่นเคย หลังทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยเขาก็มานั่งจิบกาแฟหน้าทีวีเพื่อรับข่าวสาร แต่เช้านี้เขาต้องสำลักกาแฟออกมาทันทีที่เปิดมาเห็นภาพข่าวอื้อฉาวของดาราสาว มุนแชวอน กับผู้กำกับชื่อดัง ที่ดูยังไงก็เหมือนทั้งสองกำลังกอดรัดกันอยู่





“ชะ ชะ ชัน ชันเว้ย ชัน!” เอื้อเฟื้อร้องลั่น อัญชันที่กำลังแปรงฟันอยู่ในห้องน้ำจึงรีบวิ่งออกมาทันที





“อีอะไอ(มีอะไร)” เธอถามทั้งที่ฟองยังเต็มปาก เอื้อเฟื้อจึงชี้ไปที่ทีวี ทันทีที่ร่างเล็กเห็นภาพนั้นแปรงสีฟันในมือที่ถืออยู่ก็ล่วงลงพื้น ก่อนที่เธอจะวิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว





บริเวณหน้าคอนโดของดาราสาวมุนแชวอนคลาคล่ำไปด้วยเหล่าสื่อมวลชนที่มารอสัมภาษณ์เกี่ยวกับภาพอื้อฉาวดังกล่าว ขณะเดียวกันภายในห้องของดาราสาว คุณจาง ฮโยจูและจินโฮ กำลังเดินวนไปมาอย่างเคร่งเครียด





“นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกัน ทำไมพี่ไม่หยุดมันไว้” ฮโยจูระเบิดอารมณ์ใส่จินโฮที่ยืนกุมขมับอยู่





“พี่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย แล้วภาพนั่นก็ถูกโพสลงบนอินเตอร์เน็ตไม่ใช่หนังสือพิมพ์ พี่จะหยุดมันได้ยังไง” จินโฮอธิบาย





“อย่าโทษคุณปาร์คเลย มันเป็นความผิดของฉันเองที่ไม่ระวังตัว ทั้งที่ความจริงเขาเข้ามาลวนลามฉัน แต่ภาพกลับออกมาเป็นแบบนี้” แชวอนรำพันเสียงเครือ ฮโยจูจึงเข้าไปปลอบเพื่อนสาว





“ฉันรู้ๆ ในวงการนี้ใครๆเขาก็รู้กันทั้งนั้นว่าผู้กำกับลีน่ะมันหัวงูขนาดไหน ให้ตายเถอะฉันอยากจะฆ่ามันจริงๆ อย่าให้ฉันเจอหน้านะ” ฮโยจูปลอบก่อนจะกล่าวอาฆาต





“เดี๋ยวผมจะไปบริษัทคุยเรื่องการจัดแถลงข่าว ฝากดูทางนี้ด้วยนะครับคุณจาง” จินโฮกล่าวก่อนออกไป





“เฮ้อ..ไม่น่าเลยๆ แชวอนของเจ๊ มาโดนข่าวฉาวแบบนี้....ว่าแต่แม่อึนชันอยู่ไหนละเนี่ย นี่ถ้าไม่โทรไปเรียกก็จะไม่มาทำงานหรือไง” คุณจางกำลังจะกดมือถือเพื่อตามตัวผู้ช่วย แต่เสียงออดหน้าห้องกลับดังขึ้นเสียก่อน เขาจึงเดินไปดูว่าเป็นใคร





“ว้าย! ตายยากจริงๆแม่คนนี้” คุณจางกล่าวพลางเปิดประตูให้อัญชัน ร่างเล็กเดินตรงไปหาดาราสาว ทันทีที่เข้ามาข้างในก็พบเข้ากับภาพของร่างบางสะอื้นไห้อยู่กับเพื่อนสาว ก่อนที่ดาราสาวจะสังเกตเห็นร่างเล็ก เธอจึงรีบผละจากเพื่อนและเดินไปหาอัญชันทันที





“มัน มันไม่ใช่อย่างที่เห็นนะค่ะ ฉัน ฉัน........” ร่างบางพยายามอธิบายแต่ก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาไว้ได้จึงปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ร่างเล็กมองเธอด้วยใจที่ปวดร้าวเมื่อเห็นคนตรงหน้าร้องไห้อย่างเจ็บปวด





