วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Thunder and the wind: The After war 5


ตอนที่ 5 ดวลเดือด

ในที่สุดวันแห่งการประลองก็มาถึง ยุนบกและอินอุกต่างอยู่ในอาการสงบเหมือนดั่งพวกเขาเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับศึกครั้งนี้ ต่างจากจองฮยางและฮงโดทั้งสองนั้นมีอาการกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด

“ยูนเจ้าเปลี่ยนใจเถอะนะ ถือว่าข้าขอร้อง” ฮงโดเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาภายในห้องของยุนบก เขาถึงกับคุกเข่าลงต่อหน้าลูกศิษย์

“อาจารย์! ท่านอย่าทำแบบนี้เลยครับ ท่านก็รู้ว่าข้าตัดสินใจไปแล้ว มันไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้อีกแล้ว” ยุนบกรีบเข้าไปประคองอาจารย์ของตนหากแต่เขาไม่ยินยอม

“ได้ซิ ทำไมจะไม่ได้ แค่เจ้าไม่ไปประลองก็พอ เดี๋ยวข้าจะเป็นคนไปคุยกับคุณชายฮงให้เอง นะ?” ฮงโดกล่าวด้วยน้ำเสียงดีใจเพราะคิดว่ายุนบกยอมคล้อยตามแล้ว เมื่อยุนบกได้ยินที่อาจารย์พูดดังกล่าวก็ถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ

“ข้าขอโทษนะครับอาจารย์” ยุนบกกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากห้อง ฮงโดจึงรีบเข้าไปขวางประตูไว้ทันที

“ข้าไม่ให้เจ้าไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตของข้า ข้าก็จะไม่ยอมให้เจ้าไปเป็นอันขาด” ฮงโดประกาศกร้าว ยุนบกได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา

“อาจารย์ครับ ถ้าท่านตายแล้วข้าจะอยู่ยังไงละครับ ท่านอย่าพูดอะไรแบบนี้เลยนะครับ” ยุนบกกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มเพื่อระงับอารมณ์ของอาจารย์

“แล้วเจ้าคิดบ้างไหมว่าข้าจะอยู่ได้ยังไง หากว่าเจ้าตาย” ฮงโดกล่าว

“ข้าไม่ตายหรอกครับ นี่เป็นแค่การประลองธรรมดา ข้าไม่ได้จะไปออกรบเสียหน่อย อย่างมากก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อย” ยุนบกกล่าวบ่นขบขันที่อาจารย์ของตนคิดมากถึงเพียงนี้

“ที่ข้าหมายถึงตายนะ ไม่ใช่ชีวิตของเจ้าหรอก แต่หมายถึง....หัวใจของเจ้าต่างหาก เจ้ามั่นใจรึว่าเจ้าจะชนะ?” ฮงโดถามพลางมองหน้าศิษย์รักด้วยความเป็นห่วง หากแต่ยุนบกไม่ตอบอันใด ก่อนจะเดินผ่านร่างของฮงโดไป

“เจ้าจะชนะจริงๆรึ เจ้าจะชนะด้วยวิธีนี้ได้ยังงั้นหรือ? ยูน” ฮงโดกล่าวกับตัวเองพลางมองร่างศิษย์รักเดินจากไป

ขณะเดียวกันอินอุกกำลังเดินมายังลานประลอง ระหว่างทางเขาพบเข้ากับจองฮยางที่มายืนรอเขาอยู่นานแล้ว

“แม่นางจองฮยาง? เจ้ามาทำอะไรที่นี่รึ?” เขาถามขึ้น

“ได้โปรดเถอะค่ะ ได้โปรดยกเลิกการประลองนี้เถอะค่ะ” นางคุกเข่าลงอ้อนวอนเขาทันที อินอุกถึงกับตั้งตัวไม่ทัน

“แม่นางจองฮยาง! ลุกขึ้นเถอะ” เขารีบเข้าไปประคองนางทันทีหากแต่นางไม่ยอม

“ข้าจะไม่ลุกไปไหนทั้งนั้นหากท่านไม่ล้มเลิกการประลองนี้” นางกล่าวพร้อมจ้องมองเขาด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว อินอุกอึ้งไปชั่วขณะด้วยจนปัญญาที่จะต่อรองกับสตรีใจเพชรเยี่ยงนาง แต่ก่อนที่เขาจะได้ตัดสินใจอะไรยุนบกก็ปรากฏตัวขึ้นเสียก่อน เขามองภาพที่อินอุกเข้าไปแตะเนื้อต้องตัวจองฮยางด้วยสายตาเคืองขุ่น มันเรื่องอะไรกันที่นางยอมให้ชายอื่นทำลุ่มล่ามกับนางได้ ยิ่งคิดยุนบกก็ยิ่งอารมณ์คุกรุ่น

“หากข้าไปถึงลานประลองแล้วยังไม่เห็นเจ้าละก็ ข้าจะมาลากคอเจ้าไปด้วยตนเอง” ยุนบกกล่าวก่อนจะเดินตรงไปยังลานประลอง คำพูดของยุนบกสร้างความขุ่นใจให้อินอุกยิ่งนัก เขาจึงรีบเดินตามไปในทันที จองฮยางได้แต่มองทั้งสองเดินไปยังลานประลองด้วยความหวาดหวั่น

ณ ลานของร้าน เสน่ห์จันทราที่เคยมีโต๊ะเรียงราย บัดนี้ถูกจัดเตรียมให้เป็นลานประลองฝีมือเรียบร้อยแล้ว ชาวบ้านและเหล่าลูกน้องของฟ้าคำรามที่รู้เรื่องการประลองต่างมารอดูกันอย่างคับคั่ง

