ตอนที่ 11 ดินแดนแห่งรัก 1 (The land of Love 1)
ทันทีที่ถึงสนามบินสุวรรณภูมิดาราสาวมุนแชวอนก็ร้องขอให้ไปภูเก็ตทันทีโดยไม่ต้องพักเหนื่อย
“จะดีหรือค่ะ คุณเดินทางมาไกล น่าจะพักสักคืนนะค่ะ” อัญชันเสนอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยากจะเห็นทะเลเร็วๆ” แชวอนตอบเสียงเศร้า อัญชันจึงต้องทำตามอย่างจำยอม ร่างเล็กเดินไปยังเคาเตอร์จำหน่ายตั๋วเครื่องบิน หลังเลือกเที่ยวบินและที่นั่งเรียบร้อยดาราสาวจึงยื่นบัตรเครดิตของตนให้อัญชัน หากแต่ร่างเล็กปฏิเสธ ก่อนจะเปิดกระเป๋าสตางค์ของตนและหยิบบัตรแข็งที่ซ่อนอยู่หลังบัตรประชาชนออกมา บัตรเครดิตใบเขียวคุ้นตาที่ดาราสาวเองก็ใช้เช่นกันถูกยื่นไปให้พนักงาน
“คงถึงเวลาแล้วละนะ” อัญชันเอ่ยกับตนเอง บัตรเครดิตใบนี้เป็นบัตรที่แม่ของอัญชันทำให้ก่อนที่เธอจะบินไปเกาหลี โดยหวังให้ลูกสาวสุดที่รักอยู่ต่างประเทศอย่างสุขสบาย หากแต่อัญชันกลับไม่คิดจะใช้มันเลยสักครั้ง ด้วยไม่อยากรบกวนผู้เป็นแม่ ร่างเล็กคิดว่าเมื่อถึงคราวจำเป็นถึงจะใช้มันและดูเหมือนว่าเวลานี้คงจะจำเป็นแล้ว ไม่กี่ชั่วโมงสองสาวก็ถึงสนามบินภูเก็ต ทันทีที่ถึงอัญชันก็ไปจัดการเช่ารถพร้อมกดเงินสดมาติดตัวไว้
“คุณแชวอนค่ะไปกันเถอะค่ะ” ร่างเล็กเดินนำดาราสาวไปยังรถ CRV คันงาม ก่อนจะเปิดประตูให้ร่างบางแล้วจึงขับรถมุ่งไปยังชายหาดดั่งที่ดาราสาวตั้งใจ แชวอนมองคนข้างๆที่กำลังขับรถอยู่ เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับเธอ เพราะที่เกาหลีอัญชันไม่เคยจับพวงมาลัยเลย หากแต่เมื่อมาถึงเมืองไทยร่างเล็กกลับเปิดประตูรถให้และขับพาไปยังสถานที่ที่เธออยากไป
“ขอบคุณนะค่ะ คุณอัญชัน” ร่างบางเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยสร้างความแปลกใจให้คนขับรถที่กำลังมองทางอยู่อย่างตั้งใจ ก่อนที่ร่างเล็กจะยิ้มรับ
“ฉันบอกแล้วไงค่ะ ว่าถ้ามาเมืองไทยฉันจะขับพาคุณไปทุกที่เลย” อัญชันตอบพร้อมรอยยิ้ม ความอบอุ่นของคนข้างๆและทิวทัศน์ยามเย็นทำให้ร่างบางผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าอัญชันก็ขับรถมาจอดยังชายหาดแห่งหนึ่ง ดูเหมือนว่าผู้โดยสารกิตติมศักดิ์จะยังรื่นรมย์อยู่ในความฝัน ร่างเล็กจึงไม่อยากจะปลุกเลยสตาร์ทรถทิ้งไว้ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกจากรถไปเงียบๆ
“นี่ฉันเอง ถึงภูเก็ตแล้วละ” ร่างเล็กบอกผ่านมือถือ
