ตอนที่ 9 ร้องเพลงรัก(Love Song)
เช้าอันสดใสวันต่อมา มุนแชวอนกำลังง่วนกับการแต่งตัว ด้วยไม่อยากให้ใครจำเธอได้เหมือนเมื่อวานจึงต้องใส่อะไรอำพราง หากแต่ถ้ามากเกินไปเธอก็อาจจะดูไม่น่ามอง เพราะยังมีใครบางคนที่เธออยากให้เห็นว่าเธอนั้นดูดีเสมอ
“ปังๆๆ นี่แชวอนเสร็จหรือยัง เธอจะนอนในนั้นหรอ ออกมาได้แล้ว ฉันปวดฉี่นะ” ฮโยจูตะโกนเรียกพร้อมทุบประตู หากแต่ไม่มีเสียงตอบจากเพื่อนสาว เธอจึงตัดสินใจลงไปใช้ห้องน้ำชั้นล่าง ขณะเดียวกันอัญชันที่เพิ่งออกจากห้องนอนของตัวเองก็หมายจะเดินไปเรียกสองสาว ที่ห้องนอน หากแต่พอมาถึงหน้าห้องก็เห็นประตูเปิดอ้าอยู่ ร่างเล็กเคาะบอกก่อนโผล่หน้าเข้าไปแต่กลับไม่พบใคร อัญชันจึงเดินเข้าไปในห้องเพื่อสำรวจให้แน่ใจ ร่างเล็กมองไปรอบๆ ก่อนที่ประตูห้องน้ำจะเปิดออก
“ชุดนี้ดูเป็นไงบ้างฮโยจู?” แชวอนที่พรวดพราดออกจากห้องน้ำเอ่ยถามทันทีโดยที่ไม่ได้มองว่าใครเป็นคู่สนทนา
“เอ่อ...มันวิเศษมากค่ะ” อัญชันตอบ นั่นจึงทำให้แชวอนรู้ว่าเธอพูดอยู่กับใคร
“อ่ะ! คุณอัญชัน!” แชวอนผงะเล็กน้อยก่อนจะกุมหน้างุดพร้อมขยับแว่นที่เธอใช้อำพรางแก้เขิน เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนก็ทำให้เลือดสูบฉีดไปที่ใบหน้าของทั้งสอง จึงต่างก็หลบหน้าเอียงอาย
“นี่พวกเธอทำบ้าอะไรกันเนี่ย?” เป็นฮโยจูที่เพิ่งเดินเข้ามาเอ่ยทำลายบรรยากาศขึ้น
“ยัยโรคจิตนี่เธอบุกเข้ามาหื่นใส่เพื่อนฉันถึงในห้องเชียวหรอ ห่ะ?” ร่างโปร่งถามเอาเรื่อง
“ป่ะ..เปล่านะค่ะ ฉันแค่จะมาเรียกเท่านั้น” อัญชันตอบเสียงอ้อมแอ้มและหลบสายตาด้วยความหวาดกลัว
“ฮโยจู! นี่ก็สายแล้วรีบไปกันเถอะ เดี๋ยวพี่จินโฮรอนานนะ” แชวอนจึงรีบเปลี่ยนประเด็น ทำให้ร่างโปร่งคล้อยตามและรามือจากร่างเล็ก
ทั้ง สามมุ่งหน้าสู่วัดแฮอินซา (Haeinsa Temple) เป็นวัดที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศเกาหลี ตั้งอยู่ในบริเวณอุทยานแห่งชาติ คายาซาน แฮอินซา มีความหมายว่า ‘อารามแห่งพระสมาธิอันล้ำลึกดั่งนที’ สร้างขึ้นใน ค.