“ฉันเชื่อค่ะ ต่อให้มีภาพหรือคลิป ถ้าคุณบอกว่าไม่....ฉันเชื่อคุณค่ะ” อัญชันกล่าวอย่างอ่อนโยนพร้อมกุมมือร่างบางไว้





ณ บริษัทสตาร์เคย์ฯ จินโฮรีบเข้าไปพบผู้เป็นพ่อ ประธานบริษัททันทีที่มาถึง





“เราต้องแถลงข่าวเรื่องนี้นะครับ ข่าวในอินเตอร์เน็ตมันไปไวมาก ตอนนี้มีคนวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆนาๆ เราจะต้องหยุดมัน” จินโฮกล่าวอย่างเคร่งเครียด





“.......ไม่ เราจะไม่ทำอะไรทั้งนั้น เดี๋ยวข่าวมันก็เงียบไปเอง ปล่อยไปเถอะ” ประธานปาร์คผู้เป็นพ่อกล่าวอย่างเยือกเย็น





“อะไรนะครับ? ไม่ได้นะครับ ถ้าไม่แถลงข่าว คนทั้งประเทศจะคิดว่าแชวอนเป็นนักแสดงที่ยอมเอาตัวเข้าแลกแม้กับผู้กำกับที่แต่งงานแล้ว แบบนี้อนาคตของเธอก็จะจบ เราปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้นะครับ” จินโฮแย้ง





“แล้วเราจะทำอะไรได้ ทางสถานีว่าถ้าเราแถลงข่าวจะตัดสัญญากับดาราในสังกัดเราทุกคนและไม่ให้งานกับดาราของเราอีก! แกจะยอมให้ปลาเน่าตัวเดียวทำให้เราตายกันหมดหรอ!” ประธานปาร์คอธิบาย จินโฮถึงกับตกตะลึงที่ได้ทราบข้อมูล





“แต่..แต่เธอเป็นดาราของเรา เราต้องปกป้องเธอซิครับ มันเป็นหน้าที่ของบริษัทต้นสังกัดอย่างเราไม่ใช่หรอ?” จินโฮให้เหตุผล





“แล้วถ้าบริษัทอยู่ไม่ได้แกคิดบ้างไหมว่าเราจะมีปัญญาที่ไหนไปปกป้องดารา กลับไปทำงานของแกซะ เรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหาร” ประธานปาร์ครีบตัดบท จินโฮจึงต้องเดินออกมาอย่างหัวเสีย นี่คงเป็นเพราะผู้กำกับลีนั้นมีชื่อเสียงในการกำกับมาก หนังและละครของเขาได้รับรางวัลมากมายทางสถานีจึงเลือกที่จะปกป้องเขามากกว่าดาราสมทบอย่างแชวอน นี่ล่ะคือความสกปรกของวงการนี้ที่เขาแสนรังเกียจ แต่ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงมันได้





“เป็นยังไงบ้างค่ะ จะจัดแถลงข่าวเมื่อไหร่ ให้พวกเราออกไปเลยไหม?” ฮโยจูถามอย่างร้อนใจผ่านสายโทรศัพท์





“.....ทางสถานไม่ให้เราจัดแถลงข่าว เขาขู่จะตัดสัญญากับดาราของเราและไม่ให้งานกับดาราในสังกัดเราอีก” จินโฮตอบด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ





“อะ...อะไรนะ? เขาทำแบบนี้ได้ยังไง ทุเรศที่สุด แบบนี้แชวอนก็เสียหายนะซิ ฉันไม่ยอมเด็ดขาด!” ฮโยจูได้ยินก็โวยวายลั่น





“พี่จะลองเข้าไปคุยกับสถานีดูอีกที” จินโฮเสนอ





“งั้นฉันไปด้วย เจอกันที่สถานีนะค่ะ” ฮโยจูกล่าวสมทบก่อนจะวางสายและหันมายังแชวอนที่รอคอยฟังข่าว





“เอ่อ...คือ....พี่จินโฮกำลังไปที่สถานีน่ะ จะได้แถลงข่าวร่วมกันไง” ฮโยจูพยายามแถสุดชีวิตแต่แชวอนก็พอจะรับรู้ได้ถึงปัญหา เธอจึงได้แต่เดินเข้าห้องนอนไปอย่างสิ้นหวัง ร่างโปร่งเห็นท่าทีของเพื่อนสาวก็รู้สึกหดหู่ใจ