“เอาล่ะๆ ในเมื่อทั้งสองฝ่ายก็มากันพร้อมแล้ว ข้าในฐานะผู้ตัดสิน ก็จะขอบอกกฎกติกาละนะ ให้พวกเจ้าทั้งสองสู้กันจนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถสู้ต่อไปได้อีกหรือยอมแพ้เองโดยสมัครใจ ห้ามมิให้ผู้ใดเข้ามายุ่งกับการประลองนี้เป็นอันขาด หากมีผู้ใดคิดที่จะขัดขวางหรือช่วยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ข้าคนนี้จะเป็นคู่มือให้กับมันเอง เอาล่ะ.........เริ่มได้!” สิ้นเสียงของฟ้าคำรามยุนบกและอินอุกต่างก็เดินเข้ามาในวงล้อมของการประลอง ทั้งสองต่างมองกันด้วยสายตามุ่งมั่นในมือนั้นถือกระบองเป็นอาวุธ ก่อนที่อินอุกจะเป็นฝ่ายเข้าโจมตีก่อน เขาสาวเท้าเข้าหายุนบกอย่างเร็วพร้อมๆกับฟาดกระบองใส่ศีรษะยุนบกเต็มแรง หากแต่ยุนบกมองการเคลื่อนไหวของเขาออกจึงใช้กระบองของตนป้องกันการจู่โจมนั้นได้ และสวนกลับด้วยการถีบเข้ากลางท้องของอินอุก เขาถึงกับถอยกรูและยืนตัวง้อด้วยความจุก ยุนบกเห็นเป็นโอกาสจึงเข้าโจมตีต่อ อินอุกที่ไม่ได้ตั้งตัวรีบยกกระบองของตนป้องกันแต่ก็ช้าเกินไปจึงทำให้ตัวเองล้มลงตามแรงกระบองของยุนบก ร่างอินอุกนอนแอ่งแม้งอยู่กลางลาน ยุนบกก้มมองร่างนั้นด้วยสายตาเย็นชาเหมือนเป็นการเย้ยหยั้น นั่นทำให้อินอุกเลือดขึ้นหน้าเขารีบลุกขึ้นและเข้ามาฟาดกระบองใส่ยุนบกไม่ยั้งหากแต่มันไม่เป็นผล ยุนบกรับการจู่โจมของเขาได้อย่างสบาย ยิ่งทำให้อินอุกโมโหเข้าไปใหญ่ เขาจึงระดมฟาดเข้าไปเต็มแรงจนตนเองเหนื่อยหอบ เขาจึงหยุดยืนหอบด้วยท่าทางอิดโรยเพราะตนไม่เคยต่อสู้หรือต้องตกระกำลำบากมาก่อน การต้องใช้แรงมากเช่นนี้จึงทำให้คุณชายอย่างเขาแทบยืนไม่อยู่ ยุนบกมองท่าทางนั้นของคู่ต่อสู้ก่อนจะเผยยิ้มที่มุมปาก อินอุกเห็นดังนั้นก็ยิ่งเดือดดาลเขาหมายจะเข้าโจมตี แต่ยุนบกที่ไวกว่ากลับฟาดกระบองใส่ท้องเขาเต็มแรง อินอุกถึงกับตัวงอก่อนจะโดนยุนบกฟาดกระบองใส่ศีรษะอีกที ร่างอินอุกล้มทั้งยืน เลือดแดงฉานไหลออกกมาตามรอยแผลบนศีรษะ สติของอินอุกเริ่มลางเลือนหากแต่เจ้าตัวก็ยังฝืนลุกขึ้น ยุนบกจึงตัดสินใจจะจบการประลองนี้ด้วยไม้สุดท้าย เขาตั้งใจจะฟาดใส่ศีรษะอินอุกอีกครั้ง

“หยุดนะ!” เสียงจองฮยางดังขึ้น ยุนบกจึงหยุดชะงักทันทีที่ได้ยิน

“ได้โปรดเถอะช่างเขียน พอแล้ว พอแล้ว” จองฮยางวิงวอน ยุนบกกัดกรามแน่น น้ำเสียงที่สื่อความห่วงใยนั้นทำให้ยุนบกแทบคลั่ง หากแต่มันคือคำขอจากคนที่เขารัก เขาจึงไม่มีทางเลือก ยุนบกตัดสินใจหันหลังและจะเดินจากไป

“เจ้าไม่มีวันชนะข้าได้” อินอุกเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา แต่มันดังพอที่ยุนบกจะได้ยินนั่นทำให้เขาระงับอารมณ์ไม่อยู่ จึงหันกลับไปและฟาดกระบองใส่ร่างอินอุกล้มลงไปทันที จองฮยางมองภาพนั้นด้วยความคาดไม่ถึง ก่อนที่ยุนบกจะซ้ำเข้าไปอีกทีฟ้าคำรามก็เข้ามาขว้าข้อมือเขาไว้เสียก่อน

“เจ้าชนะแล้ว ยุนบก” ฟ้าคำรามเอ่ย ในขณะที่จองฮยางวิ่งเข้ามาหาร่างของอินอุก นางประคองร่างไร้สติของเขาด้วยความเป็นห่วง ยุนบกมองภาพนั้นอย่างเจ็บช้ำ นี่เขาชนะไม่ใช่หรือ? ทำไมผลมันถึงเป็นแบบนี้? จองฮยางหันมามองเขาด้วยสายตาผิดหวังและตำหนิ ยุนบกถึงกับเบือนหน้าหนี เขาปล่อยกระบองในมือลงก่อนจะเดินจากไปดั่งผู้ปราชัย