ศ.802 โดยพระภิกษุสองรูป คือ ซูเนียง และอิชอง ในสมัยอาณาจักรซิลลา ที่กล่าวกันว่าเป็นยุคทองแห่งพระพุทธศาสนาและศิลปวัฒนธรรมของเกาหลี โดยเฉพาะด้านพุทธศิลป์ ต่อมาพระเจ้าแตโช ผู้ก่อตั้งราชวงศ์กอริโยได้กำหนดให้แฮอินซา เป็นอารามแห่งแผ่นดิน ปัจจุบันเป็นที่เก็บรักษาศิลปะวัตถุจำนวนมากในอาคารทั้งหมด 90 อาคาร (ศาลเจ้า กุฎิ และอาคารย่อยต่าง ๆ) แต่สิ่งที่ทำให้วัดนี้แตกต่างจากวัดอื่นคือ เป็นสถานที่เก็บรักษาแผ่นไม้แกะสลักสำหรับพิมพ์พระไตรปิฎกฉบับเกาหลีหรือชา งเกียงพันจอน จำนวน 80,000 แผ่น นับเป็นการรวบรวมคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้าที่สมบูรณ์ที่สุดในเอเซียตะวันออก แผ่นไม้เหล่านี้ทำขึ้นในปี ค.ศ.1251 เพื่อเป็นการร้องขอให้พระพุทธเจ้าคุ้มครองประชาชนในช่วงที่กองทัพมองโกเลีย กำลังรุกรานประเทศ ในปัจจุบันแผ่นไม้เหล่านี้ยังอยู่ในสภาพดี และเป็นหลักฐานในการรวบรวมและเผยแพร่พระคัมภีร์ในพุทธศาสนาที่น่าเชื่อถือ ที่สุด และในปี ค.ศ.1995 องค์การยูเนสโก้ได้จัดให้ชางเกียงพันจอนเป็นหนึ่งในมรดกอันมีค่าของโลก
เมื่อมาถึงยังที่หมายทั้งสามก็เห็นจินโฮยืนรออยู่ข้างรถของเขาก่อนแล้ว ฮโยจูรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งไปหาเขาทันทีที่จอด
“รอนานไหมค่ะพี่จินโฮ เพราะแชวอนนั่นละไม่รู้จะแต่งอะไรนักหนา” ร่างโปร่งรายงาน หากแต่จินโฮไม่ได้สนใจฟังเขากลับเดินตรงไปยังร่างเล็ก
“อรุณ สวัสดิ์ครับ เมื่อคืนคุณหลับสบายไหม?” ร่างสูงถามเสียงนุ่ม นั่นสร้างความขุ่นใจให้สองสาวเพื่อนซี้ทันที อัญชันรับรู้ได้ถึงรังสีอำมหิตที่ร่างโปร่งแผ่มาพร้อมๆกับอาการหน้าตึงของ ดาราสาว ร่างเล็กจึงได้แต่ผงกหัวตอบจินโฮไปอย่างเสียไม่ได้
“พี่จิ นโฮเราไปตรงนั้นกันดีกว่าค่ะ ฉันอยากดูชางเกียงพันจอง ไปกันเถอะค่ะ ส่วนพวกเธอก็ไปกันเองนะ อีกสองชั่วโมงมาเจอกันตรงนี้” ร่างโปร่งจัดแจงเสร็จสัพก่อนที่จะลากร่างสูงไปตามใจตน
“อ่ะ! เดี๋ยวซิ ฮโยจู” ร่างสูงพยายามทัดทานแต่ก็สู้ความเอาแต่ใจของร่างโปร่งไม่ได้ อัญชันและแชวอนได้แต่ยืนมองทั้งสองจากไปด้วยความเห็นใจจินโฮ
“เอ่อ..งั้น เราเดินดูรอบๆกันก่อนดีกว่าไหมค่ะ?” อัญชันเสนอ ร่างบางจึงพยักหน้าตอบและเดินตามไปอย่างว่าง่าย บรรยากาศของทั้งสองคู่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทางฝั่งฮโยจูและจินโฮนั้นมีแต่ความน่าเบื่อและขัดแย้งกันตลอดทาง
“โอ้ยอะไรเนี่ย เดินไปที่ไหนก็มีแต่แผ่นไม้เก่าๆ” ฮโยจูร้องขึ้นอย่างเหลืออดหลังเดินดูวัดอยู่นาน
“ก็นี่วัดแฮอินซานี่ เธอจะให้มันมีร้านแบรนด์แนมหรือยังไง” จินโฮประชดประชัน