“หา? นี่แกไม่หยุดพักกันเลยหรอ ทึกจริงๆนะ” เอื้อเฟื้อตอบ
“เรื่องนั้นช่างเถอะ แกจำเรื่องที่ฉันบอกได้ไหม เรื่องที่อยากให้แกช่วยนะ” อัญชันรีบเข้าเรื่อง
“เออ ว่ามา” เอื้อเฟื้อตอบรับ
“ฉันอยากให้แกเป็นเท็ดดี้แบร์.....ปลุกระดมพวกแฟนคลับให้ออกมาปกป้องแชวอน แบ่งการโจมตีเป็นสองทาง หนึ่งทางอินเตอร์เน็ตและสองหนังสือพิมพ์” อัญชันกล่าวอย่างเคร่งเครียด
“เดี๋ยวนะ ไอ้อินเตอร์เน็ตนี่เข้าใจ แต่หนังสือพิมพ์เนี่ย แกคิดว่าฉันเป็นลูกนายกหรอ ที่จะไปบอกให้เขาลงแล้วเขาจะลงให้นะ ถึงเป็นลูกนายกก็ต้องจ่ายตังค์นะ!” เอื้อเฟื้อแย้ง
“ฉันกำลังจะบอกอยู่นี่ไง ไปขอความช่วยเหลือจากคุณจินโฮ ให้เขาสืบหาคนปล่อยภาพนั้น ฉันเชื่อว่าคนปล่อยต้องเป็นคนของสำนักข่าวใดสำนักหนึ่ง จากนั้นไปขอดูวงจรปิดที่ร้านอาหารที่จัดงานปิดกล้องในวันนั้น ฉันจำได้ว่าเห็นกล้องตรงทางเดินหน้าห้องน้ำ เอาคลิปนั้นไปขู่คนปล่อยบอกว่าเราจะฟ้อง ถ้าไม่ให้เงินและแก้ข่าวให้เรา คราวนี้แกก็มีทั้งเงินและทั้งสื่อ คงไม่ต้องให้ฉันบอกต่อนะว่าต้องทำยังไง” อัญชันอธิบาย
“แกมัน.....อัจฉริยะ” เอื้อเฟื้อทึ่งในตัวเพื่อนสาว
“เพิ่งรู้หรอ อ่ะฉันต้องวางแล้ว แค่นี้นะ...........ตื่นแล้วหรือค่ะ” ร่างเล็กรีบตัดสายเมื่อเห็นร่างบางรู้สึกตัว
“อ้านี่ ค่ำแล้วหรือค่ะ” ร่างบางมองไปรอบๆก่อนจะเห็นคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง เธอจึงลงจากรถเดินไปสัมผัสน้ำทะเล ดาราสาวถอดรองเท้าของตนและเดินย่ำน้ำทะเลอย่างสนุกสนาน อัญชันมองภาพนั้นอย่างมีความสุข
“คุณอัญชัน มาเล่นน้ำด้วยกันซิค่ะ” ดาราสาวตะโกนเรียก ร่างเล็กจึงเดินไปตามคำเชิญ เมื่ออัญชันเดินมาใกล้ร่างบางก็กวักน้ำสาดใส่ร่างเล็กทันที อัญชันได้แต่วิ่งหลบคนพาล
“อย่าค่ะคุณแชวอน เดี๋ยวเปียกนะค่ะ” ร่างเล็กร้องห้ามแต่ดูเหมือนยิ่งเป็นการกระตุ้นคนขี้แกล้ง ร่างบางวิ่งไล่สาดน้ำไม่ยอมหยุดจนสะดุดขาตัวเองล้ม
“อ่ะคุณแชวอน!” อัญชันรีบเข้าไปช่วยจึงเสียหลักล้มไปด้วยอีกคน
“ว้าย!!” ร่างบางล้มทับอัญชันที่ตอนนี้นอนแผ่จมน้ำไปครึ่งตัว ใบหน้าของทั้งคู่ใกล้กันจนต่างก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนของอีกฝ่าย หัวใจเต้นเร็วไม่เป็นส่ำต่างมองสบตากันเนินนาน
“คุณแชวอนไม่เป็นอะไรนะค่ะ?” ร่างเล็กถามทำลายบรรยากาศขึ้น ร่างบางจึงรีบลุกขึ้นจากตัวเธอ
“ไม่เป็นไรค่ะ” แชวอนตอบพลางลูบทรายที่เปื้อนตัว อัญชันลุกตามขึ้นมาในสภาพที่เปียกปอน