“นี่ยัยเตี้ย เดี๋ยวฉันกับคุณจางจะออกไปข้างนอก ฝากดูเพื่อนฉันด้วยละ” ฮโยจูกล่าวก่อนออกจากห้องไปพร้อมกับคุณจาง แม้ตัวเองจะไม่ชอบอัญชันแต่ในเวลานี้หล่อนเป็นเพียงคนเดียวที่จะสามารถปลอบใจเพื่อนสาวของเธอได้ ฮโยจูจึงต้องจำใจฝากเพื่อนรักไว้กับศัตรู(หัวใจ)





ณ สถานีโทรทัศน์ จินโฮที่เพิ่งมาถึงเดินตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการฝ่ายผลิต ชางแตซุน ทันที เขาเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงทัดทานจากเลขาหน้าห้อง ภายในห้องนั้นเขาพบกับ ผู้กำกับลีหัวงูนั่งประจบสอพลออยู่ในนั้น





“โฮ่...ไม่พบกันนานนะคุณปาร์ค มีธุระอะไรถึงมาถึงนี่ได้ละ” ผอ.ชางกล่าวทักอย่างแสแสร้ง





“ผมมาเจรจาเพื่อขอจัดแถลงข่าวร่วมกับสถานี” จินโฮตรงเข้าประเด็นทันที





“แถลงข่าว? คุณหมายถึงการแถลงข่าวละครเรื่องใหม่ของทางสถานีที่ดาราในสังกัดคุณได้รับเลือกให้แสดงนำนะหรอ ไม่ต้องห่วงเรากำหนดวันแถลงข่าวและเตรียมงานกันเรียบร้อยแล้ว..............แต่ว่า บางทีในวันแถลงข่าวเราอาจจะต้องเปลี่ยนนักแสดงนำและดูเหมือนว่าอาจจะต้องเปลี่ยนกันหลายเรื่องเลย” ผอ.ชางขู่ด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น





“ไม่เอาน่าคุณปาร์ค คุณก็อยู่วงการนี้มานาน น่าจะรู้นี่ ดารามีทั้งเกิดทั้งดับกันอยู่ทุกวัน เธอก็แค่เป็นหนึ่งในนั้นเท่านั้น เดี๋ยวมันก็ผ่านไป” ผู้กำกับลีกล่าวหน้าไม่อาย





“แก!” จินโฮที่ได้ยินคำพูดหน้าระอายก็ถึงกับเดือดดาลหมายจะเข้าไปต่อยปากเจ้าคนใจทรามสักหมัดให้หลาบจำ แต่ผอ.ชางก็ร้องห้ามขึ้นเสียก่อน





“หยุดนะ! ผมว่าคุณกลับไปเสียก่อนที่ผมจะเปลี่ยนข้อตกลงให้มันยากขึ้นกว่านี้ดีกว่านะ เห็นแก่สัมพันธภาพอันดีของเราเถอะ คุณเองก็เป็นผู้บริหาร น่าจะแยกแยะได้นะ” ผอ.ชางขู่ขึ้นอีกครั้ง ทำให้จินโฮจำใจเดินออกมาอย่างคับแค้น





“โธ่โว้ยๆๆๆๆ” จินโฮทำได้เพียงระบายความแค้นด้วยการต่อยกำแพงหน้าห้อง นี่เขาต้องปล่อยให้ผู้หญิงบริสุทธิ์โดนวงการที่เสื่อมทรามนี่ทำลายยังงั้นหรือ เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยหรือ เขาในตอนนี้ ช่างไร้ค่าจริงๆ จินโฮได้แต่กล่นด่าตัวเองและวงการบันเทิงที่น่าขยะแขยงนี้ในใจ





“พี่จินโฮ เป็นยังไงบ้างค่ะ?” ฮโยจูและคุณจางที่เพิ่งมาถึงถามอย่างร้อนใจ หากแต่จินโฮได้แต่ส่ายศีรษะอย่างอดสูในความสามารถของตัวเอง ท่าทางของเขาเป็นคำตอบได้ดีโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ย ทันใดนั้นผู้กำกับลีก็เปิดประตูออกมาจากห้อง ผอ.ชางพอดี เขามองคนผิดหวังทั้งสามอย่างผู้มีชัย ฮโยจูเห็นท่าทางของเขาก็ถึงกับเลือดขึ้นหน้า ก่อนที่เขาจะเดินจากไปเธอจึงเรียกเขาไว้เสียก่อน