“ก็ ดีซิ มันน่าจะมีที่สุดเลย ใครจะบ้ามาเดินดูของเก่าๆได้ตั้งนานสองนานเล่า” ร่างโปร่งยิ่งส่งเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้พระเณรที่เดินผ่านไปมาหันมามองอย่างตำหนิ จินโฮจึงต้องรีบลากร่างโปร่งออกมา
ขณะเดียวกันฝั่งสองสาวกำลังเดินชมวัตถุโบราณกันอย่างตื่นตา ทั้งสองต่างชี้ชวนกันดูโน่นนี่อย่างสนุกสนาน จนแชวอนเริ่มจะเหนื่อย
“คุณแชวอนเหนื่อยไหมค่ะ? เราพักกันตรงนี้สักครู่ดีไหมค่ะ?” ร่างเล็กถามขึ้นเมื่อเห็นอาการหน้าซีดของร่างบาง
“ไม่เป็นไรค่ะ คุณอัญชันอยากไปดูที่ไหนอีกไหมค่ะ?” ร่างบางตอบด้วยความเกรงใจ หากแต่ความจริงแล้วเธอเริ่มเหนื่อยและกระหายน้ำมาก
“อย่าฝืนซิค่ะ เดี๋ยวคุณแชวอนนั่งรอตรงนี้ก่อนนะค่ะ เดี๋ยวฉันมา” ร่างเล็กบอกก่อนจะวิ่งหายไป ไม่นานนักก็วิ่งกลับมาพร้อมขวดน้ำในมือ
“นี่ ค่ะ” อัญชันยื่นมันให้ร่างบาง แชวอนก้มขอบคุณและรับน้ำมาดื่ม ไม่รู้ว่าเพราะอะไรน้ำที่ดื่มถึงได้มีรสหวาน นี่ประสาทรับรสของเธอคงจะเพี้ยนไปแล้วละมั้ง เมื่อถึงเวลาตามที่นัดไว้อัญชันและแชวอนก็ตรงไปยังที่นัดหมาย ก่อนจะได้ยินเสียงเอะอะดังมาแต่ไกล
“ให้ตายเถอะวัดอะไรก็ไม่รู้น่าเบื่อชะมัดเลย” ฮโยจูบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“ก็เธอเองไม่ใช่หรอที่เป็นคนอยากมาที่นี่น่ะ” จินโฮโต้
“ก็ ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะเป็นแบบนี้ รู้งี้ไปเดินช้อปปิ้งดีกว่า” ร่างโปร่งตอบ ทำให้จินโฮถึงกับส่ายหน้าระอา อัญชันและแชวอนได้แต่มองทั้งคู่อย่างอ่อนใจ
“นี่ก็เที่ยงกว่าแล้วเราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะครับ” จินโฮรีบควบคุมอารมณ์ตัวเองและหันมาดูแลร่างเล็กตามเดิม
“ดี ค่ะ ไปกินที่ห้างนะค่ะ ฉันรับไม่ได้หรอกนะค่ะกับร้านข้างถนนนะ” เป็นฮโยจูอีกตามเคยที่จัดแจงทุกอย่างก่อนจะลากร่างสูงไปตามใจชอบอีกครั้ง แชวอนและอัญชันจึงต้องขับรถตามทั้งสองไปตามบัญชาของราชินี(ฮโยจู) เมื่อมาถึงที่หมายฮโยจูก็เป็นคนเลือกร้านเองอีกตามเคย
“ค่อยยังชั่ว หน่อย นึกว่าในห้างก็จะดูไม่ได้ไปด้วย แบบนี้ค่อยรู้สึกเหมือนอยู่ในเกาหลีใต้หน่อย” ร่างโปร่งเอ่ยขึ้นขณะรออาหารยกมาเสริฟ
“พูดเว่อร์ไป ถึงจะบ้านนอกยังไง แต่ถ้าเป็นในห้างมันก็เหมือนกันทุกที่ละ” แชวอนรู้สึกหมันไส้คำพูดเพื่อนสาวจึงสวนกลับ
