วันอังคารที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 14

ตอนที่ 14 รักจากจร (The Vanishing Love)

บนถนนที่คลาคล่ำไปด้วยรถราท้องฟ้าก็เริ่มมืดดำในขณะที่หิมะโปรยปรายลงมาอย่างหนัก บนรถเมล์คันหนึ่งที่จอดติดไฟแดงอยู่นั้น หญิงสาวร่างเล็กยังคงนั่งร้องไห้คร่ำครวญต่อการตัดสินใจที่แสนเจ็บปวด โดยการเดินจากคนที่เธอรักมาอย่างไม่สมัครใจ แล้วจะให้เธอทำอย่างไรในเมื่ออีกฝ่ายพูดเช่นนั้นหากเธอดึงดันที่จะอธิบายมีแต่จะทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเธอเป็นจอมโกหกและกลายเป็นว่าเธอไม่รักษาคำพูดที่เคยให้ไว้ เธอจึงต้องจำใจจากมาด้วยความเจ็บช้ำ ทันใดเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

แกอยู่ที่ไหนนะ? ปลายสายถามคนตัวเล็กที่ยังคงร่ำไห้

ชัน?......นี่แกร้องไห้หรอ?!” เอื้อเฟื้อถามด้วยความแปลกใจ ร่างเล็กจึงพยายามกลั้นน้ำตาและตอบกลับ

ฉันไม่เป็นไร กำลังกลับแล้วล่ะ ตอนนี้อยู่บนรถเมล์ แล้วเจอกัน อัญชันตอบก่อนวางสาย เอื้อเฟื้อได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งออกไปรอรับเพื่อนที่ป้ายรถเมล์ทันที เมื่อรถเมล์คันดังกล่าวมาจอดยังป้ายที่เป็นจุดหมายของอัญชัน ร่างเล็กก็ค่อยๆเดินลงมาอย่างคนไร้เรี่ยวแรง เธอพบว่าเพื่อนรักของเธอนั้นมายืนรอเธออยู่ก่อนแล้ว ร่างเล็กจึงวิ่งเข้าไปกอดเพื่อนรักและร่ำไห้ปานจะขาดใจ เอื้อเฟื้อเห็นเพื่อนตัวเองในสภาพแบบนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดและโกรธแค้นต่อผู้ที่ทำให้เพื่อนเขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นเธอร้องไห้คือตอนที่พ่อเธอเสีย นั่นคือครั้งแรกและครั้งเดียวจากนั้นเธอก็ไม่เคยร้องไห้อีกเลย เพราะเธอพยายามที่จะเป็นคนเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งของแม่ แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน ใครที่ทำให้เพื่อนของเขาต้องร้องไห้เสียใจขนาดนี้

เล่ามาซิมันเกิดอะไรขึ้น บอกฉันมา? เอื้อเฟื้อถามเสียงเครียดพร้อมเขย่าร่างของอัญชัน ร่างเล็กได้แต่ยืนร้องไห้อยู่อย่างนั้น

พี่คะ!” เสียงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ทั้งสองไม่คิดว่าจะได้เจอในเวลาแบบนี้ร้องทักขึ้น พวกเขาจึงหันไปหาเจ้าของเสียงดังกล่าว

คุณลี!” เอื้อเฟื้อกล่าวอย่างแปลกใจที่พบกับคนรักของตน ทั้งที่ปกติหากเธอจะมาหาเธอจะโทรมาบอกก่อนเพราะหาโอกาสหลบสายตาผู้เป็นพ่อนั้นยากหนักหนา แล้วนี่อยู่ดีๆทำไมเธอจึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย หญิงสาววิ่งเข้าไปกอดคนรักของเธอทันที

พี่ค่ะ ฉันจะทำยังไงดี? ฉัน....ฉันท้องค่ะ!” ลีฮอนคยองกล่าวพลางร้องไห้กระซิกกับอกคนรัก เอื้อเฟื้อถึงกับช็อคยืนตัวแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก เหมือนดั่งโลกทั้งใบพังทลายต่อหน้าเขา อนาคตที่เขาฝันไว้ การเรียน แล้วยังหน้าที่ที่เขาต้องรับต่อจากพ่อ แล้วจะทำอย่างไรดี อัญชันมองดูอาการช็อคของเพื่อนก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น จึงถามกับลีฮอนคยอง ด้วยเพราะเธอเคยศึกษาที่ต่างประเทศเลยพูดภาษาอังกฤษได้ดีพอๆกับภาษาแม่ของตนจึงไม่เป็นปัญหาในการสื่อสารกับอัญชัน เธอบอกกับอัญชันว่าท้อง ร่างเล็กเองก็ตกใจไม่ใช่น้อยทำเอาลืมความเศร้าไปเสียสนิท ก่อนจะยิ้มอย่างยินดีและเข้าไปกอดลีฮอนคยองไว้ ก่อนจะหันไปพูดกับเอื้อเฟื้อที่ยังช็อคไม่หาย อัญชันตบไปที่ไหล่ของเขาเป็นการเรียกสติ

เฮ้ย! นี่มันเป็นเรื่องน่ายินดีนะ อย่าทำหน้าแบบนี้ซิ ร่างเล็กพูดเตือนสติเพื่อน เขาจึงพยายามยิ้มออกมาอย่างยากลำบากเพื่อให้คนรักของเขาใจชื้น

คุณพ่อ....คุณพ่อจะให้ฉันเอาเด็กออกค่ะ!” เธอกล่าวและร้องฟูมฟาย ทั้งสองได้ยินก็ถึงกับทำหน้าเครียด ทันใดนั้นรถคันหนึ่งก็เบรกอย่างกะทันหันไม่ห่างจากที่ทั้งสามยืนอยู่ มีชายชุดดำกลุ่มหนึ่งลงมาจากรถและตรงเข้าหาทั้งสามทันที

วิ่ง!” ลีฮอนคยองร้องขึ้น จึงทำให้อัญชันและเอื้อเฟื้อรู้ว่าชายกลุ่มดังกล่าวคือคนของพ่อเธอ

ชันแกพาคุณลีหนีไปก่อน ไปเร็ว!” เอื้อเฟื้อบอกก่อนจะเข้าไปขวางชายกลุ่มนั้น อัญชันจึงจับมือเธอวิ่งหนีไปพร้อมกัน

พี่ค่ะ!” ลีฮอนคยองเหลียวหลังมาดูคนรักถูกซ้อม จึงร้องเรียกด้วยความเป็นห่วง

ไป รีบไป!” เอื้อเฟื้อตะโกนบอกก่อนที่ปากเขาจะกระแทกกับหมัดเข้าเต็มแรง พวกมันทั้งเตะทั้งต่อยเขาไม่ยั้ง

อัญชันพาลีฮอนคยองขึ้นรถแท็กซี่หนีออกมาห่างจากจุดเกิดเหตุพอสมควรแล้ว แต่หญิงสาวยังคงร้องไห้ต่อภาพที่เห็น เธอเป็นห่วงคนรักของตนว่าจะเป็นอันตราย

ไม่ต้องห่วงนะ หมอนั่นมันอึดกว่าที่เห็น มันไม่เป็นไรหรอก อัญชันกอดปลอบหญิงสาวที่ร้องไห้ฟูมฟาย ร่างเล็กไม่รู้ว่าต้องไปไหนจึงให้รถจอดยังแหล่งที่คนพลุ่กพล่าน สักพักโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น

แกปลอดภัยใช่ไหม? อัญชันรีบถามปลายสายทันทีที่รับ

อืม....แค่กๆ ฉันโอเค คุณลีเป็นไงบ้าง? เอื้อเฟื้อไอจากความจุกที่ถูกซ้อม โชคดีที่ตอนนั้นมีตำรวจผ่านมาพอดีเขาจึงฉวยโอกาสวิ่งหนีพวกมันมาได้และหนีมาซ่อนตัว

เธอไม่เป็นไร....แล้วจะเอายังไงต่อ อัญชันถามเสียงเครียด

.......พาเธอไปที่สนามบิน เดี๋ยวฉันตามไป เอื้อเฟื้อบอกอย่างอ่อนแรง

นี่แกจะกลับเมืองไทยหรอ แล้วเรื่องเรียนล่ะ? ร่างเล็กถามด้วยความเป็นห่วง

แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง? จะให้ทิ้งลูกทิ้งเมียของตัวเองหรอ? เอื้อเฟื้อสวนเสียงเข้ม อัญชันจึงเงียบไม่ต่อปากต่อคำอีก