“ผู้กำกับลีค่ะ” ร่างโปร่งเรียกเสียงหวาน เขาจึงหันกลับมามองด้วยความสงสัย เธอเดินเข้าไปหาและโอบมือไปที่รอบคอของเขาพร้อมกับโน้มมันลงมาก่อนจะตีเข่าเข้าไปยังจุดยุทธศาสตร์ลูกผู้ชายสุดแรงเกิด ผู้กำกับลีถึงกับหน้าเขียวทรุดลงไปกองกับพื้น





“ชิ!ไอ้หัวงู อย่าแม้แต่จะคิดมายุ่งกับเพื่อนฉันอีกนะ ไม่งั้นแกตายแน่” เธออาฆาตก่อนจะจูงจินโฮและคุณจางที่ยืนแข็งทื่อตกตะลึงกับการกระทำของเธอเดินจากไป





ภายในห้องคอนโดของดาราสาวหลังอัญชันรู้ผลการเจรจาจากฮโยจูแล้วจึงเดินเข้าไปหาร่างบางในห้องนอนอีกครั้ง เธอกำลังนั่งดูคำวิพากษ์วิจารณ์ที่โพสลงบนอินเตอร์เน็ต ทุกคนต่างประณามว่าเธอเป็นดาราที่ใช้เต้าไต่กับผู้กำกับที่แต่งงานแล้วอย่างไร้ศีลธรรม ตัวอักษรแต่ละตัวนั้นช่างโหดร้ายต่อความรู้สึก หยดน้ำใสค่อยๆไหลอาบแก้ม ก่อนที่ดวงตาแดงจะถูกปิดด้วยมือเล็กของอัญชัน





“อย่าไปดูมันเลยค่ะ เรื่องไร้สาระพวกนี้” ร่างเล็กกระซิบที่ข้างหูก่อนจะปิดคอมพิวเตอร์





“เราไปจากที่นี่กันเถอะค่ะ” อัญชันบอกพร้อมกุมมือแชวอนไว้ ร่างบางพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ไม่นานนักเอื้อเฟื้อในชุดพนักงานส่งพิซซ่าก็มายืนหน้าห้อง





“ครั้งนี้แก่เป็นหนี้ฉันใหญ่หลวง” เขาพูดขณะถอดหมวกกันน็อคออกและเดินเข้ามาในห้อง





“ก็เจ๊ากันเรื่องคราวที่แล้วไง” อัญชันแย้ง





“เจ๊าบ้านแกนะสิ คราวที่แล้วแกหนีไปแดกูจำไม่ได้หรือไง” เอื้อเฟื้อโต้





“ฉันจะไปไหนมันสำคัญด้วยหรอ แค่ไม่อยู่บ้านขวางพวกแกก็พอแล้วนี่.......หรือว่าที่จริงแล้วแกวางแผนจะให้ฉันไปกับคุณจินโฮตั้งแต่แรกใช่ไหม” ร่างเล็กจับไต๋เพื่อนได้จึงโวยวายใหญ่





“เอ่อๆ เจ๊าก็เจ๊า เอานี่พาสปอร์ตของแก แล้วก็นี่ตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยสองใบตามที่ขอ แกรู้ไหมว่ามันหายากแค่ไหน แกคิดว่าเป็นรถทัวร์หรือไงจะไปก็ไปนะห่ะ? ฉันต้องใช้กำลังภายในเยอะนะเนี่ยกว่าจะได้มา รีบๆเข้า เครื่องจะออกในอีกชั่วโมงนี้แล้ว” เอื้อเฟื้อรีบเปลี่ยนเรื่องและเร่งเพื่อนทันที





“รู้แล้วๆ งั้นฉันติดหนี้แกก็ได้ครั้งนี้ คราวหน้าฉันจะจ่ายให้อย่างงามเลย ขอบใจนะเพื่อน” อัญชันกล่าวพร้อมตบไปที่ไหล่เพื่อน ก่อนที่แชวอนจะเดินเข้ามาหาทั้งสอง