“ตายจริงคุณเปียกหมดเลย” ร่างบางเพิ่งสังเกตเห็น
“แฮะๆ ไม่เป็นไรค่ะ คุณแชวอนไม่เปียกก็ดีแล้วค่ะ” ร่างเล็กตอบพลางเกาศีรษะหัวเราะแฮะๆ ทำให้ร่างบางหลุดขำกับท่าทางนั้น อัญชันมองภาพดาราสาวที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ก่อนจะยื่นมือไปให้ร่างบาง
“ไปกันเถอะค่ะ รีสอร์ทที่ฉันจองไว้อยู่ไม่ไกลจากนี่” ร่างเล็กบอกด้วยเสียงอ่อนโยน
“ค่ะ” ร่างบางตอบ เธอจับมือคนตัวเล็กและก้าวตามอย่างวางใจ
วันต่อมาอัญชันพาดาราสาวออกไปซื้อข้าวของเครื่องใช้เนื่องจากทั้งสองมาเมืองไทยโดยไม่มีสัมภาระสักชิ้น
“ว้าว!คนเยอะจังเลยนะค่ะ มีร้านขายของเต็มเลย” แชวอนตื่นตากับภาพเมืองท่องเที่ยวระดับโลก
“โอ้ตรงนั้นขายหมาวก!” ร่างบางเดินเข้าไปในร้านดังกล่าวทันที
“เป็นยังไงบ้างค่ะ” เธอหยิบหมวกสานใบเล็กขึ้นมาสวมและหันไปถามความเห็นของอัญชัน
“น่ารักมากค่ะ” ร่างเล็กตอบ ทำให้ดาราสาวถึงกับหน้าแดง ก่อนจะหยิบหมวกแบบเดียวกันสวมให้อีกคน
“เท่าไหร่ค่ะ” ร่างบางหันไปถามแม่ค้าและควักเงินในกระเป๋าตัวเอง แต่ก็พบว่าตนไม่มีเงินสกุลบาทเลย
“นี่ค่ะ” ร่างเล็กยื่นเงินให้แม่ค้า ก่อนจะหันมาหาร่างบาง
“ขอบคุณนะค่ะสำหรับหมวก มันน่ารักมากเลย” อัญชันเอ่ย
“ขอบคุณอะไรละค่ะ คุณเป็นคนจ่ายนะ” ร่างบางตอบหน้ามุ่ย
“ขอบคุณที่เลือกให้ไงค่ะ....แล้วก็นี่ค่ะ เอาไว้ใช้นะค่ะ” ร่างเล็กยื่นธนบัตรให้ดาราสาวปึกหนึ่ง ร่างบางถึงกับเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“น้อยไปหรือค่ะ?” ร่างเล็กถามด้วยความสงสัยและจะควักให้เพิ่ม หากแต่ร่างบางห้ามไว้
“ไม่ใช่ค่ะ แต่นี่มัน แบงค์นี้เป็นแบงค์ที่มีค่ามากที่สุดเลยไม่ใช่หรือค่ะ มันเป็นแบงค์พันใช่ไหม แล้วนี่มัน 1 2 3......10ใบ หนึ่งหมื่นมันมากไปค่ะ ทั้งตั๋วเครื่องบิน ทั้งรถนั่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าใช้จ่ายต่างๆคุณก็เป็นคนออกหมดเลย” ร่างบางกล่าวอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมีความสุขที่ได้เป็นฝ่ายให้คุณมั่ง” ร่างเล็กตอบ ทำให้ดาราสาวฉงน
“ให้? ฉันจำไม่ได้เลยว่าเคยให้อะไรคุณ” ร่างบางถาม
“ถึงคุณจะไม่รู้ แต่ฉันก็ได้รับมันมาแล้ว เพราะงั้นให้ฉันเป็นฝ่ายให้คุณบ้างเถอะค่ะ” ร่างเล็กตอบให้คนฟังยิ่งสงสัย
“แต่แบบนี้วงเงินในบัตรมันจะเต็มเอาได้นะค่ะ” ร่างบางกล่าวอย่างเป็นห่วง