รีบไปสนามบินซะ เดี๋ยวฉันกลับไปเก็บของก่อน แล้วจะเอาตั๋วไปให้ที่นั่นเลย ฝากดูแลคุณลีสักพักก็แล้วกัน เอื้อเฟื้อบอกก่อนวางสาย ร่างเล็กฟังการตัดสินใจของเพื่อนก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้องนัก เธอครุ่นคิดอยู่ครูหนึ่งพลางมองลีฮอนคยอง ก่อนจะต่อสายไปยังคนที่เธอคิดว่าเขาสามารถช่วยเหลือเธอได้ทุกเรื่องอย่างแน่นอน

ลุงพวงหรอค่ะ? หนูมีเรื่องให้ช่วยค่ะ ร่างเล็กบอกคนปลายสาย

เอื้อเฟื้อกำลังรื้อค้นเอกสารและสัมภาระยัดใส่กระเป๋าอย่างรีบร้อนก่อนจะโทรไปหาเพื่อนที่อยู่ในบริษัททัวร์เพื่อให้ช่วยหาตั๋วเครื่องบินไปเมืองไทยเที่ยวที่เร็วที่สุด จากนั้นเขาจึงออกจากบ้านหากแต่พอมาถึงหน้าบ้านก็พบเข้ากับชายชุดดำกลุ่มเดิมมาดักรออยู่ ด้วยเพราะมีบุคคลนิรนามโทรไปบอกว่าเอื้อเฟื้อพักอยู่ที่นี่

บอกมาเดี๋ยวนี้ไอ้หน้าจืด แกเอาคุณหนูไปซ่อนที่ไหน!” เจ้าอ้วนคนหนึ่งในกลุ่มถามพร้อมกระชากคอเสื้อเขา เอื้อเฟื้อพยายามมองหาลู่ทางหนีหากแต่พวกมันก็ล้อมเขาไว้ไม่เหลือช่องว่างให้หนีไปเลย เวลาเดินทางก็ใกล้เข้ามาทุกทีเขาจึงคิดที่จะสู้ตาย เขาโยนกระเป๋าในมือแล้วเข้าจู่โจมพวกมัน หากแต่กำลังและจำนวนคนต่างกันมากเขาจึงเป็นฝ่ายถูกพวกมันรุมซ้อม เอื้อเฟื้อล้มลงและกระอักเลือดจากการถูกเตะ เจ้าอ้วนคนเดิมกระชากศีรษะเขาขึ้นมา

บอกมาว่าคุณหนูอยู่ไหน? มันยังคงถามคำถามเดิม หากแต่เอื้อเฟื้อไม่ตอบ มันจึงเตะเข้าที่หน้าเขาเต็มแรง เอื้อเฟื้อหมดสติลงทันที ทันใดนั้นรถตำรวจก็เข้ามาจอดและลงมาจับเหล่านักเลงพวกนั้น

ไปกันเถอะ เครื่องจะออกแล้ว อัญชันบอกหญิงสาวที่ยังคงนั่งรอคอยคนรักของเธอ

แล้วพี่แทยังละค่ะ? ลีฮอนคยองถาม

......ฟังนะยองชิ พี่รู้ว่าเธอรักและเป็นห่วงเขามาก เขาเองก็รักและเป็นห่วงเธอมากเช่นกัน เพราะฉะนั้นนี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด......ไปกันเถอะ พี่จะดูแลเธอเอง อัญชันกล่าวด้วยน้ำสียงอ่อนโยน

ตะ..แต่พี่แทยัง เขาอาจจะ….” หญิงสาวยังคงเป็นกังวลถึงคนรักว่าอาจจะถูกลูกน้องของพ่อเล่นงาน

ไม่ต้องห่วง พี่ให้คนจัดการเรื่องนั้นแล้ว ตอนนี้แค่เชื่อใจพี่ก็พอ อัญชันกล่าวพร้อมกุมมือของหญิงสาวไว้ เธอจึงยอมตามไปอย่างว่าง่ายโดยที่ยังคงมองเหลียวหลังมาดูว่าคนรักของเธออาจตามมาทัน

ความเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างปลุกให้ชายหนุ่มที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้ลืมตาตื่นขึ้น เขามองเห็นเพดานที่ไม่คุ้นตาจึงพยายามมองไปรอบๆว่าตนอยู่ที่ใด หากแต่เพราะคอของเขาถูกใส่เฝือกอยู่จึงเคลื่อนไหวไม่ได้ดีนัก ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตาของชายสูงวัยที่กำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่ชายคนนั้นจะหันกลับมา

ตื่นแล้วหรอ? เป็นลุงพวงนั่นเองที่มาอยู่เฝ้าไข้เขาตั้งแต่ทราบข่าวจากอัญชัน เขาคือคนที่หาตั๋วเครื่องบินและทำเรื่องขอวีซ่าให้ลีฮอนคยอง รวมถึงโทรบอกพวกนักเลงให้มาหยุดเอื้อเฟื้อไว้ ก่อนจะบอกตำรวจให้มาช่วยเขาที่หลัง

พ่อมาได้ยังไง? เอื้อเฟื้อถามด้วยความแปลกใจ

หนูชันบอกทุกอย่างกับฉันหมดแล้ว ผู้เป็นพ่อตอบน้ำเสียงเรียบหากแต่แฝงความเยือกเย็นไว้ เอื้อเฟื้อได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ ด้วยรู้สึกระอายที่ตัวเองไม่สามารถช่วยใครได้เลยทั้งอัญชันและลีฮอนคยอง

ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหนหรือครับ? เขาถามเสียงอ่อน

บ้านสวน กลับไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว ผู้เป็นพ่อตอบ

ถ้าผมหายดีเมื่อไหร่จะรีบกลับไปทันทีเลยครับ เอื้อเฟื้อกล่าว

ไม่ต้อง! ถ้าแกหายเมื่อไหร่ก็รีบกลับไปเรียน ทำตามความฝันของแกซะ ฉันกับหนูชันจะดูแลทุกอย่างเอง ลุงพวงบอก เอื้อเฟื้อแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่ได้ยินผู้เป็นพ่อพูดเช่นนี้กับตน เพราะโดยปกติไม่ว่าสิ่งใดอัญชันต้องมาก่อน แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่ มันเหมือนกับว่าพ่อเริ่มเห็นเขาสำคัญขึ้นมาบ้างแล้ว

พักผ่อนซะ ลุงพวงจับไปที่ไหล่ของเขาก่อนจะเดินออกจากห้องไป ชายหนุ่มถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความปิติ เขาไม่เคยคิดว่าจะได้รับความรักและความอ่อนโยนจากผู้ชายคนนี้มาก่อน

ณ บริษัท สตาร์เคย์ เอ็นเตอร์เทนเม้น หลังจากต้องไปดูงานที่ต่างประเทศอยู่หลายวันจินโฮก็กลับมาทำงานที่บริษัท และได้รู้ว่าอัญชันไม่ได้ทำงานกับแชวอนอีกต่อไปแล้ว

เกิดอะไรขึ้นหรือครับ? จินโฮถามด้วยความแปลกใจกับคุณจางผู้จัดการของแชวอน

เดี๋ยนก็ไม่รู้อะไรมากหรอนะค่ะ ฮโยจูกับแชวอนไม่ยอมบอกเดี๋ยนเลย รู้แค่ว่าตอนนี้นะ ห้ามพูดถึงชื่ออัญชันหรืออึนชันเด็ดขาด!” คุณจางกล่าวเสียงเครียด

ฮโยจู?....ฮโยจูมาเกี่ยวอะไรด้วยครับ?” จินโฮถามน้ำเสียงฉงน หากแต่คุณจางก็ไม่สามรถตอบคำถามนี้ได้ว่าทำไม เขาจึงต้องไปหาคำตอบด้วยตัวเอง ร่างสูงมายังกองถ่ายละครพรีเรียตที่ดาราสาวฮันฮโยจูนำแสดง เขาตรงเข้าไปยังเต็นท์นักแสดงของเธอเมื่อเห็นเป้าหมายเขาก็เข้าไปกระชากแขนถามเธอทันที

นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เธอทำอะไรลงไป? เขาถามเสียงเกรี้ยวกราด ร่างโปร่งตกใจกับการกระทำของเขาแต่เมื่อตั้งตัวได้ก็สะบัดแขนเขาออก แล้วตบหน้าเขาไปตบแรง

ฉันหรอบ้า? คนที่บ้าคือพี่ต่างหาก แค่ผู้หญิงเลวๆคนหนึ่ง พี่ถึงกับทำร้ายแชวอน ฮโยจูกล่าว สร้างความฉงนให้ร่างสูงมากกว่าเดิม

ไหนบอกซิว่าพี่ทำอะไร? เขาเค้นเอาคำตอบ

นี่พี่ติดโรคหน้าด้านมาจากนางนั่นด้วยหรอ ร่างโปร่งประชดประชัน ก่อนจะเดินหนี หากแต่โดนร่างสูงรั้งแขนไว้

อย่ามาเล่นลิ้น บอกมาสิว่าเธอรู้อะไร จินโฮซัก ร่างโปร่งจึงสะบัดแขนเขาก่อนจะเดินไปหยิบ

สำนวนเอกสารสัญญาระหว่างนักข่าวคิมและจินโฮในกระเป๋าแล้วโยนใส่หน้าเขา

นี่ไงล่ะที่ฉันรู้ ฮโยจูจ้องร่างสูงอย่างโกรธแค้น เขาหยิบเอกสารดังกล่าวขึ้นมาดู

ทีนี้พี่จะแก้ตัวยังไง?” ร่างโปร่งถาม

พี่ไม่จำเป็นต้องแก้ตัว เพราะพี่ไม่ได้ทำอะไรผิด พี่รับเงินนั่นมาจริงอย่างที่เธอรู้ แต่เธอรู้ไหมว่าพี่เอาเงินนั่นไปทำอะไร? จินโฮถามกลับ

ก็เอาไปให้นังชั่วนั่นยังไงล่ะ นังจิ้งจอกที่มันแทงข้างหลังเพื่อนฉัน!” ร่างโปร่งระเบิดอารมณ์

ผิดแล้วล่ะ คุณอึนชันไม่ได้จับเงินนั่นด้วยซ้ำ ถ้าแค่เธอมองดูดีๆก็จะรู้ว่าวันทีทำสัญญานั้น คุณอึนชันไม่ได้อยู่เกาหลี จินโฮอธิบาย

แต่...แต่นังนั่นมันคือเท็ดดี้? ฮโยจูเริ่มสับสัน

ถูกต้อง คุณอึนชันคือเท็ดดี้ และเท็ดดี้ก็คือคนที่เอาเงินพวกนี้ไปกว่านซื้อพื้นที่ในหน้าหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเพื่อประณามการกระกำของผู้กำกับลี รวมถึงปล่อยคลิปจากกล้องวงจรปิดเพื่อทำให้ทุกคนรู้ความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นนั่นด้วย แล้วยังระดมเหล่าแฟนคลับให้ลุกขึ้นมาปกป้องแชวอน นี่ละคือสิ่งที่เท็ดดี้ทำ จินโฮเล่า ฮโยจูรู้สึกอึ้งกับความจริงที่เขาบอก เธอพยายามประติดประต่อเรื่องและวิเคราะห์ความเป็นไปได้

งั้นทำไมพี่ต้องทำสัญญาบ้าๆนี่ด้วย พี่รับเงินมาทำไม ทำไมถึงไม่ฟ้องมัน? ฮโยจูซัก

.....นั่นเป็นเพราะพี่มันอ่อนแอ ถ้าสู้กันตามกฎหมายเราคงไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ และสิ่งที่ต้องทำคือการแก้ข่าวนั้นของแชวอน หากดึงดันที่จะฟ้องมันคงจะใช้เวลานาน จนเธอไม่สามารถกลับเข้าวงการได้อีก มันอาจดูไม่ถูกต้องนักที่เราปล่อยคนทำผิดลอยนวล แต่เราก็ช่วยแชวอนไว้ได้นี่ จินโฮอธิบายเสียงเศร้า

งั้นยัยนั่นก็ไม่ได้เป็นคนปล่อยรูปนั้นยังงั้นหรือค่ะ? ร่างโปร่งยังคงไม่เข้าใจ เธอกุมขมับตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ จินโฮจึงรวบมือของเธอไว้และยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ

ฮึๆๆ เธอนี่ฉลาดแต่ไม่เฉลียวเอาเสียเลยนะ กว่าจะรู้เรื่อง เขาหัวเราะเอ็นดูกับอาการเหว๋อของน้องสาวตัวแสบ เธอจึงทำหน้าค้อนใส่เขาไปหนึ่งที ก่อนจะนึกถึงเพื่อนรักของตน ร่างโปร่งจึงรีบ

ออกจากกอง

อ้าว จะไปไหนนะ แล้วละครล่ะ? จินโฮร้องถามตามหลัง

ไม่ถ่ายแล้ว!” ร่างโปร่งตอบและตรงไปสตาร์ทรถของตนขับออกไปทันที โดยมีจินโฮขับตามหลัง ทีมงานของละครเรื่องนี้ต่างอ้าปากค้างมองตามทั้งสองจากไปเหมือนดั่งพายุด้วยความงุนงง ผู้กำกับถึงกับโยนสคลิบลงพื้นอย่างเกรี้ยวกราด

อีกแล้ว! หนีอีกแล้ว เลิกๆๆ ไม่ถ่ายมันแล้วเว้ย เขาโวยวายด้วยความหงุดหงิดที่โดนพิษซุปตาร์ของฮโยจูเข้าไป

เสียงออดหน้าประตูดังขึ้นถี่ยิบเป็นเหมือนสัญญาณบอกว่าใครคือผู้มาเยือนโดยไม่ต้องดูจออินเตอร์คอมพ์ ร่างบางตรงไปเปิดประตูให้เพื่อสาวทันที หากแต่พอเปิดออกเห็นสภาพหอบแฮ่กๆและชุดฮัมบกที่เพื่อนใส่ก็ทำให้ร่างบางถึงกับขมวดคิ้วสงสัย

นี่แฟชั่นใหม่หรอ? แชวอนถาม

ยัยบ้ายังมาถามไร้สาระอีก มานี่เลย ร่างโปร่งลากเพื่อนเข้าห้อง ก่อนที่จินโฮจะวิ่งตามมาไวๆ เมื่อแชวอนเห็นเขาก็ถึงกับทำสายตากร้าว

นี่มันเรื่องอะไรกัน? ร่างบางถามเสียงเข้ม

คือว่า.....เรื่องที่ฉันเคยบอกเธอนะ มัน......มันไม่ใช่!” ฮโยจูบอกหากแต่ไม่ช่วยให้ร่างบางเข้าใจเลยแม้แต่น้อย

เธอหมายถึงคุณอึนชันไม่ได้เป็นคนปล่อยรูปของคุณ แต่เขาคือคนที่ช่วยปลุกระดมแฟนคลับให้ขึ้นมาต่อสู้แทนคุณ และช่วยคุณแก้ข่าวทั้งหมดนั่น จินโฮอธิบายแทนและดูเหมือนจะเข้าใจได้ง่ายกว่ามาก

แต่ว่า....แต่เขาก็หลอกฉันเรื่องเท็ดดี้ แชวอนแย้ง

เรื่องของเท็ดดี้กับคุณผมอาจจะไม่เข้าใจนัก แต่จากที่ผมรู้จักไม่ว่าจะเท็ดดี้หรือคุณอึนชัน ทั้งคู่ก็เป็นคนดีมากไม่ใช่หรือครับ?” จินโฮกล่าว ร่างบางครุ่นคิดด้วยสีหน้าสับสน

อย่าให้เรื่องเข้าใจผิด ทำให้คุณต้องเสียเธอไปเลยครับ จินโฮพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนอ้อนวอน แชวอนจึงหยิบกระเป๋าและวิ่งออกจากห้องทันที ฮโยจูและจินโฮจึงวิ่งตามเธอไป ทั้งสามตรงไปยังบ้านของอัญชันโดยมีจินโฮเป็นสารถี เมื่อรถมาจอดยังหน้าบ้านก็พอดีกับที่เอื้อเฟื้อกำลังขนของย้านบ้านหลังกลับจากโรงพยาบาล จินโฮและแชวอนรู้สึกตกใจไม่น้อยกับสภาพของเอื้อเฟื้อจึงรีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วง