“โฮ่...ได้มาเจอเรื่องน่าสนใจเสียแล้วซิ เจ้าฟ้าคำรามนี่ไม่เคยเปลี่ยนเลย เป็นจุดศูนย์กลางของเรื่องวุ่นๆได้เสมอ ว่าแต่จะไม่เข้าไปเขาหน่อยหรือ?” ชายท่าทางภูมิฐานผู้หนึ่งเอ่ยถามขึ้นกับชายอีกคนที่มาพร้อมตน

“ข้าว่าเรารีบออกไปจากที่นี่ดีกว่าครับ หากมีใครจำเราได้มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่” ชายอีกคนซึ่งเป็นผู้ติดตามตอบด้วยความอ่อนน้อม

“นั่นซินะ น่าเสียดาย รอข้าหน่อยนะฟ้าคำราม คราวหน้าเราจะได้ตัดสินกันเสียที” ชายท่าทางภูมิฐานกล่าวอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินจากไป โดยมีสายตาของผู้ติดตามมองไปยังร่างไร้สติของอินอุกด้วยความเป็นห่วง

หลายวันผ่านไปจองฮยางเฝ้าดูแลอินอุกจนอาการดีขึ้นตามลำดับ โดยมีสายตาปวดร้าวของยุนบกเฝ้ามองอยู่ห่างๆ นับแต่วันนั้นจองฮยางก็ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา นางเฉยชาและหลีกเลี่ยงเขาอยู่เสมอ แม้ต้องพบกันโดยบังเอิญนางก็จะเมินหน้าหนีและรีบเดินจากไป ทุกการกระทำที่นางปฏิบัติต่อเขาทำให้หัวใจของเขายิ่งเจ็บช้ำ

“อาจารย์ ข้าควรจะทำอย่างไรดี ข้า...ข้าเจ็บเหลือเกิน” ยุนบกกล่าวอย่างเจ็บปวดด้วยใบหน้านองน้ำตา ฮงโดมองท่าทางทุกข์ทรมานของศิษย์รักแล้วก็รู้สึกปวดร้าวไม่แพ้กัน หากแต่เขาคงทำได้เพียงปลอมประโลมด้วยอ้อมกอดนี้เท่านั้น เขาจึงเข้าไปกอดยุนบกไว้

“เด็กโง่ ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้านี่มันโง่จริงๆ” เขากล่าวและลูบศีรษะลูกศิษย์ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่เขาจะทำอย่างไรดี เขาจะช่วยคนที่เป็นดั่งสิ่งล้ำค่าในชีวิตเขาอย่างไรดี ภาพศิษย์และอาจารย์ที่กำลังกอดกันกลมนั้นถูกจับจ้องโดยสายตาสตรีนางหนึ่ง หากเป็นแต่ก่อนนางคงได้ปล่อยโฮไปแล้ว แต่บัดนี้หัวใจของนางมันได้เปลี่ยนจากก้อนเนื้อเป็นก้อนหินไปเสียแล้ว ภาพบาดตาจึงไม่สามารถทำร้ายหัวใจนางได้อีก รวมถึงเขาคนนั้น คนที่นางเคยรักจนหมดใจ

“พอกันที” เสียงนี้ดังก้องอยู่ในใจนาง ก่อนที่นางจะเดินจากไปอย่างสงบ

เช้าวันต่อมาฮงโดตรงไปหาอินอุกแต่เช้าถึงในห้อง

“โอ้ท่านทันวอน ขอบคุณครับที่มาเยี่ยมข้า” อินอุกกล่าวขอบคุณด้วยความนอบน้อม

“ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่าน” ฮงโดไม่รอช้ารีบพูดเข้าประเด็น

“.....เรื่องอะไรรึครับ?” อินอุกถามด้วยความสงสัย

“การที่ข้ามาที่มาโปนี้นั้น จริงอยู่ว่ามาตามรับสั่งของฝ่าบาทเพื่อจับกุมขุนนางชั่ว หากแต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ข้าได้รับมอบหมายมา นั่นก็คือ การพาท่านกลับฮันฮยาง และข้าคิดว่ามันถึงเวลาแล้ว” ฮงโดกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง อินอุกที่ได้ยินก็ถึงกับทำหน้าเครียด

“ก็แค่นี้ละ ข้าขอตัวก่อนละนะ” ฮงโดกล่าวก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากห้อง

“ข้า......ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” อินอุกเอ่ยขึ้น ทำให้ฮงโดหยุดฝีเท้าและหันกลับมามองเขา

“ท่านแน่ใจหรือว่าจะยอมทิ้งอนาคตและความสุขสบายเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว” ฮงโดกล่าวพร้อมรอยยิ้มเยาะก่อนจะเดินจากไป เหลือเพียงอินอุกที่เฝ้าครุ่นคิดถึงคำพูดที่ฮงโดทิ้งเอาไว้ แน่นอนเขาไม่พร้อมที่จะทิ้งอนาคตอันสดใสของเขา ซึ่งคนอย่างเขาสามารถเป็นได้ถึงช่างเขียนหลวง และความสุขสบายที่เขาเคยชิน เช่นนั้นแล้วเขาควรจะทำอย่างไรดี เพราะเขาเองก็ไม่สามารถทิ้งผู้หญิงที่เขารักได้เช่นกัน

คืนวันนั้นขณะที่ทุกคนกำลังทานอาหารร่วมกันอยู่ อินอุกซึ่งน่าจะนอนพักอยู่ที่ห้องของตนก็ปรากฏตัวขึ้น