“ใคร ว่าละ ที่นี่ไม่ได้ครึ่งห้างในโซลเลย ไม่สิ ไม่ถึงเศษเสี้ยวเลยด้วยซ้ำ” ร่างโปร่งยังต่อปากต่อคำ ทำให้ทั้งแชวอนและจินโฮระอาไปตามๆกัน เมื่ออาหารยกมาเสริฟจินโฮก็เอาแต่ตักอาหารให้อัญชันจนร่างเล็กหน้าเจื่อน ด้วยกลัวสายตาอาฆาตของฮโยจูและเกรงต่ออาการหน้าตึงของคนข้างๆ จนในที่สุดการทานอาหารอันน่าอึดอัดก็จบลงโดยไม่มีใครทานอิ่มสักคน
“เพิ่งบ่ายโมงเอง จะไปไหนกันต่อดีค่ะ?” แชวอนถามขึ้น แต่ไม่ทันที่อัญชันและจินโฮจะเสนอ ร่างโปร่งก็โพล่งขึ้นก่อน
“ฉันคิดเอาไว้แล้ว ไปคาราโอเกะกัน!” ฮโยจูโพล่งขึ้นให้ทุกคนแทบล้มทั้งยืน
“คาราโอเกะเนี่ยนะ เธอคิดได้ยังไงเนี่ย?” จินโฮค้าน
“ก็...ฟัง เข้าท่าดีนะค่ เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาขับรถไปไหนด้วย ในห้างนี่น่าจะมี” อัญชันเห็นท่าจะเกิดสงครามน้ำลายอีกแน่ จึงเอ่ยสมทบร่างโปร่ง นั่นจึงทำให้จินโฮคล้อยตามความคิดไม่เข้าท่าของฮโยจูอย่างจำใจ เมื่อตกลงกันได้ทุกคนจึงมุ่งไปยังคาราโอเกะ แต่พอเข้าไปในห้องทั้งสามก็สังเกตได้ว่าร่างโปร่งไม่ได้ตามเข้ามาด้วย
“อ้าว แล้วนี่ตัวต้นคิดเขาหายไปไหนของเขาละเนี่ย?” จินโฮถามขึ้น หากแต่อัญชันและแชวอนเองก็ไม่ทราบเช่นกันจึงได้แต่ส่ายศีรษะก่อนที่เสียง ดนตรีเพลง Oh! จะดังขึ้น
(คลิ๊กเปิดและปิดด้วยจ้า)
ทั้ง สามต่างมองหน้ากันเลิกลั่กเพราะยังไม่มีใครกดเลือกเพลง ทันใดร่างโปร่งในชุดเชียร์ลีดเดอร์พร้อมวิกผมสีบลอนด์ก็ปรากฏตัวขึ้นและวาด ลวดลายตามอย่างเอ็มวีเป๊ะๆ เหมือนกับว่า เจสสิก้าแห่ง SNSD ออกมาจากจอก็ไม่ปาน ร่างโปร่งทั้งร้องทั้งเต้นได้ตรงตามสเต็ปทุกอย่าง เมื่อถึงท่อนฮุคเธอก็ยังหันไปส่งสายตาปิ๊งๆให้จินโฮอีกด้วย
Oh! Oh! Oh! Oh! ปา-รึล ซา-รัง-แฮ(Oh! Oh! Oh! Oh! พี่คะ ฉันรักพี่)
Ah! Ah! Ah! Ah! มา-นี มา-นี แฮ(Ah! Ah! Ah! Ah! มากๆเลยล่ะ)
ซู-จู-บือ-นี เช-บัล อุช-จี มา-โย(ได้โปรดอย่าหัวเราะสิ ฉันอายนะ)
ชิน-ซี-มี-นี นล-รี-ชี-โด มา-รา-โย (มันเป็นความรู้สึกของฉันจริงๆ โปรดอย่าล้อฉันนะ)
โต พา-โบ-คา-ทึล มัล ปู-นยา(อีกแล้ว...คำพูดบ้าๆเหล่านั้น)
ชอ-เน อัล-ดอน เน-กา อา-นยา Brand New Sound(ฉันไม่ใช่คนที่พี่เคยรู้จักนะ)
แซ-โร วอ-ชิน นา-วา ฮัม-เก One More Round(มาทำบางสิ่งกับฉันคนใหม่ อีกสักครั้ง)
Dance Dance Dance You'll be wrong This Time
โอ-ป้า โอ-ป้า I'll Be I'll Be Down Down Down Down