คุณแทยังเป็นอะไรหรือครับ เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? จินโฮถาม

มีเรื่องนิดหน่อยนะครับ เอื้อเฟื้อตอบสีหน้านิ่งจ้องมองแชวอนด้วยสายตาดุดัน จนฮโยจูต้องเข้ามาขวาง

นี่! มีปัญหาอะไรยังงั้นหรอ เพื่อนฉันไปซ้อมนายหรือไง? ฮโยจูกล่าว หากแต่แชวอนปรามเธอไว้

พวกคุณมีธุระอะไร? เอื้อเฟื้อถามเสียงเข้ม

ฉันมาหาคุณอัญชันนะค่ะ ร่างบางตอบ

เธอไม่อยู่แล้ว เอื้อเฟื้อกล่าว ทำให้ทั้งสามถึงกับมองหน้ากันอย่างฉงน

เอ่อ...เธอไปไหนหรือครับ? เป็นจินโฮที่ถามต่อ

เธอกลับไปแล้ว จะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว เอื้อเฟื้อตอบให้ทั้งสามยิ่งสงสัย

ทำไมละค่ะ? ร่างบางซัก

ไม่รู้สิ สงสัยคงเบื่อที่นี่แล้วละมั้ง เอื้อเฟื้อตอบกวน

ไม่จริง ฉันจะไปหาเขา ร่างบางกล่าวและหันหลังกลับ

อย่าดีกว่า! เพราะเธอไม่ได้กลับไปคนเดียว เธอไปพร้อมกับผู้หญิงคนหนึ่ง คงไม่ต้องให้ผมบอกนะว่าพวกเธอมีความสัมพันธ์กันยังไง คิดว่าพวกคุณคงเข้าใจ ขอตัวก่อนผมรีบ เอื้อเฟื้อปดเพื่อไม่ให้แชวอนตามเพื่อนเขาไป เพราะเขาไม่มีวันให้อภัยแก่คนที่ทำให้อัญชันต้องหลั่งน้ำตา มันคงจะดีกว่าหากอัญชันตัดใจจากเธอได้เสียที พูดจบเขาก็เดินขึ้นรถบรรทุกที่จ้างมาขนของของตนทันที ทั้งสามได้แต่มองรถของเอื้อเฟื้อจากไปด้วยอาการช็อค แชวอนถึงกับทรุดลงหมดแรง นี่เธอสูญเสียคนที่เธอรักไปแล้วหรือ

แกเป็นไงบ้าง? อัญชันถามคนปลายสาย

หายแล้วล่ะ แล้วคุณลีล่ะ เธอเป็นยังไงบ้าง? เอื้อเฟื้อตอบพร้อมถามถึงคนรัก

ยังร้องไห้อยู่บ้างเวลาที่ฉันไม่เห็นอ่ะนะ แต่ก็ร่าเริงขึ้นกว่าวันแรกๆแล้วล่ะ อัญชันตอบ

แกแน่ใจหรอ ว่าอยากจะทำแบบนี้จริงๆ? เอื้อเฟื้อถามด้วยความลำบากใจ

แกพูดอะไรน่ะ ทำไมฉันจะไม่อยากทำล่ะ ฉันบอกแล้วไง ว่าฉันจะจ่ายให้แกอย่างงาม มันถึงตาที่ฉันต้องจ่ายแล้ว อัญชันตอบ

แกไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้ เอื้อเฟื้อท้วง

จำเป็นซิ เพราะแกคือเพื่อนฉัน เป็นครอบครัวของฉัน เมื่อครอบครัวมีปัญหาเราก็ต้องช่วยกัน ไม่ใช่หรอ? อัญชันอธิบาย นั่นทำให้คนฟังถึงกับน้ำตาซึม

แกมันบ้า ฉันไม่น่าชวนแกมาที่นี่ตั้งแต่แรกเลย เอื้อเฟื้อรำพัน อัญชันได้ยินก็ยิ้มอย่างเศร้าสร้อย

ดีแล้วล่ะ ที่ได้ไปที่นั่น ฉันไม่เสียใจหรอก ไม่เสียใจเลย ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่แกเคยทำให้ฉัน จากนี้ไปฉันจะทำเพื่อแกมั่ง ไม่ต้องเป็นห่วงนะฉันจะทำหน้าที่แทนแกเอง อัญชันกล่าวก่อนวางสาย ดวงตากลมใสของร่างเล็กเหม่อมองเหล่าหิ่งห้อยนับร้อยล่องลอยแข่งกันกระพริบแสงรอบท้องน้ำ ต้องใช้หิ่งห้อยกี่พันตัวกันความทุกข์ในใจนี้ถึงจะหายไปเสียที






วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนที่ 13

ตอนที่ 13 รักร้าว (Sore Love)

ภายในร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งแถวชานเมืองที่คนไม่พลุกพล่าน หญิงสาวร่างโปร่งนั่งชูคอระหงส์อยู่โต๊ะด้านในสุดของร้าน แม้แว่นตาดำอันใหญ่ที่เธอใส่จะปิดบังใบหน้าเธอไปเกือบครึ่ง แต่เคล้าความงามของรูปหน้าเธอยังเด่นเป็นสง่าเรียกความสนใจจากพนักงานและลูกค้าในร้านที่นั่งกันไม่กี่โต๊ะให้แอบหันมามองเป็นระยะๆ ก่อนที่ชายคนหนึ่งจะเปิดประตูเข้ามาในร้านแล้วเดินตรงไปยังหญิงสาวคนดังกล่าว เขาวางซองเอกสารที่ปิดผนึกมาอย่างดีลงที่โต๊ะก่อนจะนั่งลงยังเก้าอี้ตรงข้ามเธอ

นี่ข้อมูลที่คุณอยากได้ เขากล่าวก่อนจะยื่นซองเอกสารให้เธอ หญิงสาวยื่นมือไปคว้าซองดังกล่าวหากแต่ผู้ให้กลับไม่ปล่อยมันให้เธอ หญิงสาวจึงควักซองจดหมายซึ่งบรรจุตั๋วแลกเงินอยู่ปึกใหญ่ ชายคนดังกล่าวจึงรับมันมาแล้วปล่อยซองเอกสารให้กับเธอ เขาเปิดซองจดหมายเช็คจำนวนเงินก่อนจะยิ้มอย่างพอใจ

ขอบคุณที่ใช้บริการ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ เขาพูดกวนก่อนลุกจากไป หญิงสาวได้แต่มองตามอย่างเคืองขุ่น

ไอ้บ้าเอ้ย โอกาสหน้าหรอ ชาติหน้านะซิ แค่ให้หาข้อมูลแค่นี้ เรียกตั้งห้าล้าน นี่ถ้าไม่ใช่เรื่องของแชวอนนะ ฉันไม่มีวันจ้างแกแน่ หญิงสาวบ่นเป็นวรรคเป็นเวร ก่อนจะหันไปสนใจยังซองเอกสารในมือ เธอไม่รอช้ารีบแกะซองทันที หากแต่มือถือเจ้ากรรมดันดังขึ้นขัดจังหวะ

อะไร?.......ห่ะ? จริงหรอ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ละค่ะ เธอรับสายด้วยอารมณ์ขุ่น หากแต่พอได้ยินเรื่องราวจากปลายสายก็ทำให้เธอเปลี่ยนความสนใจจากซองเอกสารและมุ่งหน้าไปยังสนามบินอินชอนทันที เพราะเพื่อนรักของเธอกลับมาแล้ว

ณ จุดรอรับกระเป๋าหญิงสาวร่างบางที่สวมแว่นดำปิดบังใบหน้ากำลังยืนกระวนกระวายใจอยู่ไม่ไกลจากร่างเล็กนัก

ใจเย็นๆค่ะ ไม่มีอะไรหรอก อัญชันเอ่ยปลอบเมื่อเห็นแชวอนยืนตัวสั่น ก่อนจะเข้าไปกุมมือร่างบางไว้