“คุณชายฮง ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร? ท่านต้องการสิ่งใดหรือค่ะ?” จองฮยางกล่าวด้วยความตกใจก่อนจะรีบเข้าไปประคองร่างอินอุกให้นั่งลงช้าๆ

“แม่นางจองฮยาง ได้โปรดแต่งงานกับข้าเถอะ ข้าสัญญาข้าจะดูแลท่านอย่างดี ได้โปรดกลับไปฮันฮยางกับข้าเถอะ” อินอุกเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทุกคนที่ได้ยินต่างตกอยู่ในอาการอึ้งกิมกี่ รวมถึงตัวจองฮยางเองด้วย นางตั้งตัวแทบไม่ทันได้แต่นิ่งงันไป

“เจ้าไม่ต้องตอบข้าตอนนี้หรอก ข้ารอได้ เอาล่ะพวกท่านทานกันต่อเถอะนะ ข้าขอตัวละ” อินอุกกล่าวก่อนจะลุกขึ้นโดยมีจองฮยางช่วยพยุง

“ไม่เป็นไรข้ากลับเองได้ เจ้าทานต่อเถอะ” อินอุกบอกนางก่อนจะเดินจากไป ทุกคนในวงอาหารต่างยังตกอยู่ในอาการอึ้ง ก่อนที่ยุนบกจะลุกขึ้นพรวดพราดและวิ่งออกจากห้องไป เขารีบวิ่งตรงไปยังร่างของอินอุก เมื่อเห็นอีกฝ่ายเขาก็เข้าไปขวางทันที

“เจ้าคนสับปลับ ไหนเจ้าว่าคนแพ้ต้องปล่อยมือจากนางยังไงละ” ยุนบกเอ่ยขึ้นอย่างเอาเรื่อง

“ถูกต้อง” อินอุกตอบหน้าตาย

“เจ้า! ก็ในเมื่อข้าเป็นฝ่ายชนะ เจ้าก็ต้องปล่อยมือจากนางซิ” ยุนบกรู้สึกฉุนเฉียวกับท่าทางของอีกคนยิ่งนัก

“ฮึ...เจ้าชนะแล้วยังไงละ ในเมื่อตอนนี้นางไม่แม้แต่จะมองหน้าเจ้าด้วยซ้ำ” อินอุกพูดยิ้มเยาะ

“นี่เจ้า! นี่เป็นแผนการของเจ้าใช่ไหม เจ้านี่มันขี้โกงที่สุด เจ้าคนทุเรศ!” ยุนบกด่าด้วยความเหลืออด

“ขี้โกงหรอ....ไม่มีคำว่าขี้โกงในการศึกและความรักหรอกนะ เพราะมีเพียงผู้ชนะเท่านั้นที่จะได้ทุกอย่าง ส่วนผู้แพ้ก็เป็นได้แค่....ไอ้หน้าโง่!” อินอุกพูดเยาะเย้ยด้วยใบหน้าสะใจ

“เจ้า!” ยุนบกเหลืออดจึงหมายจะเข้าไปทำร้ายอินอุก

“หยุดนะ!” เสียงจองฮยางร้องห้ามขึ้น

“ช่างเขียน ท่านเลิกทำนิสัยอันธพาลแบบนี้เสียทีเถอะ.........คุณชายฮงท่านไม่เป็นอะไรนะค่ะ มาค่ะข้าจะพาท่านไปส่งที่ห้อง” นางกล่าวตำหนิยุนบกก่อนจะช่วยประคองร่างอินอุกเดินไป โดยอินอุกยังแอบหันมายิ้มเยาะใส่ยุนบกก่อนจาก ทำให้เขาแทบอยากจะเข้าไปฆ่าอินอุกให้รู้แล้วรู้รอด หากแต่ก็เกรงว่าจะทำให้จองฮยางเกลียดเขาไปมากกว่านี้

ยุนบกยืนรอจองฮยางอยู่ตรงทางเดินอยู่นานกว่าที่ร่างบางของนางจะปรากฏ เขาจึงทำใจกล้าเดินเข้าไปหานาง หากแต่นางกลับแสดงอาการไม่ยินดีอย่างเห็นได้ชัด

“ท่านต้องการอะไร?” นางกล่าวเสียงเข้ม จนเขาแทบอยากจะถอดใจ

“เจ้า...เจ้าจะไปฮันฮยางจริงรึ?” ยุนบกกลั้นใจถามออกไป

“ข้าไม่จำเป็นต้องตอบท่าน” นางตอบตัดรอนก่อนจะรีบเดินหนี แต่ยุนบกรั้งข้อมือนางไว้ไม่ให้เดินหนีไปได้

“นี่ปล่อยข้านะ ท่านจะใช้กำลังกับข้าด้วยอย่างงั้นหรือ?” นางถามขึ้น ยุนบกแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองที่ได้ยิน

“ข้า....ข้าไม่เคยคิดจะทำเช่นนั้น เจ้าน่าจะรู้ดีที่สุดว่าข้าเป็นคนยังไง” ยุนบกตอบเสียงสั่น

“ตอนนี้ข้าไม่รู้อะไรอีกแล้ว เพราะท่าน...ไม่ใช่ช่างเขียนของข้าอีกต่อไปแล้ว” นางตอบ นั่นทำให้ยุนบกกระจ่างแก่ใจว่านางหมดรักในตัวเขาแล้ว

“อย่างงั้นรึ” เขาตอบอย่างเข้าใจ หากแต่กลับบีบข้อมือนางแรงขึ้นเสียจนร่างบางร้องออกมาด้วยความเจ็บ