“อ้อ เรื่องนั้น ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ บัตรนี้ไม่จำกัดวงเงิน” ร่างเล็กตอบอย่างไม่ยี่หระ สร้างความฉงนให้ดาราสาวยิ่งนัก แม้จะไม่เคยเห็นร่างเล็กมีปัญหาทางการเงินแต่ก็ไม่เคยเห็นเธออวดร่ำอวดรวย แต่นี่ถึงขนาดมีบัตรเครดิตที่ไม่จำกัดวงเงินทำให้ร่างบางคาดไม่ถึงจริงๆ พื้นเพของอีกคนเป็นอย่างไรกันแน่นะ
จากนั้นทั้งสองก็เดินเลือกซื้อของอย่างเพลิดเพลิน อัญขันเห็นสร้อยเส้นหนึ่งจึงเดินเข้าไปดูอย่างสนใจ
“คุณแชวอนค่ะสร้อยเส้นนี้น่ารักไหมค่ะ” ร่างเล็กหันมาถามดาราสาวแต่กลับไร้วี่แววของอีกคน อัญชันกวาดสายตามองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบร่างบาง จึงเดินกลับไปยังทางเก่าที่เดินผ่านมา ขณะเดียวกันแชวอนที่หยุดดูเครื่องประดับแฮนด์เมดโดยไม่ได้เรียกอัญชันไว้เพิ่งจะรู้สึกตัวว่าตนนั้นอยู่เพียงลำพัง เธอหันมองหาร่างเล็กแต่ก็ไม่พบ เธอจึงเดินหาอัญชันไปเรื่อยๆ แต่ไม่ว่าจะเดินไปร้านไหนๆก็ไม่พบคนตัวเล็ก อาการขวัญเสียบวกความเหนื่อยล้าทำให้ดาราสาวแทบเดินไม่ไหว อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเมื่อคิดว่าจะไม่ได้พบกับอัญชันอีก ร่างบางมองดูผู้คนมากมายที่รายล้อมและหลั่งน้ำตาอย่างสิ้นหวัง
“คุณแชวอน!” เสียงคุ้นหูดังมาจากด้านหลัง ร่างบางจึงหันไปตามเสียงเรียกนั้น ร่างเล็กของอัญชันปรากฏขึ้น ทั้งสองต่างวิ่งเข้าหากัน ร่างเล็กโผเข้ากอดดาราสาวไว้อย่างหวงแหน
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันขอโทษ” อัญชันกล่าวอย่างรู้สึกผิดในขณะที่ร่างบางยังคงสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมกอด
“อย่า....อย่าปล่อยมือจากฉันอีกนะ อย่าหายไปอีกนะ” ร่างบางกล่าวพลางสะอื้นไห้เหมือนเด็กๆ
“ค่ะฉันจะไม่ปล่อยมือจากคุณอีก” ร่างเล็กรับคำพร้อมกอดร่างบางไว้อย่างสุดรัก
หลังซื้อข้าวของจนพอใจอัญชันจึงพาดาราสาวมาทานอาหารที่ร้านริมทะเลบรรยากาศดีร้านหนึ่ง
“ฉันขอโทษนะค่ะที่ทำตัวเป็นเด็กๆ แค่หลงทางแค่นี้ก็ร้องไห้โวยวาย” แชวอนกล่าวอย่างเขินอาย
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ เป็นฉันเองหลงทางในต่างประเทศแถมพูดภาษาท้องถิ่นไม่ได้แบบนี้ก็ร้องไห้เหมือนกันละค่ะ” ร่างเล็กกล่าวสมทบอีกฝ่าย
“เอ๊ะ แต่ที่แดกูตอนที่คุณถูกฮโยจูแกล้งคุณก็ไม่เห็นร้องไห้นี่ค่ะ” ร่างบางท้วง
“อ้า....ใครบอกละค่ะ ตอนนั้นนะฉันอยากจะร้องไห้จะตาย แต่เป็นเพราะมือของฉันมันต้องหิ้วเจ้าส้มแสนแพงนั่น ก็เลยไม่มีมือมาเช็ดน้ำตา ฉันก็เลยไม่ร้องดีกว่านะค่ะ” อัญชันแถไปเรื่อย