ฉันสัญญาค่ะ ว่าทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย ร่างเล็กปลอบพร้อมรอยยิ้มเย็น ทำให้อีกคนผ่อนคลายลง ก่อนที่ทั้งสองจะเดินกุมมือกันไปยังทางออกผู้โดยสารขาเข้า ร่างบางเริ่มสั่นขึ้นอีกครั้งเมือเดินเข้าใกล้ประตูทางออก เธอหยุดชะงักก่อนจะถึงประตู ร่างเล็กจึงต้องหยุดตามก่อนที่จะกระชับมือคนขี้กลัวให้ฮึดสู้ ร่างบางจึงยอมเดินตามผู้นำตัวเล็กอย่างว่าง่าย เมื่อทั้งสองเดินผ่านประตูออกมาก็พบเข้ากับฝูงชนกลุ่มใหญ่ที่ต่างชูป้ายเป็นกำลังใจให้ดาราสาว มุนแชวอน ก่อนที่ทั้งหมดจะร้องเพลงประสานเสียงให้กำลังใจดาราสาว แชวอนรู้สึกตกใจในตอนแรกด้วยไม่คิดว่าจะมีคนทราบถึงการกลับมาของเธอ ดาราสาวมองแฟนๆของเธอที่กำลังร้องเพลงอย่างตั้งใจจึงร้องไห้ออกมาด้วยความซาบซึ้ง แล้วจึงหันไปมองคนตัวเล็กข้างๆ อัญชันหมายจะเอื้อมมือไปซับน้ำตาให้หากแต่โดนร่างโปร่งของฮโยจูที่จู่ๆก็ฝ่าวงล้อมเข้ามากระโจนใส่ร่างบางเต็มรัก

ยัยเพื่อนบ้าหายไปไหนมา รู้ไหมฉันเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน? ฮโยจูบ่นใส่เพื่อนสาวทั้งน้ำตา ทั้งสองต่างกอดกันด้วยความคิดถึง ก่อนที่ร่างสูงของจินโฮจะปรากฏตัวขึ้นและมอบช่อดอกไม้รับขวัญดาราของเขา แชวอนรับมันและกล่าวขอบคุณ พร้อมทั้งโค้งขอบคุณแฟนๆไปรอบทิศโดยที่น้ำตาแห่งความปิติยังคงรินไหล

ขอบคุณนะค่ะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง อัญชันกระซิบบอกจินโฮ

พูดอะไรอย่างงั้นละครับ ทั้งหมดนี่เกิดขึ้นได้เพราะฝีมือคุณ ผมแค่ช่วยเล็กๆน้อยๆเท่านั้น ร่างสูงตอบ ร่างเล็กได้ยินดังนั้นก็อมยิ้มและมองดูผลงานตัวเองอย่างชื่นใจ

หลังกลับจากสนามบินอัญชันและแชวอนแยกกันกลับด้วยเพราะฮโยจูอยากจะอยู่กับเพื่อนสาวของตนหลังจากที่จากกันนาน จินโฮจึงอาสามาส่งอัญชันที่บ้าน เมื่อร่างเล็กก้าวลงจากรถก็วิ่งเข้าไปกอดเพื่อนรักของตนที่ยืนรออยู่หน้าบ้านอย่างใจจดใจจ่ออยู่ก่อนแล้ว

นี่แกอ้วนขึ้นหรือเปล่า คงมีความสุขจนจุกอกเลยซินะ เอื้อเฟื้อทักทายเพื่อนด้วยคำเหน็บแนบ

แกนี่นะ ไม่เจอฉันตั้งนาน จะทักทายกันดีๆไม่มีเลย ร่างเล็กเอ็ดใส่เพื่อนปากกล้าทันที

พวกคุณนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลยนะครับ จินโฮกล่าวขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองหยอกล้อกัน

ฉันว่าในเมื่ออยู่พร้อมหน้ากันสามคนแบบนี้ พวกเราไปหาอะไรทานกันหน่อยไหมค่ะอัญชันเสนอพลางทำมือกระดกเหล้า

เป็นความคิดที่ดีมาก หลังจากที่พวกฉันทำงานให้แกมาอย่างยากลำบาก แกควรจะเลี้ยงตอบแทนพวกเราอย่างดีนะ เอื้อเฟื้อบอก อัญชันยิ้มรับอย่างเจ้าเล่ห์ ไม่นานทั้งสามก็มานั่งยังโต๊ะตัวเก่าที่ร้านป้าเจ้าประจำ

นี่หรอเลี้ยงอย่างดี!” เอื้อเฟื้อบ่นอุบ

แล้วนี่มันไม่ดีตรงไหน ไม่ดีก็อย่ากินเอามานี่เลย อัญชันกล่าวพลางหยิบชามจาจังมยอนของเอื้อเฟื้อหากแต่โดนเพื่อนตัวดียึดไว้แน่น

ใครบอกว่าไม่กินละ เอื้อเฟื้อบอกก่อนจะรีบโซ้ยจาจังมยอนทันที อัญชันจึงหันไปสนใจยังคนตรงข้ามที่นั่งมองทั้งสองทะเลาะกันด้วยความสนุกสนาน

คุณมั่นใจไหมค่ะว่าจะไม่เกิดปัญหาการฟ้องร้อง? ร่างเล็กเปิดประเด็นขึ้น

ผมมั่นใจครับ ผมได้ปรึกษากับทีมกฎหมายของบริษัทเราแล้ว พวกเขาว่าจากสถานการณ์ตอนนี้ผู้เสียหายที่พอจะเป็นโจทย์ฟ้องร้องก็คือสถานี แต่ถ้าพวกเขาทำแบบนั้นมันก็จะยิ่งเป็นการประจานตัวเองว่าพวกเขาช่วยผู้กำกับลีจริง ผมว่าเขาคงจะไม่ทำอะไรปล่อยให้ข่าวซาลงและทำเหมือนเป็นผู้เสียหายถูกผู้กำกับลีหลอกไปด้วย แบบนั้นดูท่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า จินโฮอธิบาย

ได้ยินคุณยืนยันแบบนี้ฉันก็สบายใจค่ะ ฉันไม่อยากให้คุณหรือบริษัทต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ อัญชันกล่าวอย่างโล่งอก

ผมบอกแล้วไงละครับ ว่ามันก็เป็นหน้าที่ของผมเหมือนกัน จินโฮกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เอื้อเฟื้อที่ก้มหน้าก้มตากินอยู่สงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี่เหลือเกิน หลังจากทานเสร็จอัญชันและเอื้อเฟื้อจึงกลับมายังบ้านของตน ก่อนที่ร่างเล็กจะได้เดินเข้าห้องของตัวเองก็โดนเอื้อเฟื้อจับลากมานั่งคุย

เล่ามาให้หมดเลย ไปเมืองไทยทำอะไรมั่ง แล้วเรื่องของแกกับคุณแชวอนไปถึงไหนแล้ว แล้วกับคุณจินโฮนี่มันยังไงกันแน่? เอื้อเฟื้อรัวถามเป็นชุด

นี่แกจะให้ฉันตอบอันไหนก่อนเนี่ย? อัญชันถามกลับ

ก็ตอบมาสักอย่างเหอะน่า เอื้อเฟื้อเหวี่ยง

โอเค ฉันกลับเมืองไทย พาคุณแชวอนไปเที่ยวหลายที่เลย จากนั้นก็ไปบ้าน.... อัญชันเล่าแต่ไม่ทันจบเอื้อเฟื้อก็สวนขึ้น

บ้าน! บ้านสวนนะหรอ? แล้วลุง...เอ่อ พ่อนะ พ่อเขาไม่ถามอะไรหรอ? เอื้อเฟื้อลนลานถามถึงพ่อบุญธรรมที่เขาไม่คุ้นที่จะเรียกว่า พ่อ

ลุงพวงหรอ ก็ไม่นี่ ฉันอยู่เป็นอาทิตย์ไม่เห็นถามอะไรเลย อัญชันตอบ นั่นยิ่งทำให้เอื้อเฟื้อหน้าซีด

เป็นอาทิตย์! เวรแล้วไง ชอบหาเรื่องให้ฉันจริงๆเลย ไหนแกบอกว่าจะแค่แวะไปไง!” เขาโวยวายยกใหญ่