“แต่ต่อให้เจ้าเกลียดข้า ข้าก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าไปให้ใครเป็นอันขาด” ยุนบกกล่าวกร้าวพร้อมน้ำใสที่คลออยู่ในดวงตาแดงฉาน ภาพนั้นสะเทือนใจนางยิ่งนัก หากแต่ด้วยท่าทางขึงขังของเขาทำให้นางกลัว นางจึงพยายามชักข้อมือกลับก่อนจะรีบเดินหนีไปทันที เหลือเพียงยุนบกที่ยืนร้องไห้ด้วยความเจ็บช้ำ


วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

The Fan Club ตอนพิเศษ

รสรัก (BitterSweet)

เช้าอันสดใสของวันที่ 13 แห่งเดือนกุมภาพันธ์ มันช่างเป็นวันที่ไม่อยากจะลุกออกจากที่นอนเลย ร่างบางจึงยังคงนอนเกลือกกลิ้งบนที่นอนนุ่มของตัวเองอยู่อย่างนั้น ก่อนจะแว่วเสียงฝีเท้ามาแต่ไกลและตามมาด้วยร่างโปร่งของใครบางคนที่กระโดดทับร่างบางของเธอ

“ตื่นได้แล้วจะเจ้าหญิงนิทรา เราต้องไปช้อปปิ้งกันด่วน!” เสียงของผู้บุกลุกกล่าวกับหญิงสาวใต้ร่างที่ตอนนี้อยู่ในอาการจุก

“นี่ฮโยจู ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เคาะประตูนะ” ร่างบางกล่าวอย่างเอือมระอาเคล้าอารมณ์หงุดหงิดที่โดนเพื่อนตัวดีทำลายการนอนอันแสนสบายของเธอ

“เอาน่าๆ รีบๆลุกเลย ไปแต่งตัวและออกไปช้อปปิ้งกัน เร็ว!” ร่างโปร่งไม่ใส่ใจที่อีกคนพูดนัก หากแต่กลับดึงรั้งร่างบางให้ลุกจากที่นอน

“จะรีบไปไหนเนี่ย วันหยุดแท้ๆ จะออกไปไหนอีก” ร่างบางโอดครวญ

“ก็ออกไปซื้อเจ้านี่นะซิ” ร่างโปร่งโชว์นิตยสารที่ตัวเองเพิ่งอ่านเจอคอลัมน์วิธีทำช็อคโกแลตโฮมเมดแบบง่ายๆและแสนอร่อย แหกแต่ร่างบางทำหน้างงทันทีที่เห็น

“เอาล่ะตอนนี้ไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนเร็ว!” ร่างโปร่งไม่ยอมเสียเวลาอธิบาย เธอฉุดร่างบางให้ลุกและดันเข้าห้องน้ำไปทันที

ไม่นานนักสองสาวก็มาอยู่ในร้านขายวัตถุดิบเบเกอรี่ที่ร่างโปร่งหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตมาอย่างดีว่าขายแต่วัตถุดิบชั้นเลิศที่นำเข้าจากต่างประเทศแต่ราคาไม่แพงมากจนเกินไป

“นี่เธออยากกินช็อคโกแลตมากหรอฮโยจู ทำไมไม่ไปซื้อกินเอาละ ง่ายกว่าตั้งเยอะ” ร่างบางเอ่ยขึ้นขณะเดินตามร่างโปร่งเลือกหาวัตถุดิบ

“จะบ้าหรอ ใครว่าฉันจะทำไปกินเองละ นี่เธอจำไม่ได้แล้วหรอว่าพรุ่งนี้วันอะไร?” ร่างโปร่งตอบกลับแถมทิ้งคำถามให้อีกคนได้คิด

“พรุ่งนี้หรอ? วันที่14 กุมภา วัน.........วันวาเลนไทน์!” ร่างบางถึงกับตอบด้วยเสียงสูงเมื่อนึกออก นี่เธอลืมวันสำคัญของสาวๆแบบนี้ไปได้ยังไง คงเพราะเธอทำงานหนักมากไป

“ถูกต้องนะครับ เพราะงั้นฉันเลยจะแสดงฝีมือทำช็อคโกแลตเลิฟไปให้พี่จินโฮพรุ่งนี้นะซิ” ร่างโปร่งอธิบาย เพื่อนสาวถึงกับทำหน้าเอือมผสมเลี่ยนกับคำพูดของเธอ

“แล้วพี่เขาจะรับเหรอ?” ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย ร่างโปร่งถึงกับหันขวับกลับมาหาเพื่อนสาวทันที

“นี่เธอ! เธอเป็นเพื่อนฉันจริงๆหรือเปล่าเนี่ย?” ร่างโปร่งถามกัดฟัน

“ฉันล้อเล่น ไหนๆ จะเอาอะไรเดี๋ยวฉันช่วยหยิบ” ร่างบางรับรู้ถึงภัยจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

ขณะเดียวกัน ณ บ้านพักของอัญชัญ เธอนั่งถอนหายใจทิ้งอยู่หน้าประตูบ้านมานานสองนานแล้ว เอื้อเฟื้อที่เดินไปเดินมาวุ่นวายกับการเตรียมตัวออกเดทในวันพรุ่งนี้กับแฟนสาว ลี ฮยอนคยอง ก็สังเกตได้จึงเอ่ยถามขึ้น

“นี่แกเป็นอะไรของแก? นั่งบื้ออยู่ได้ตั้งแต่เช้าแล้ว” เอื้อเฟื้อถามด้วยความรำคาญ

“ฉันเซ็ง....พรุ่งนี้ก็วันวาเลนไทน์อีกละ น่าเบื่อ........” เธอตอบอย่างซังกะตายราวกับคนเป็นโรคร้ายระยะสุดท้ายที่รอวาระสิ้นลม หากแต่นั่นเป็นอาการวาเลนไทน์เอฟเฟ็คที่มักจะเกิดขึ้นกับคนโสดทั่วไป อาจจะมากหรือน้อยก็แล้วแต่ภูมิคุ้มกันของแต่ละคน