“ส้มแสนแพงหรอค่ะ แค่ลูกไม่กี่ร้อยวอน แต่ดูที่คุณใช้เงินที่นี่ซิค่ะ มันไม่ยิ่งแสนแพงหรอค่ะ แล้วอะไรกัน มือไม่ว่างก็เลยไม่ร้องหรอค่ะ เหตุผลฟังไม่ขึ้นเลยนะค่ะ นี่คุณพูดล้อฉันหรือเปล่าค่ะเนี่ย” แชวอนกล่าวเอาเรื่อง
“ไม่...ไม่ใช่อย่างนั้นนะค่ะ คือฉัน.......” อัญชันลนลานอธิบายแต่ไม่ทันจะกล่าวจบดาราสาวก็หลุดขำออกมาให้ร่างเล็กรู้ตัวว่าถูกอำเสียแล้ว ดาราสาวหัวเราะชอบใจยกใหญ่ให้อีกคนได้แต่อมยิ้มเอียงอาย ดินเนอร์มื้อนี้จึงทำให้สองสาวอิ่มทั้งท้องและอิ่มไปทั้งใจ
หลังกลับมาถึงรีสอร์ทดาราสาวอาบน้ำแต่งตัวเตรียมเข้านอน หากแต่เหตุการณ์วันนี้ทำให้หัวใจของเธอยังเต็นแรงจนไม่สามรถข่มตาหลับได้ ร่างบางจึงออกมาริมทะเลเพื่อรับลมเย็นให้หัวใจของเธอมันสงบลงบ้าง ร่างบางเหม่อมองท้องทะเลที่มืดสนิทสุดลูกหูลูกตาก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้า เธอยิ้มออกมาเมื่อเห็นดาวพรางพราวเต็มฟ้า แต่เสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจเธอให้หันไปมอง
“อ้าวคุณแชวอน ยังไม่นอนหรือค่ะ?” ร่างเล็กที่เพิ่งเดินมาถึงเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ยังค่ะ ฉัน....นอนไม่หลับนะค่ะ” แชวอนตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เหมือนกันเลยค่ะ” อัญชันตอบพลางก้มมองพื้นทราย
“งั้น....ไปเดินเล่นกันไหมค่ะ?” ร่างบางถามพร้อมยื่นมือให้ร่างเล็ก อัญชันยิ้มรับก่อนจะจับมือนั้นและก้าวเดินไปพร้อมกัน
“อากาศดีจังเลยนะค่ะ” ร่างเล็กเอ่ยขึ้น
“นั่นสิค่ะ แถมยังมีดาวเต็มฟ้าเลย แต่น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีดวงจันทร์” ร่างบางกล่าว
“มีสิค่ะ อยู่ตรงนี้ไง” อัญชันตอบพลางสบตาร่างบาง ดาราสาวถึงกับเอียงอายก่อนจะคล้องแขนของร่างเล็กพร้อมเบียดร่างให้แนบชิด อัญชันประหม่าเล็กน้อยก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างบางแล้วทำหน้าร้องตะโกนด้วยความดีใจโดยไม่ให้อีกฝ่ายรู้ ทั้งสองเดินไปจนเกือบสุดหาดและเดินกลับมายังรีสอร์ทของตน
“เอ่อ....ราตรีสวัสดิ์นะค่ะ” อัญชันกล่าวขณะยืนเก้ๆกังๆอยู่หน้าห้องดาราสาวที่กำลังจะเข้าห้องตัวเอง
“ค่ะ ราตรีสวัสดิ์เช่นกันค่ะ” ร่างบางตอบพลางปิดประตู
“เอ่อ!” อัญชันร้องขึ้น ร่างบางจึงหยุดมือและเปิดประตูออกอีกครั้ง
“ค่ะ?” ร่างบางถามอย่างสนใจ