อะไรของแกเนี่ย แกเองไม่ใช่หรอที่บอกให้ฉันกลับบ้านนะ อัญชันสวนกลับ

ฉันบอกให้แกกลับไปไหว้แม่ไม่ใช่ไปอยู่เป็นอาทิตย์ ยัยบ้าเอ้ย...... แล้วเรื่องแกกับคุณแชวอนล่ะ เขายังคงถามต่อ

......เธอบอกเธอรักฉัน อัญชันตอบหน้าบาน

เฮอะๆ แล้วแกบอกเขาเรื่องนั้นแล้วหรอ? เอื้อเฟื้อขัดคอขึ้น

.......ยัง ร่างเล็กตอบหน้าหงอย

งั้นก็เตรียมใจไว้แล้วกัน แล้วเรื่องคุณจินโฮละจะเอาไง? เอื้อเฟื้อถามต่อ

ยังไงอะไร? คุณจินโฮกับฉันก็ไม่มีอะไรไง เข้าใจกันดีแล้ว ร่างเล็กตอบอย่างไม่ยี่หละ

นี่แกบอกเขาหรอว่าแกชอบคุณแชวอน? เอื้อเฟื้อฉงน

เปล่า! แต่ดูเหมือนเขาจะรู้นะ ร่างเล็กตอบเสียงอ่อน

เชื่อเขาเลยว่ะ นี่เขาคงชอบแกมากนะเนี่ย คนอย่างแกนี่มัน....ไม่คู่ควรกับใครทั้งนั้นละ!” เอื้อเฟื้อกล่าวอย่างหมันไส้และดีดนิ้วไปกลางหน้าผากร่างเล็กก่อนจะวิ่งเข้าห้องตัวเอง ร่างเล็กได้แต่ตะโกนด่าไล่หลัง

เอื้อเฟื้อเข้ามานั่งถอนหายใจอยู่ในห้องคนเดียวพักใหญ่ ก่อนจะกดโทรศัพท์ต่อสายไปยังผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น พ่อ หากแต่เพียงรับเลี้ยงเขาไว้เพียงเพื่อให้เป็นเพื่อนเล่นและคนดูแลอัญชันกับครอบครัวต่อไปในภายภาคหน้าต่อจากตน เอื้อเฟื้อเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ลุงพวงหรือพ่อของตนฟัง หากแต่เสียงที่ตอบกลับมีเพียงประโยคสั้นๆและเรียบเฉย

อืม...ดูแลหนูชันดีๆแล้วกัน มันเป็นหน้าที่ของแก เสียงปลายสายจากผู้เป็นพ่อก่อนจะวางสายไป เอื้อเฟื้อได้แต่นั่งทอดถอนใจ แม้จะเป็นเรื่องปกติที่คนอย่างลุงพวงจะพูดแบบนั้นกับเขา แต่ทุกครั้งมันก็ทำให้เขารับรู้เสมอว่าไม่เคยได้รับความรักแม้แต่น้อยนิดจากผู้ชายเย็นชาที่ให้ความรักและความสำคัญแค่เพียงครอบครัวของอัญชันเท่านั้น แม้เขาจะเกลียดที่พ่อตนเองให้ความสำคัญต่อครอบครัวอัญชันมากเท่าไหร่ แต่สุดท้ายเขาเองก็ไม่ต่างกัน เพราะครอบครัวอัญชันก็เป็นสิ่งสำคัญต่อเขาไม่แพ้กัน แต่เขาจะไม่มีวันเป็นคนอย่างลุงพวงที่ไม่สามารถสร้างและให้ความรักต่อครอบครัวตนเองได้ เขาจะเป็นคนที่มีความรักมากมายให้กับคนรอบข้าง และสร้างครอบครัวของตนด้วยความรักที่อบอุ่นรวมถึงไม่ลืมที่จะรักและดูแลครอบครัวอัญชันให้มีความสุขตลอดไป

ด้านดาราสาวสองคนหลังจากกันไปนานพวกเธอก็ใช้เวลาด้วยกันตามประสาเพื่อนสาวคนสนิท ต่างบอกเล่าเรื่องราวมากมายในช่วงที่ทั้งสองจากกันให้แก่กันฟัง

อะไรนะ!!!!!” ฮโยจูอุทานลั่นห้องหลังได้ยินถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสาวของตนกับศัตรูตัวร้าย

นี่เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือไง ต้องให้ฉันสาธยายไหมว่าทำไมเธอถึงรักกับยัยนั่นไม่ได้น่ะห่ะ? เธอรู้บ้างหรือเปล่าเนี่ยว่ากำลังทำอะไรอยู่? ฮโยจูโวยวายยกใหญ่

ฉันรู้ๆ ขอบใจนะที่เป็นห่วง แต่ว่าแม้จะมีเหตุผลเป็นร้อยว่าทำไมฉันถึงไม่ควรรักคุณอัญชัน แต่ว่า....มันก็ไม่สามารถสู้กับเหตุผลข้อเดียวที่ฉันมีอยู่ในใจได้ แชวอนกล่าวให้เพื่อนสาวฉงน

ห่ะ? ฮโยจูสงสัย ร่างบางจึงยิ้มอย่างเอียงอาย

ก็เพราะฉันรักเขาไงล่ะ แชวอนตอบพลางทุบไปที่ไหล่เพื่อนสาวด้วยความเขินอาย ฮโยจูได้แต่ทำหน้ารับไม่ได้ที่ได้ยิน ร่างโปร่งทนความเลี่ยนไม่ไหวจึงต้องขอตัวไปห้องน้ำ โดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าสะพายของตนติดตัวไปด้วยเพราะจะทาครีมบำรุงผิว แต่เมื่อเธอเปิดกระเป๋าก็พบกับซองเอกสารที่เปิดค้างไว้ ร่างโปร่งจึงหยิบออกมาดูให้กระจ่างใจว่าใครกันที่เป็นมือดีปล่อยภาพฉาวให้เพื่อนสาวของเธอต้องเจอวิบากกรรม เมื่อทราบว่าเป็นหนึ่งในนักข่าวสายบันเทิงซึ่งเคยเห็นหน้าคร่าตากันมาบ้าง เธอจึงต่อสายไปยังผู้จัดการของเธอทันที

ผู้จัดการค่ะ ฉันอยากให้สัมภาษณ์ ช่วยติดต่อนักข่าวด้วยค่ะ.....ขอเป็นนักข่าวคิมจากเอ็สนิวส์นะค่ะ ร่างโปร่งบอกปลายสาย

ณ ร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งในโรงแรมห้าดาวชื่อดัง ดาราสาวฮัน ฮโยจูที่เพิ่งเสร็จจากการถ่ายทำละครพีเรียตในช่วงเช้าเดินตรงไปยังห้องรับรองห้องหนึ่งของร้านอาหาร ที่ที่เธอนัดเจอกับนักข่าวคิมจากเอสนิวส์เพื่อให้สัมภาษณ์พิเศษ ผู้จัดการของเธอเปิดประตูให้ร่างโปร่งเดินเข้าไปอย่างสง่างาม เธอเหลือบตาไปมองนักข่าวคนดังกล่าวก่อนที่ประตูจะปิดลง ทันใดนั้นร่างโปร่งก็ตรงเข้าจู่โจมนักข่าวคิมทันที

แกกล้าดียังไงมาทำกับเพื่อนฉันแบบนี้ บอกมาเดี๋ยวนี้นะว่าใครจ้างแก บอกมาๆๆ!!!” เธอบีบคอเขาพร้อมเขย่าร่างถาม

ฮโยจู! ใจเย็นๆ บีบคอแบบนั้นเขาก็พูดไม่ได้นะซิ ผู้จัดการของเธอเตือนสติ เธอจึงคลายมือออกจากลำคอเขา เขาถึงกับสำลักเสียงแหบแห้ง

อะ...อะไรกันครับเนี่ย? นักข่าวคิมถามหลังตั้งสติได้

อย่ามาไขสือ ฉันรู้หมดแล้ว ว่าคุณคือคนที่ปล่อยภาพของแชวอน ร่างโปร่งเฉลยพร้อมโยนซองเอกสารข้อมูลที่เธอได้มาให้กับเขา เขาหยิบมันขึ้นมาดูก็พบข้อมูลของตนในซองนั้น นักข่าวคิมถึงกับหน้าซีด