“อะไรกันว่ะ แกก็มีคุณจินโฮทั้งคนจะมานั่งเศร้า เหงา โสดทำไม” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นพลางเข้ามานั่งข้างๆร่างเล็ก

“หา? ไอ้บ้า! พูดบ้าไรของแก ฉันกับคุณจินโฮเป็นแค่ลูกน้องกับเจ้านายเท่านั้น” ร่างเล็กรีบตอบกลับทันควัน

“เอาน่าๆ จะลูกน้องหรือคนรักมันก็ไม่เกี่ยวหรอก แค่ช็อคโกแลตตามธรรมเนียมมันก็ควรจะให้นะ” เอื้อเฟื้อรีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“อืม.....นั่นสิ เฮ้อเปลืองตังค์อีกแล้วเรา” ร่างเล็กเห็นด้วยหากแต่ก็รู้สึกอ่อนใจไปพร้อมๆกันที่ต้องควักกระเป๋าซึ่งมีเงินอยู่น้อยนิดอีกแล้ว

“งั้นออกไปซื้อของกันเถอะ ฉันเองก็จะไปสั่งดอกไม้ไว้ให้คุณลีเขาเหมือนกัน” เอื้อเฟื้อกล่าวชวนแข็งขันร่างเล็กจึงพยักหน้าเออออ ก่อนจะนึกบางสิ่งที่ทำให้หัวใจลิงโลด

“วาเลนไทน์แบบนี้เราน่าจะซื้อของขวัญให้คุณแชวอนนะ.........ว่าแต่จะซื้ออะไรล่ะ แล้วให้ยังไง ให้ในนามใคร อัญชันหรือเท็ดดี้ เท็ดดี้หรืออัญชัน เอ๊ะหรือจะไม่ให้ ไม่ดีมั้ง ให้นะดีแล้ว แต่จะทำยังไงดีเนี่ย?!” อัญชันคิดสับสนอยู่ในหัวพลางขยี้ผมของตัวเองจนยุ่งเหยิงให้เอื้อเฟื้อมองด้วยความแปลกใจ

“ทำอะไรของแกนะ? จะไปไหม เร็วๆ” เอื้อเฟื้อใช้เสียงเข้มเร่งเพื่อน เธอจึงรู้สึกตัวและรีบวิ่งตามเพื่อนไปทันที

หลังช้อปกันจนสะใจสองสาวก็กลับมายังคอนโดของแชวอน ทั้งที่ปากก็บอกว่าจะทำให้จินโฮเพียงคนเดียวแต่ร่างโปร่งกลับซื้อมาเหมือนจะทำให้คนทั้งบริษัท

“นี่เธอไม่คิดว่าซื้อเยอะไปหน่อยหรอฮโยจู?” ร่างบางถามเสียงหอบหลังจากวางถุงวัตถุดิบที่แบกขึ้นมาบนห้อง

“ไม่นะ ก็เอามาเผื่อๆนะ” ร่างโปร่งตอบ

“เผื่อ? เผื่อใครหรอ?” ร่างบางจึงถามด้วยความสงสัย

“เผื่อทำพลาดจ๊ะ และก็เผื่อเธอด้วยไง” ร่างโปร่งตอบพร้อมกับหันหน้าจิ้มลิ้มไปทางเพื่อนสาว

“ฉันหรอ เธอจะทำให้ฉันหรอ?” ร่างโปร่งยิ่งคาดไม่ถึงเข้าไปใหญ่

“โธ่คนสวย ฉันหมายถึงเอามาเผื่อให้เธอทำไปให้คนที่เธออยากให้ช็อคโกแลตกับเขายังไงละจ๊ะ” ร่างโปร่งอธิบายพลางเข้ามาหยิกแก้มนวลของร่างบางด้วยความเอ็นดู

“คนที่ฉันอยากให้หรอ?” ร่างบางเอ่ยขึ้นกับตัวเองอย่างหนักใจ เพราะภายในใจกลับมีสองชื่อที่เป็นคำตอบ แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงดีละ

ขณะเดียวกันร่างเล็กที่ตอนนี้อยู่ในร้านของขวัญกำลังเกาศีรษะด้วยความมึนงงสับสนไม่รู้จะเลือกอะไรดี เพราะยังไม่รู้เลยว่าจะให้อีกฝ่ายในนามของใคร

“ชัน แกเลือกได้ยัง ทำไมเลือกนานจัง ถ้าเป็นของคุณจินโฮฉันว่าน่าจะเลือกอะไรที่มันสีไม่ฉูดฉาดนะ แล้วก็เอาที่มันน่าจะใช้งานได้” เอื้อเฟื้อเดินเข้ามาหาร่างเล็กพร้อมให้คำแนะนำ

“อ้อของคุณจินโฮนะฉันเลือกได้ตั้งนานละ นี่ไง” อัญชันโชว์ถุงที่ใส่ช็อคโกแลตกล่องเล็กๆอยู่เป็นจำนวนมากขึ้นให้เพื่อนดู

“นี่แกจะให้เขาหมดนี่หรอ?” เอื้อเฟื้อเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“เปล่า ก็กล่องหนึ่งอ่ะ ที่เหลือก็ให้คนที่บริษัทคนอื่นๆที่ฉันรู้จัก” ร่างเล็กตอบหน้าตาย