อัญชันและจินโฮต่างตกตะลึงกับภาพตรงหน้าจนถึงกับอ้าปากค้าง ในขณะที่แชวอนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีที่มีเพื่อนใจกล้าหน้าสวยแบบนี้
“ยัย บ้าทำอะไรไม่ปรึกษากันเลย” แชวอนบ่นอุบอิบกับตัวเอง เมื่อเพลงหยุดลงฮโยจูก็จบด้วยท่าสวย อัญชันและจินโฮยังคงอ้าปากค้างอยู่ จนแชวอนต้องรีบดึงเพื่อนสาวให้ลงมานั่งและหาอะไรคลุมให้
“นี่เธอทำบ้าอะเนี่ย? แล้วไปเอาชุดบ้านี่มาจากไหน?” แชวอนเอ็ดใส่ด้วยเสียงกระซิบ
“อะไร ก็ร้องคาราโอเกะนะสิ เลิศใช่ไหมล่ะ ฉันฝึกตั้งนานแนะ” ฮโยจูตอบอย่างภาคภูมิใจ แชวอนได้แต่ถอนหายใจอย่างอ่อนใจกับความมั่นไม่แคร์สื่อของเพื่อนสาว ไม่รู้ว่าเธอไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน(ชุดด้วย)
“เอ่อ ใครจะร้องต่อดีค่ะ?” ร่างบางถามขึ้นเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและเรียกขวัญของจินโฮกับอัญชัน
“ยัยเตี้ย เธอไปร้อง” ฮโยจูเอ่ยขึ้นพร้อมจิกตาไปที่ร่างเล็กเป็นการบังคับ
“ฮโยจู!” แชวอนจึงปรามเพื่อน
“ค่ะ...ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันร้องก็ได้ค่ะ” อัญชันจึงต้องลุกขึ้นอย่างจำใจ ร่างเล็กกดเลือกเพลง Just the way you are
(คลิ๊กเปิดและปิดด้วยจ้า)
ทั้ง สามต่างนิ่งฟังอย่างตั้งใจ อัญชันมีท่าทีเขินอายเล็กน้อย เธอจับไมล์ไว้แน่น สายตามองตรงไปยังร่างบางเหมือนจะสื่อสารกับหล่อน แชวอนที่ถูกดวงตากลมใสนั้นจ้องมองก็เกิดอาการเขินอาย แต่เธอก็ไม่หลบสายตากลับมองตอบอย่างตั้งใจ
Oh her eyes, her eyes make the stars look like they're not shining.(ดวงตาของเธอทำให้ดวงดาวเหมือนไม่ทอแสง)
Her hair, her hair falls perfectly without her trying.(เส้นผมของเธอนั้นสลวยโดยที่เธอไม่ต้องจัดแต่ง)
She's so beautiful, and I tell her everyday.(เธอช่างงดงามและฉันบอกกับเธอทุกวัน)
Yeaaa. I know, I know when I compliment her she won't believe me.(ฉันรู้ว่าเธอคงไม่เชื่อเมื่อฉันชมเธอ)
And it's so, it's so sad to think that she don't see what i see.(มันช่างน่าเศร้าเมื่อคิดว่าเธอนั้นไม่เห็นอย่างที่ฉันเห็น)
But everytime she ask me 'Do I look okay?' I say.(แต่ทุกครั้งที่เธอถามว่า “ฉันดูโอเคไหม” ฉันตอบว่า)