ตะ...แต่ผม...ก็ให้เงินพวกคุณไปแล้วไง พวกคุณยังเซ็นสัญญาเลยว่าจะไม่ฟ้องผม แล้วนี่จะเอาอะไรอีก?” นักข่าวคิมแย้ง คำพูดของเขาสร้างความสงสัยให้ร่างโปร่งมากยิ่งขึ้น

คุณหมายถึงใครกัน ใครที่ทำเรื่องบ้าๆนั่น? ฮโยจูถาม

ก็คุณปาร์ค จินโฮ ซีโอโอของ สตาร์เคย์ ต้นสังกัดคุณแชวอนไงครับ อ้อแล้วก็เจ้านั่น มันชื่ออะไรน้า...เท็ดดี้เจ้าเท็ดดี้!” เขาตอบเสียงสั่น คำตอบของเขาทำเอาร่างโปร่งแทบล้มทั้งยืน เธอรู้สึกขาไม่มีแรงจึงนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม

ไม่จริง เป็นไปไม่ได้ เธอพึมพำเหมือนดั่งคนบ้า

จริงๆนะครับ ผมมีสัญญาจะเอามาให้คุณดูก็ได้ นักข่าวคิมยืนยัน ฮโยจูถึงกับมองเขาตาขว้าง

ไปเอามา! ไปเอามาให้ฉันดู!” เธอตะคอกใส่เขา นักข่าวคิมจึงรีบลุกออกไปอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งจึงสั่งให้ผู้จัดการของตนตามไปเอาเอกสารสัญญาดังกล่าวมา เหลือเพียงเธอที่ยังคงนั่งช็อคอยู่กับความจริงที่ตนค้นพบ เธอพยายามครุ่นคิดว่าทำไมคนที่เธอรักและศรัทธาอย่างปาร์ค จินโฮ ถึงได้อยู่เบื้องหลังเรื่องเลวร้ายนี้ แล้วยังเจ้าเท็ดดี้ที่ว่านั่นอีก มันเป็นใครกัน เมื่อคิดคนเดียวไม่ออกเธอจึงโทรหาเพื่อนรักเพื่อขอคำปรึกษา

เธออยู่ที่ไหนหรอ?.....เข้าใจแล้วเดี๋ยวฉันไปหาเธอที่สตูนะ ร่างโปร่งพูดกับคนปลายสายก่อนจะตรงไปยังสตูดิโอรายการหนึ่งที่มุนแชวอนเป็นแขกรับเชิญ

ใครหรือค่ะ? ร่างเล็กถามหลังจากร่างบางคุยโทรศัพท์เสร็จ

อ้อฮโยจูน่ะ เธอว่าจะมาหา ร่างบางตอบก่อนจะหันมากดมือถือของตนเขียนอีเมลต่อจากที่ค้างไว้ เพราะโดนฮโยจูโทรมาขัดจังหวะ

เอ่อ....คือ.....ฉันมีบางอย่างจะบอกกับคุณนะค่ะ ร่างเล็กเอ่ยขึ้น นั่นเรียกความสนใจจากร่างบางได้เธอจึงหันมายังอัญชันเพื่อรอฟัง

คุณแชวอน ถึงคิวแล้วนะครับ เชิญออกไปรอด้านนอกเลยครับ ทีมงานคนหนึ่งโผล่เข้ามาในห้องและบอกคิวการแสดง ร่างบางเดินตามไปยังที่เขาบอก ร่างเล็กจึงต้องเก็บเรื่องสำคัญไว้ก่อนและเดินตามร่างบางไป ก่อนถ่ายทำแชวอนได้ฝากมือถือของตนไว้กับร่างเล็ก ซึ่งในนั้นร่างบางเขียนอีเมลถึงเท็ดดี้แบล์ค้างไว้อยู่ หากแต่ร่างเล็กเองไม่ทันได้สังเกตจึงถือมันเอาไว้อย่างนั้นตลอดการถ่ายทำรายการ เมื่อถ่ายทำเสร็จร่างบางขอมือถือคืนจากอัญชันและเดินกดมันมาตลอดทางกลับมายังห้องแต่งตัว จากนั้นจึงกดส่งข้อความก่อนจะหันมาพูดกับร่างเล็ก

ไหนคุณว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับฉันหรือค่ะ? ร่างบางถามพร้อมรอยยิ้ม

ร่างโปร่งมาถึงสตูดิโอในขณะที่ยังถ่ายทำอยู่จึงไปรอในห้องแต่งตัว เธอเฝ้าครุ่นคิดถึงสิ่งที่นักข่าวคิมบอก หากแต่เธอไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นความจริง ที่จินโฮจะเป็นคนรับเงินจากคนที่ปล่อยภาพให้แชวอนเสื่อมเสีย ทันใดนั้นเสียงริงค์โทนเตือนว่ามีข้อความเข้าจากมือถือเครื่องหนึ่งดังขึ้น ร่างโปร่งเดินไปยังมือถือเครื่องนั้นซึ่งเจ้าของวางลืมไว้หน้ากระจก เมื่อดูจากกระเป๋าที่วางอยู่ใกล้ๆแล้วเธอก็พอจะเดาได้ว่าใครที่เป็นเจ้าของมัน เธอจึงเปิดดูข้อความนั้น

ถึงเท็ดดี้แบล์ที่รัก

แม้ในอีเมลฉบับสุดท้ายที่ฉันส่งถึงคุณจะบอกว่าฉันจะไม่ส่งมาอีกก็เถอะ แต่หลังจากเหตุการณ์นั้นฉันก็คิดว่าคุณคงเป็นห่วงมากแน่ๆ ฉันไม่เป็นไรแล้วนะ คนคนนั้นเขาอยู่เคียงข้างจนฉันหายดี ฉันเสียใจที่พูดตัดรอนคุณแบบนั้น แต่ฉันแค่อยากจะเด็ดขาดกับตัวเอง และตอนนั้นเป็นเพราะฉันอยู่ในสภาพอารมณ์ที่ไม่ปกติ จึงได้เขียนอีเมลแย่ๆแบบนั้น โปรดเข้าใจฉันด้วย ถึงอย่างไรสำหรับฉันแล้ว คุณก็เป็นแฟนคลับคนพิเศษของฉันเสมอ หวังว่าจะได้รับการตอบรับจากคุณในเร็ววัน

มุนปงกูของคุณ

ร่างโปร่งถึงกับมือไม้สั่นกับความจริงตรงหน้า เท็ดดี้แบล์แท้จริงแล้วคืออัญชันนั่นเอง ทันใดร่างโปร่งก็หวนคิดถึงคำพูดของนักข่าวคิมก็คุณปาร์ค จินโฮ ซีโอโอของ สตาร์เคย์ ต้นสังกัดคุณแชวอนไงครับ อ้อแล้วก็เจ้านั่น มันชื่ออะไรน้า...เท็ดดี้เจ้าเท็ดดี้!” ร่างโปร่งประติดประต่อเรื่องทั้งหมดก็สรุปได้ว่า เธอคิดว่าอัญชันคือคนที่ถ่ายรูปนั่นแล้วส่งให้นักข่าวคิม และอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด โดยจงใจเข้ามาตีสนิทกับแชวอนเพื่อฉวยโอกาสทำลายชื่อเสียงตั้งแต่ต้น เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอแทบอยากจะกระอักเลือดด้วยความเจ็บแค้น ทันใดร่างโปร่งก็แว่วเสียงของร่างบางที่หน้าห้อง เธอจึงเดินไปตามเสียงนั่น ก็พบอัญชันและแชวอนยืนคุยกันอยู่

เอ่อ....คือฉัน..... อัญชันกำลังจะบอกเรื่องที่ตนเป็นเท็ดดี้หากแต่โดนร่างโปร่งขัดขึ้นเสียก่อน

มากันแล้วหรอ? รายการเป็นยังไงบ้าง? ฮโยจูถามร่างบางหากแต่สายตากลับจ้องมองไปยังร่างเล็กอย่างดุดัน ทำให้อัญชันรู้สึกใจเสีย

ก็ดีนะ ไม่คิดเลยว่าเรื่องมันจะคลี่คลายได้ดีแบบนี้ แชวอนตอบอย่างชื่นบาน

นั่นสิ ไม่คิดเลย ฉันว่าบางทีคนแถวนี้เองก็คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้นะ ใช่ไหม? ร่างโปร่งหันไปถามอัญชัน ทำให้แชวอนและร่างเล็กสงสัยว่าเธอต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่