“คุณแชวอนนี่เพื่อนฉันค่ะ ชื่อเอื้อเฟื้อ” ร่างเล็กแนะนำ





“แทยัง!” เอื้อเฟื้อรีบแย้งทันที





“เออๆ แทยังก็แทยัง แกรีบไปเปลี่ยนเสื้อเถอะ” ร่างเล็กเร่งเพื่อน เขาจึงถอดชุดพนักงานส่งพิซซ่าออกให้ดาราสาวใส่เพื่ออำพรางตัวออกมาจากคอนโด โดยมีอัญชันและเอื้อเฟื้อนำมาก่อน ก่อนที่ทั้งสามจะตรงไปยังสนามบินอินชอน





“แกแน่ใจนะจะไปแบบนี้นะ?” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นขณะยืนส่งเพื่อนหน้าทางเข้าผู้โดยสาร





“อืมไม่ต้องห่วงหรอก ว่าแต่แกอย่าบอกแม่ล่ะ” อัญชันตอบ





“นี่แกกลับเมืองไทยทั้งทีแกจะไม่ไปหาแม่แกเลยหรอ” เอื้อเฟื้อท้วง





“ก็ว่าจะแวะไป แต่คงสักพักนะ ฉันคิดว่าตอนนี้คุณแชวอนคงยังไม่พร้อมพบใคร และฉันก็ไม่อยากให้แม่เขารู้เรื่องยุ่งยากนี่ด้วย” อัญชันอธิบาย





“เออๆ เข้าใจแล้ว ยัยผู้ช่วยแสนวิเศษ แกห่วงอยู่แต่เรื่องเดียวนี่ละนะ ถ้าแกห่วงเรื่องเวลาเรียนของแกแบบนี้บ้างก็ดีนะ เพราะแกแทบไม่ได้ไปเลย” เอื้อเฟื้อประชดประชัน อัญชันยิ้มรับพร้อมกับถอนหายใจอย่างยอมรับ





“ก็อย่างที่แกพูดนั่นละ ตอนนี้ฉัน......ห่วงอยู่แต่เรื่องเดียว เรื่องของเขา” อัญชันตอบอย่างหน้าชื่นพร้อมหันไปทางดาราสาวที่ยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้า เอื้อเฟื้อเห็นแล้วก็ถึงกับถอนหายใจ





“เฮ้อ....ฉันจะทำยังไงกับแกดีเนี่ย?” เอื้อเฟื้อกล่าวอย่างระอา





“ก็ช่วยฉันไง ฉันมีเรื่องที่ต้องให้แกช่วยอีก ยังไงก็ฝากด้วยนะ ถึงเมืองไทยแล้วฉันจะติดต่อมา” ร่างเล็กตอบ





“บอกไว้ก่อนนะ ว่าค่าแรงฉันนะแพงนะ” เอื้อเฟื้อขู่





“เออ ฉันยอมจ่ายแกหมดตัวเลย” หากแต่อัญชันกลับรับคำโดยดี ทำให้เขาเซ็งเล็กน้อยแต่ก็เข้าใจเธออย่างที่สุด





“ยัยบ้าเอ้ย ไปได้แล้ว!” เอื้อเฟื้อบอกอย่างระอา ร่างเล็กพยักหน้ารับพร้อมเดินตรงไปยังประตู





“เฮ้! โชคดีล่ะ” แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าประตูไปเขาก็ตะโกนอวยพรตามหลัง ร่างเล็กหันมาส่งยิ้มและโบกมือลา ก่อนจะเดินหายเข้าไปในประตูผู้โดยสารพร้อมดาราสาว





“เพื่อนคุณเป็นคนดีจังเลยนะค่ะ” แชวอนเอ่ยถามขณะที่นั่งคอยอยู่ในอาคารผู้โดยสาร





“คะ? ดีอะไรกันละคะ หมอนั่นไม่ทำอะไรให้ฟรีๆหรอก นี่ฉันต้องจ่ายให้มันเยอะแน่ๆ หมอนั่นยิ่งเป็นคนเขี้ยวซะด้วยซิ” อัญชันตอบ





“เอ๊ะ จ่าย? คุณต้องจ่ายเท่าไหร่ค่ะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของฉันให้ฉันเป็นคนจ่ายเถอะค่ะ” แชวอนรีบลนลานบอก