When I see your face (face, face) there's not a thing that I would change.(เมื่อฉันเห็นหน้าเธอมัน ไม่มีสักสิ่งที่ฉันอยากจะเปลี่ยนแปลง)
Cause you're amazing just the way you are.(เพราะเธอนั้นช่างน่าอัศจรรย์ในแบบที่เธอเป็น)
And when you smile (smile, smile) the whole world stops and stares for a while. (และเมื่อเธอยิ้ม ทั้งโลกต่างหยุดและหันมามองชั่วขณะหนึ่ง)
Cause girl, you're amazing just the way you are.(เพราะเธอนั้นช่างน่าอัศจรรย์ในแบบที่เธอเป็น)
ฮโย จูที่เห็นท่าทางของทั้งสองก็รีบเขย่าร่างเพื่อนสาวและหันไปส่งตาเขียวใส่ ร่างเล็ก อัญชันจึงต้องหลบตามองไปทางอื่น ก่อนจะหันกลับไปมองสบตาร่างบางตามเดิม แชวอนเองแม้จะโดนเพื่อนตัวดีเบียดบังเส้นทางสายตา แต่เธอก็พยายามเบี่ยงตัวหลบจนสบตากับร่างเล็กจนได้ ส่วนจินโฮนั้นได้แต่นั่งนิ่งด้วยความเศร้าใจ ท่าทีของทั้งสองมันช่างเด่นชัด แต่ความรู้สึกที่มีต่อร่างเล็กมันก็ยังไม่จางหายไป เขาคงทำได้แค่เพียงรักเธอข้างเดียว เมื่อเพลงจบลงแชวอนอยากจะตบมือให้แต่ก็โดนฮโยจูรวบมือเอาไว้เสียก่อน
“นี่อย่านะ ไปตบให้ทำไม ร้องก็ห่วย” ฮโยจูว่า อัญชันจึงเดินเข้ามานั่งอย่างเจี๋ยมเจี้ยม
“งั้นเดี๋ยวฉันร้อง...” แชวอนเตรียมจะลุกร้องต่อแต่จินโฮกลับลุกพรวดขึ้นก่อน
“ผมขอร้องก็แล้วกัน” ร่างสูงเดินตรงไปกดเพลง Because I'm Stupid (acoustic version)ทันที
(คลิ๊กเปิดและปิดด้วยจ้า)
เขา ร้องมันด้วยเสียงที่เศร้าสร้อยและมองตรงมาที่อัญชัน แม้ร่างเล็กจะฟังไม่เข้าใจแต่ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่จินโฮส่งมา มันทำให้เธอรู้สึกลำบากใจจนต้องเบือนหน้าหนี ฮโยจูที่มองเหตุการณ์อยู่ก็ถึงกับควันออกหูแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองร่างเล็กด้วยความริษยา ผิดกับแชวอนที่มองทั้งสองอย่างหวาดหวั่นใจ ในช่วงสุดท้ายของเพลงเขายังเดินมาหาร่างเล็กพร้อมก้มมองเธออย่างเศร้า
นี กา นอ มู แซง กัก นา นึน นึล เลน(ในวันที่ฉันคิดถึงเธอมาก)
กา ซึม ซี ลี โก ซึล พึน นัล เล นึน(วันที่ฉันเศร้าและหัวใจสั่นสะท้าน)
นี กา โพ โก ซิพ ดา อิบ กา เอ แมม โดล ลา(คำว่าคิดถึงเธอยังคงติดอยู่ที่ปากของฉัน)
ฮน จา ดา ซี โต๊ะ crying for you(ฉันต้องร้องไห้เพื่อเธออีกครั้งเพียงลำพัง)
ฮน จา ดา ซี โต๊ะ missing for you(ฉันต้องคิดถึงเธออีกครั้งเพียงลำพัง)