“นี่แกจะให้ช็อคโกแลตราคาหกร้อยวอนกับเขาอย่างงั้นหรอ?” เอื้อเฟื้อถามอย่างคาดไม่ถึง หากแต่อีกคนกลับแค่พยักหน้าตอบ ทำให้เขาแทบอยากจะเป็นลม นี่เขาคงหมดหวังจริงๆเสียแล้วที่จะเชียร์จินโฮให้กับเพื่อนสาว

เวลาผ่านไปจนค่ำมืดสองสาวก็ยังไม่วางมือจากการทำช็อคโกแลต ร่างโปร่งขะมักเขม้นมากกับการทำในครั้งนี้ แม้เธอจะทำเสียมาหลายอันแล้วแต่ก็ไม่ยอมถอดใจ

“สาธุๆ ครั้งนี้ขอให้ได้ทีเถอะ” ร่างโปร่งทำท่าบนบานศาลกล่าวต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนจะได้ยินเสียงบอกเวลาอบของเตาอบ เธอจึงเปิดมันออกมาและลุ้นดูผลงานของตน

“ในที่สุด....ฉันก็ทำสำเร็จ!” ร่างโปร่งกล่าวด้วยความปลาบปลื้มใจหลังจากตรากตรำทำมาเป็นเวลานานตั้งแต่บ่าย

“ว้าว! สวยจังเลยฮโยจู น่ากินที่สุดเลย” ร่างบางเอ่ยขึ้นหลังจากที่เห็นผลงานของเพื่อน

“แน่นอน สำหรับพี่จินโฮแล้วต้องดีที่สุด” ร่างโปร่งกล่าวเชิดคอระหงส์ ให้เพื่อนสาวส่ายหน้าด้วยความระอา

“ว่าแต่ของเธอเถอะ เป็นยังไงบ้างละ? ฉันเห็นเธอก็ทำด้วยนี่” ร่างโปร่งถามขึ้นหลังนึกขึ้นได้ว่าอีกคนก็ง่วนทำกับเธอมาเป็นเวลานาน

“เอ๋? ของฉันหรอ?......มันเสียนะ ฉันเลยทิ้งไปแล้วล่ะ” ร่างบางตอบ หากแต่ที่จริงนั้นเธอจัดการใส่กล่องเก็บไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ไม่กล้าบอกเพื่อนสาวเพราะคนที่เธออยากให้ทั้งคู่นั้นไม่เป็นที่ถูกใจของเพื่อนเธอสักเท่าไหร่

ฝั่งร่างเล็กที่ยังทำหน้ากังวลใจอยู่แม้จะตัดสินใจซื้อของขวัญที่จะมอบให้ดาราสาวมาแล้ว เธอยังคงจ้องมองมันด้วยความกลัดกลุ้ม

“แกจะมองให้ได้อะไร ซื้อมาแล้วก็ให้เขาไป จะอะไรกันนักหนา” เอื้อเฟื้อบ่นอุบที่เพื่อนตัวดีมีอาการกังวลไม่เลิก

“เรื่องนั้นฉันรู้ แต่จะให้ในนามใครนี่ซิ ฉันไม่มั่นใจเลย” อัญชันตอบเสียงอ่อยพลางถอนหายใจยืดยาว

“แล้วไมไม่ชื้อมาสองอันว่ะ?” เอื้อเฟื้อเอ่ยขึ้นให้ร่างเล็กนึกได้

“เออ นั่นดิ....ไม่ทันแล้วละ ให้ตายเถอะทำไมเรื่องแค่นี้ฉันถึงคิดไม่ออกนะ” อัญชันโอดครวญกับตัวเองพลางเอามือกุมขมับ

“เอาน่า ซื้อมาแล้วนี่ ถ้าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะให้ในนามใคร งั้นก็ให้คุณจินโฮแทนเป็นไง” เอื้อเฟื้อกล่าวทีเล่นทีจริง

“บ้าหรอ ของเนี่ยต้องให้คุณแชวอนคนเดียวเท่านั้น” ร่างเล็กไม่เออออ หากแต่ตอบกลับไปหนักแน่นจนอีกคนหมดอารมณ์ยุจึงเดินหนีเข้าห้องตัวเองไป

เช้าวันวาเลนไทน์ที่แสนหวาน เหมือนดั่งได้กลิ่นความสุขล่องลอยมาตามสายลม ร่างเล็กสัมผัสได้ถึงความรักของผู้คนมากมายที่มีต่อกัน ตลอดการเดินทางไปทำงานเธอจะเห็นดอกกุหลาบอยู่เสมอ บ้างก็วางขายบ้างก็อยู่ในมือของใครบางคนที่มีรอยยิ้มเปื้อนอยู่เต็มหน้า เธอปฏิเสธไม่ได้ว่าไม่รู้สึกอิจฉา แต่นอกจากความรู้สึกนั้นแล้วในใจก็รู้สึกยินดีไปกับคนเหล่านั้นด้วย ความรักนี่มันช่างแปลกสามารถทำให้ความรู้สึกในแง่ลบเปลี่ยนเป็นบวกได้

ไม่นานร่างเล็กก็มาถึงบริษัทสตาร์เคย์ที่ทำงานของตน เธอตรงเข้าไปทักทายเพื่อนร่วมงานอย่างแข็งขัน ทุกคนต่างหยิบยื่นของขวัญวันวาเลนไทน์ที่นำมาให้กันตามธรรมเนียม เช่นเดียวกับอัญชัน