“คือ.....เอ่อ......ฉัน.....ฉัน......” อัญชันพูดติดอ่างในขณะที่ร่างบางลุ้นให้อีกคนพูดอย่างลุ้นระทึก
“ฉันจะพาคุณไปเกาะนะค่ะ ไม่รู้คุณจะชอบไหม?” อัญชันตัดสินใจพูดออกมาจนได้ แต่คำพูดนั้นทำให้ร่างบางถึงกับหน้าเหี่ยว
“อ้อ ค่ะ ฉันชอบเที่ยวเกาะค่ะ” ร่างบางตอบอย่างหมดอารมณ์
“ค่ะ งั้นก็เจอกันพรุ่งนี้นะค่ะ” ร่างเล็กพูดจบก็เดินไปทันที เมื่อประตูห้องดาราสาวปิดลง ร่างเล็กก็ได้แต่เขกศีรษะตัวเอง
“โธ่เอ้ย เที่ยวเกาะเนี่ยนะ ไอ้บ้าชันเอ้ย พูดบ้าอะไรเนี่ย” ร่างเล็กกรนด่าความขลาดของตัวเองยกใหญ่ ทั้งที่บรรยากาศก็เป็นใจแต่ทำไมใจไม่กล้าพอ
“เฮ้อออ ชันเอ้ยชัน ชาตินี้จะมีหวังไหมเนี่ย” ร่างเล็กถอนหายใจยืดยาว ก่อนที่เสียงมือถือจะดังขึ้น
“ผมได้คลิปมาแล้วครับ” ปลายสายพูด
“ขอบคุณมากนะค่ะคุณจินโฮ ถ้าไม่ได้คุณเราคงทำไม่ได้” ร่างเล็กตอบ
“พูดอะไรอย่างนั้นครับ ถึงไม่มีผม ผมว่าคุณคนเดียวก็ทำได้” จินโฮกล่าวถ่อมตน
“ไม่หรอกค่ะ ถ้าไม่ใช่คุณ ฉันคงจะต่อรองกับคนปล่อยภาพไม่ได้ เพราะยังไงก็ต้องใช้ตำแหน่งและบริษัทคุณขู่พวกนั้น” ร่างเล็กกล่าว
“งั้นทำไมไม่ให้ผมฟ้องร้องพวกมันไปเลยละครับ เรามีหลักฐานอยู่ในมือแบบนี้ต้องชนะแน่นอน” จินโฮเสนอ
“แต่มันไม่เร็วพอ และคงไม่ง่าย เพราะคุณอาจโดนแทรกแซงจากหลายฝ่าย ถ้าเป็นอย่างนั้น เราอาจต้องถอนฟ้องและผลมันจะแย่กว่าเดิม” อัญชัน อธิบายจนจินโฮเห็นภาพ
“นั่นซินะครับ จริงอย่างที่คุณว่า ผมนี่ไร้ประโยชน์จริงๆ” จินโฮตัดพ้อตนเอง
“ไม่จริงเลยค่ะ สำหรับฉันแล้ว คุณเป็นเหมือนขุมพลังของฉันเลย ฉันรู้สึกว่าทุกอย่างมันง่ายขึ้นเมื่อมีคุณคอยช่วยเหลือ ขอบคุณนะค่ะที่ช่วยเหลือฉันตลอดมา” ร่างเล็กกล่าวอย่างซาบซึ้ง
“ถึงคุณจะพูดแบบนั้น แต่ผมกลับไม่รู้สึกว่าได้ทำอะไรให้คุณเลย แต่ก็...ผมจะรับคำขอบคุณของคุณครับ” จินโฮตอบรับอย่างจำยอมก่อนจะวางสายไป
หลายวันหลังจากนั้นอัญชันพาดาราสาวไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆทั่วภาคใต้ และเริ่มกลับขึ้นภาคกลาง ทำให้ร่างเล็กอยากพาดาราสาวไปยังที่แห่งหนึ่ง
“คุณแชวอนค่ะ ฉันมีที่หนึ่งที่อยากพาคุณไป” อัญชันเอ่ยขึ้นขณะขับรถ
“เอ๊ะ ที่ไหนหรือค่ะ?” ร่างบางถามอย่างสนใจ
“บ้านฉันค่ะ” อัญชันเฉลยให้อีกคนอึ้งไปชั่วขณะก่อนจะยิ้มออกมา