ให้ตายเถอะ เธอนี่มัน ดื้อตาใสจริงๆเลยนะ ถ้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทันเธอก็คงจะอยู่แบบนี้ต่อไปซินะ คอยโอกาสแทงข้างหลังเพื่อนฉันอีกครั้ง!” ฮโยจูกล่าว

คุณฮันพูดเรื่องอะไรหรือค่ะ? ร่างเล็กถามด้วยความฉงน ก่อนที่ร่างโปร่งจะชูมือถือของอัญชันขึ้นมา

นี่ไงล่ะ ดูซะสิแชวอน เธอจะได้รู้ว่านางงูพิษนี่ที่จริงแล้วเป็นใคร ฮโยจูยื่นมือถือไปให้ร่างบาง แชวอนรับมันมาและอ่านอีเมลที่เธอเพิ่งส่งให้กับเท็ดดี้แบล์ในมือถือของอัญชัน

นะ...นี่มันอะไรกัน คุณ....คุณคือเท็ดดี้..... ร่างบางพูดอย่างอ่อนแรงด้วยความช็อค อัญชันได้ยินดังนั้นก็ถึงกับตกใจรีบดึงมือถือของตนกลับมาและดูอีเมลดังกล่าว ร่างเล็กหน้าซีดด้วยความหวาดหวั่น

ทีนี้เธอรู้แล้วซินะ ว่านังนี่คือจอมหลอกลวง มันต้องการใช้ประโยชน์จากชื่อเสียงของเธอตั้งแต่แรกแล้ว มันคือคนที่อยู่เบื้องหลังภาพหลุดนั่นทั้งหมด มันหลอกใช้เธอเข้าใจไหมแชวอน มันหลอกเธอ!” ร่างโปร่งเขย่าร่างบอกเพื่อนสาวที่กำลังอยู่ในอาการช็อค

ไม่ใช่อย่างงั้นนะค่ะ คุณแชวอนฟังฉันนะค่ะ คือว่า.... อัญชันพยายามอธิบายหากแต่โดนร่างโปร่งผลักเธอเสียจนล้มไปกองกับพื้น

อย่าเข้ามาใกล้เพื่อนฉันอีก!” ฮโยจูประกาศกร้าว ก่อนจากลากเพื่อนสาวไปยังรถของตน ร่างเล็กพยายามเหนี่ยวรั้งทั้งสองหากแต่ไม่สามารถทัดทานแรงฮโยจูได้ ร่างโปร่งขับรถจากไปโดยมีอัญชันวิ่งไล่ตามหลังก่อนจะเสียหลักล้มกลิ้งจนเป็นแผลถลอก

ณ คอนโดของดาราสาวมุน แชวอน สองสาวเพื่อนรักกำลังนั่งคุยกันเสียงเครียด

เธอพูดจริงหรอ เรื่องภาพนั้นนะ? แชวอนถามเสียงสั่น

ใช่ ฉันสืบมาหมดแล้ว มีหลักฐานด้วยว่าพวกเขารับเงิน ฮโยจูตอบ

พวกเขา? แชวอนถามด้วยความฉงน

ไม่ใช่แค่นังนั่น....แต่พี่จินโฮก็ร่วมด้วย.....โอ้ยฉันอยากจะบ้า! เชอะทำเป็นพูดเกาหลีไม่ได้ ฟังไม่รู้เรื่อง ที่ไหนได้ ฉันอยากจะฆ่านั่งนี่จริงๆ ร่างโปร่งโวยวายไม่หยุด หากแต่แชวอนได้แต่นั่งนิ่ง

ฉัน....ขอไป....ล้างหน้าล้างตาก่อนนะ ร่างบางกล่าวก่อนจะลุกขึ้น หากแต่ขาของเธอไร้เรี่ยวแรงจึงล้มลงไม่เป็นท่า ฮโยจูจึงเข้าไปประคองเพื่อนรักไว้ ร่างบางจึงกอดเพื่อนสาวแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

ทำไม? ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย? ทำไมหรอ ทำไม? ร่างบางร่ำไห้กับอกเพื่อนสาว ฮโยจูได้แต่กอดร่างสั่นเทิ้มของแชวอนและร้องไห้ไปด้วยกัน เพราะเธอเองก็เสียใจไม่น้อยที่จินโฮร่วมมือกับคนร้ายกาจอย่างอัญชันทำร้ายเพื่อนรักของเธอ แม้ที่ผ่านมาเขาจะปฏิเสธความรู้สึกของเธอแต่เขายังคงเป็นสุภาพบุรุษที่เธอชื่นชมเสมอ หากแต่ครั้งนี้เพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเขาถึงกับยอมทรยศต่อตนเอง นั่นทำให้ฮโยจูหมดสิ้นศรัทธาและความรู้สึกใดๆต่อเขาแล้ว เห็นทีเธอคงต้องตัดใจจากเขาให้เด็ดขาด ทันใดนั้นเสียงออดที่หน้าห้องก็ดังขึ้น สองสาวมองหน้ากันก่อนที่ฮโยจูจะเดินไปดูว่าใครกันที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ

คุณแชวอนค่ะ ได้โปรดฟังฉันอธิบายก่อนเถอะค่ะ ฉันอธิบายเรื่องทั้งหมดได้นะค่ะ ได้โปรดฟังฉันหน่อยเถอะค่ะ ร่างเล็กบอกผ่านอินเตอร์คอมพ์ ฮโยจูมองภาพอัญชันในจอด้วยความเครียดแค้น

ฝันไปเถอะว่าฉันจะเปิดประตูให้ ร่างโปร่งกล่าวกับตนเองก่อนจะหันกลับไปพบกับร่างบางที่ยืนจ้องหน้าจอน้ำตาไหลพราก ร่างบางก้าวไปยังหน้าจออินเตอร์คอมพ์ที่ปรากฏภาพของอัญชัน เธอลูบไล้มันด้วยความรักใคร่พร้อมกับน้ำตาที่รินไหลด้วยความเจ็บปวด

อย่านะแชวอน อย่าเปิดนะ ฮโยจูพูดเตือนสติเพื่อน ร่างบางจึงกลั้นใจกดตอบคนที่อยู่อีกฝั่งของประตู

คุณยังจำที่เคยสัญญากับฉันได้ไหม ตอนนี้ฉันอยากให้คุณทำมัน ถ้าอย่างน้อยสักเรื่องหนึ่งที่คุณพูดมันจะเป็นความจริง ก็ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก ร่างบางพยายามพูดให้น้ำเสียงราบเรียบที่สุด แต่แท้จริงแล้วเธอกลั้นน้ำตาไว้แทบไม่อยู่ เมื่ออัญชันได้ยินคำขอดังกล่าวก็ถึงกับยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะส่งยิ้มให้กับกล้องอินเตอร์คอมพ์และเดินจากไปอย่างเงียบสงบ ร่างบางทรุดลงกับพื้นเมื่อเห็นร่างเล็กเดินจากไป เธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส หัวใจที่แหลกเหลวลงด้วยน้ำมือของคนที่รัก ความเจ็บปวดมันเป็นเช่นนี้เอง ทางด้านอัญชันเมื่อเดินพ้นประตูลิฟต์ลงมาชั้นล่างของคอนโดเธอก็ล้มลงกับพื้นเหมือนดั่งเข่าไร้เรี่ยวแรง หยดน้ำตาค่อยๆรินไหลอาบแก้ม ร่างเล็กพยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นหากแต่พยายามเท่าไหร่ก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้ ยามรักษาความปลอดภัยของคอนโดจึงเข้ามาช่วยพยุงเธอ

คุณครับเป็นยังไงบ้างครับ? ให้ผมเรียกรถพยาบาลไหม? เขาถามด้วยความเป็นห่วงหากแต่ร่างเล็กกลับไม่ได้ยินเสียงใดๆเพราะในหัวของเธอนั้นดังก้องไปด้วยประโยคนั้นของร่างบาง

ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก, ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก, ปล่อยมือจากฉันซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าคุณอีก......... มันดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัวของเธอ เมื่ออัญชันลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งด้วยความช่วยเหลือของยามรักษาความปลอดภัย เธอก็เดินอย่างเลื่อนลอยออกไปทันที