Baby! I love you! I`m waiting for you! (ที่รัก! ฉันรักเธอและฉันกำลังรอเธออยู่)
“พอที!” ร่างโปร่งร้องขึ้นอย่างเหลืออด
“ฮโย จู” แชวอนต้องรีบเข้าไปห้ามไว้และปลอบเพื่อนสาวให้สงบลง ฮโยจูจึงยอมกลับมานั่งตามเดิม เมื่อทั้งสามได้ร้องไปแล้วก็ถึงคราวของร่างบาง เธอเดินฝ่าบรรยากาศมาคุออกไปยืนหน้าจอพร้อมกดเพลง If you love me
(คลิ๊กเปิดและปิดด้วยจ้า)
มัน เป็นเพลงที่ค่อนข้างเก่าทุกคนถึงกับขมวดคิ้วสงสัยเมื่อดนตรีขึ้นด้วยไม่รู้ ว่าเป็นเพลงอะไร แต่ก็มานึกออกเมื่อร่างบางเริ่มเปล่งเสียง เธอร้องด้วยเสียงหวานนุ่มและมองมาที่ร่างเล็ก อัญชันถึงกับตกตะลึงตาค้าง พร้อมนิ่งฟังทุกเนื้อร้องที่เธอเปล่งออกมา ท่อนฮุคนั้นทำให้ร่างเล็กเผยยิ้มออกมา ทั้งสองต่างสบตากันอย่างหวานซึ้ง ในขณะที่ฮโยจูส่ายหน้าอย่างระอา
Shall I catch a shooting star(จะให้ฉันไปเก็บดาวตกไหม)
Shall I bring it where you are(จะให้ฉันเอาไปให้เธอไหม)
If you want me to, I will(ถ้าเธอต้องการฉันจะทำ)
You can set me any task(เธอสั่งมาได้ทุกอย่าง)
I'll do anything you ask(ฉันจะทำทุกอย่างตามที่เธอขอ)
If you'll only say you love me still(ถ้าเธอเพียงแค่จะบอกว่ายังรักฉัน)
When at last our life on earth is through(ในท้ายที่สุดเมื่อชีวิตบนโลกของเราผันผ่าน)
I will share eternity with you(ฉันจะร่วมแบ่งปันชั่วนิรันดร์กับเธอ)
If you love me really love me(ถ้าเธอรักฉันรักฉันจริงๆ)
Let it happen I won't care(ให้มันเกิดขึ้นเถอะ ฉันไม่สนสิ่งใด)
If you love me really love me(ถ้าเธอรักฉันรักฉันจริงๆ)
Let it happen darling I won't care(ให้มันเกิดขึ้นเถอะที่รัก ฉันไม่สนสิ่งใด)
“ฮึ ยัยเพื่อนบ้า” ร่างโปร่งบ่นอุบอิบกับตัวเอง ส่วนจินโฮนั้นได้แต่เบือนหน้าหนีอย่างขุ่นใจ ทันทีที่เพลงจบร่างโปร่งก็ลุกพรวด
“พอ แล้ว ฉันเบื่อแล้ว กลับบ้าน!” ฮโยจูบอกก่อนจะเดินออกจากห้อง ให้ทั้งสามมองตามอย่างอ่อนใจ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนต้นคิดแถมยังซื้อชั่วโมงไปตั้งสามชั่วโมง แต่กลับเปลี่ยนใจเอาดื้อๆ ทริปนี้จึงต้องจบแบบกะทันหันตามใจคนเอาแต่ใจไปโดยปริยาย สามสาวจึงกลับถึงบ้านในเวลาบ่ายแก่ๆ เลยตัดสินใจเดินทางกลับโซลกันในวันนี้เสียเลยจะได้เหลือเวลาพักผ่อนต่อที่โซ ลอีกวันสองวันก่อนจะกลับไปทำงาน