รถ CRV คันงามแล่นเข้าซอยคดเคี้ยว ก่อนจะวิ่งเข้าไปยังทางลูกลังที่ขนาบข้างด้วยเทือกสวนไร่นา ลึกเข้าไปในนั้นบ้านทรงไทยหลังงามตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สองสาวก้าวลงจากรถและเหลือบมองไปรอบๆบริเวณ
“ชัน! ชันลูกแม่!” เสียงหญิงวัยกลางคนดังขึ้นพร้อมวิ่งเข้ามาหาร่างเล็ก เธอกอดอัญชันไว้อย่างสุดรักและหอมแก้มใสนั้นอย่างอาทร
“ทำไมมาไม่บอก แม่จะได้ไปรับ” วันเพ็ญมารดาของอัญชันเอ่ยถาม ก่อนจะเหลือบไปเห็นสาวสวยร่างบางที่ยืนมองเธอด้วยความแปลกใจ
“อ้าวแล้วแม่หนูนี่ใครกัน?” วันเพ็ญหันไปถามผู้เป็นลูก
“นี่คุณมุนแชวอน เธอเป็น.......” อัญชันนิ่งคิดอยู่นานไม่รู้จะบอกผู้เป็นแม่อย่างไร เพราะความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ยังคลุมเครือ รึจะบอกว่าเป็นดาราก็คงต้องเล่ากันอีกยาว
“เพื่อนนะแม่ เพื่อน” อัญชันตัดสินใจตอบโดยเลือกความสัมพันธ์ที่ไม่น่าสงสัยนัก
“อ้อ เพื่อนจากเกาหลีหรอ โอ้...อันยองฮาเซโย” วันเพ็ญทักทายเพื่อนลูกสาวด้วยภาษาเกาหลี ที่เธอรู้เพียงประโยคเดียว แชวอนจึงรีบก้มทักทายอย่างอ่อนน้อมทันที
“โอ้สวัสดีค่ะ คุณพูดเกาหลีได้ด้วยหรอค่ะ” ร่างบางตอบกลับเป็นภาษาเกาหลีอย่างลืมตัวเพราะคิดว่าอีกฝ่ายพูดได้
“ฮ่าๆๆ แม่ฉันพูดได้แค่ประโยคเดียวเท่านั้นละค่ะ อ้อ คุณแชวอนนี่แม่ของฉันค่ะ” ร่างเล็กบอกและแนะนำแม่ของตนให้ร่างบางรู้จัก แชวอนจึงยิ่งก้มทักทายอ่อนน้อมยกใหญ่
“แหมแม่หนูคนนี้น่ารักจังเลยนะชัน สาวเกาหลีน่ารักแบบนี้ทุกคนเลยหรอ?” วันเพ็ญถามขึ้น
“ไม่ทุกคนหรอกแม่ แต่คนนี้เขาน่ารักเป็นพิเศษ” อัญชันกระซิบกระซาบกับผู้เป็นแม่
“เอาๆ งั้นเชิญเขาเข้าบ้านเร็ว แม่หนูมาๆ เข้าบ้านเร็ว” วันเพ็ญโบกมือให้แชวอนเข้าบ้าน ร่างบางจึงทำตามอย่างว่าง่าย แม้จะสื่อสารกันคนละภาษาแต่วันเพ็ญและแชวอนก็เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด เธอสอนให้ร่างบางสวมผ้าถุงและชวนกินน้ำพริก ร่างบางเองก็ทำตามอย่างว่าง่ายทั้งที่ไม่เคยชิน
“คุณแชวอนไม่ต้องทำตามที่แม่บอกทุกอย่างก็ได้นะค่ะ” อัญชันท้วงขึ้นขณะที่ร่างบางกำลังกล้ำกลืนน้ำพริกลงคอ
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันว่ามันก็อร่อยดีนะค่ะ” แชวอนตอบหน้าเจื่อนหลังลิ้มรสน้ำพริก อัญชันถึงกับหลุดขำท่าทางนั้น
“อร่อยไหม แม่หนู?” วันเพ็ญถามแขก ร่างบางได้แต่พยักหน้าฝืนยิ้มโดยมีอัญชันนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ ความครึกครื้นกลับคืนสู่บ้านสวนอีกครั้งหลังจากที่อัญชันจากบ้านไปนาน