“ฮึๆๆ ไม่ใช่จ่ายแบบนั้นหรอกค่ะ ฉันกับหมอนั่นนะ ไม่จ่ายกันด้วยเงินหรอกค่ะ แต่เป็นการช่วยเหลือกันนะค่ะ เพราะต่อให้จ่ายด้วยเงินหมอนั่นก็ไม่รับหรอกค่ะ เพราะเขาว่าเงินน่ะมีมูลค่าที่ตายตัว แต่ความช่วยเหลือนะมันไม่สามารถตีค่าได้ เพราะงั้นเห็นทีคราวหน้าฉันคงต้องจ่ายหมอนั่นบ้างแล้ว คงต้องจ่ายอย่างงามเลยทีเดียว” อัญชันอธิบายและพึมพรำถึงค่าปรับของตน ทำให้แชวอนรับรู้ได้ถึงมิตรภาพที่เพื่อนทั้งสองมีต่อกัน





“พวกคุณนี่ สนิทกันดีจังนะค่ะ” แชวอนกล่าว อัญชันได้ยินก็หัวเราะเล็กน้อย





“ค่ะ เขาเป็น....เพื่อนรัก เป็นพี่น้อง และครอบครัว” อัญชันตอบพร้อมสบตาดาราสาวอย่างอ่อนโยน



“ดีจังเลยนะค่ะ ที่มีคนที่ดีกับคุณแบบนี้” ร่างบางเอ่ยเหมือนดั่งน้อยใจเพราะตอนนี้เธอเริ่มคิดถึงเรื่องอื้อฉาวนั้นอีกแล้ว แต่ร่างเล็กก็จับอาการของเธอได้ จึงลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นและกุมมือของร่างบางไว้พร้อมสบตาอย่างอ่อนโยน


“ไม่ต้องห่วงนะค่ะ ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น ฉันสัญญา” อัญชันกล่าวด้วยดวงตามุ่งมั่น



_____________________________________________________



ถึง เท็ดดีแบร์
นี่คงจะเป็นอีเมล์ฉบับสุดท้ายของฉัน หลังจากครั้งที่แล้วที่การสนทนาของเราจบโดยกะทันหัน และฉันไม่สามารถติดต่อคุณได้ มันทำให้ฉันคิดอะไรบางอย่างได้ บางอย่างที่สำคัญ บางอย่างที่อยู่ในใจฉันมาตลอด ฉันชอบคุณ ฉันชอบคุณมาก นั่นเป็นสิ่งที่ฉันคิดเสมอ แต่ทั้งฉันและคุณต่างก็รู้ดีว่าเราคงไม่มีวันเจอกันได้ ไม่มีวันได้บรรจบกัน ความกลัวนั้นฉุดรั้งเราไว้ทั้งคู่ เราจึงทำได้เพียงแค่ส่งผ่านความรู้สึกกันเพียงตัวอักษร แต่นั่นมันไม่เพียงพอ ความสัมพันธ์ไม่อาจยั่งยืนหรือเจริญงอกงามได้ด้วยการปิดบังและหลบเลี่ยง และเพราะมีใครคนหนึ่งที่ก้าวเข้ามาหาฉัน เขาอยู่ข้างฉันในยามที่ฉันเรียกหาใครสักคน และอยู่ข้างฉันในตอนที่ฉันมีความสุข เขาคอยปลอบฉันเมื่อยามที่ฉันมีความเศร้า เขาจะอยู่เสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ และมันคงจะไม่ยุติธรรมหากฉันจะเก็บซ่อนความรู้สึกต่อไป เมื่อเขาก้าวเข้ามาหาฉันฉันเองก็อยากจะก้าวเข้าไปหาเขาเช่นกัน ฉันจึงได้เขียนอีเมล์ฉบับนี้ขึ้น เพื่อเราทั้งคู่จะได้เข้าใจตรงกัน

ปล. แม้เราจะไม่ได้ติดต่อกันเป็นการส่วนตัวแล้ว ฉันก็หวังว่าจะได้เห็นข้อความของคุณบ้างในเวบแฟนคลับ เพราะคุณคือแฟนคลับคนสำคัญของฉันเสมอ
จากเพื่อนของคุณ

ปงกู