“แฮ๊ปปี้วาเลนไทน์ครับ” เสียงนุ่มของชายหนุ่มร่างสูงดังขึ้น

“อ้าวคุณจินโฮ แฮ๊ปปี้วาเลนไทน์ค่ะ นี่ค่ะของขวัญ” ร่างเล็กกล่าวทักทายตอบพร้อมยื่นกล่องช็อคโกแลตที่เธอเพิ่งแจกจ่ายเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆให้กับจินโฮ ภาพที่ร่างสูงรับกล่องช็อคโกแลตน้อยๆจากมือของอัญชันนั้นบาดตาผู้ที่กำลังเดินเข้ามาเป็นที่สุด ทั้งที่เธอพยายามทำช็อคโกแลตมาเป็นพิเศษสำหรับเขาโดยเฉพาะ แต่อีกคนกลับไปทำหน้าระรื่นรับของจากสาวอื่นตำตา แบบนี้ร่างโปร่งคงทนเฉยอยู่ไม่ได้แล้ว เธอตรงเข้าไปกระชากกล่องช็อคโกแลตนั้นมาทันที

“ฮโยจู ทำอะไรนะ?” จินโฮกล่าวเสียงเข้ม

“ของกระจอกๆแบบนี้เธอกล้าเอามาให้พี่จินโฮด้วยหรอ น่าทุเรศที่สุด” ร่างโปร่งโพล่งใส่อัญชัน ร่างเล็กที่ได้ยินถึงกับหน้าซีดถอดสี เพราะมันก็เป็นความจริงดั่งที่ร่างโปร่งกล่าวที่ของของเธอนั้นกระจอกจริงๆ

“มันจะกระจอกหรือไม่ก็ไม่สำคัญหรอก แต่มันเป็นของที่พี่ยินดีรับ” จินโฮสวนกลับร่างโปร่งพร้อมแย่งกล่องช็อคโกแลตคืนมา ฮโยจูถึงกับเดือดดาลในทันที

“งั้นไอ้นี่ก็ไม่ต้องเอามันแล้ว!” เธอขว้างกล่องช็อคโกแลตของตนที่ห่อมาอย่างดีใส่ร่างสูงเข้าเต็มแรง ก่อนจะเดินจ้ำๆหนีไปด้วยความโกรธเคือง ร่างสูงมองกล่องช็อคโกแลตที่กองอยู่กับพื้นนั้นก่อนจะก้มลงไปหยิบมันขึ้นมา

“เธอตั้งใจทำมากเลยนะค่ะ ง่วนทำจนดึกจนดื่น” แชวอนเอ่ยขึ้นเสียงเศร้า คำบอกเหล่าของร่างบางทำให้จินโฮรู้สึกว่าตนได้ทำอะไรบางอย่างที่ไม่ดีออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจเสียแล้ว

“ผมขอตัวก่อนนะครับคุณอัญชัน แชวอน” ร่างสูงกล่าวลาหญิงสาวทั้งสองก่อนจะรีบวิ่งตามร่างโปร่งไป เหลือเพียงสองสาวที่มองตามไปอย่างลุ้นระทึก ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้

“แฮ๊ปปี้วาเลนไทน์ค่ะ

“แฮ๊ปปี้วาเลนไทน์ค่ะ

สองสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกันจึงทำให้ต่างฝ่ายต่างรู้สึกตกใจ ก่อนจะหัวเราะให้กันคิกคัก

“เอ่อคือ....” อัญชันพยายามที่จะกล่าวอะไรบางอย่าง หากแต่โดนคุณจางขัดจังหวะเสียก่อน

“แชวอนๆ มาดูเร็วมีของขวัญส่งมาจากแฟนๆเยอะเลยจ๊ะ” คุณจางเดินมาเรียกดาราสาวเพื่อให้เข้าไปดูของขวัญมากมายจากแฟนคลับของเธอที่ส่งมาในเทศกาลแห่งความรักนี้ ร่างบางจึงเดินไปตามที่ผู้จัดการเรียก

เวลาล่วงเลยไปจนเกือบเย็น จนแล้วจนรอดร่างเล็กก็ยังไม่ได้ให้ของขวัญกับดาราสาวเพราะเธอไม่ยอมห่างจากกองของขวัญที่แฟนๆส่งมาให้เลย ร่างเล็กจึงไม่มีโอกาสที่จะนำของขวัญที่ตนเตรียมมาไปวางปนกับของแฟนคลับคนอื่นๆได้

“เป็นแบบนี้มีหวังไม่ได้ให้แน่ๆเลย” อัญชันนึกในใจ เธอตัดสินใจได้เมื่อคืนว่าจะให้ของขวัญชิ้นนี้ในนามของเท็ดดี้แบร์เพราะมันคงไม่แปลกที่แฟนคลับจะให้ของขวัญกับดาราที่ชื่นชอบ แต่มันคงจะดูแปลกแน่ที่ผู้ช่วยผู้จัดการจะให้ของขวัญวันวาเลนไทน์กับดาราที่ตนดูแล ร่างเล็กเดินครุ่นคิดอยู่ว่าจะหาวิธีให้ของขวัญดาราสาวยังไงดี

“คุณอัญชัน มาทำอะไรอยู่แถวนี้ค่ะ?” เสียงดาราสาวเอ่ยขึ้นเมื่อเดินมาพบเข้ากับร่างเล็ก

“เอ่อคือฉัน....ฉันมาเข้าห้องน้ำนะค่ะ” ร่างเล็กตอบติดอ่างโดยที่ในมือถือกล่องของขวัญอยู่

“เอ๊ะนั่น? ของขวัญของใครหรือค่ะ?” แชวอนเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

“หา? อ่ะ...อันนี้ เอ่อ......ของคุณค่ะ” อัญชันจนมุมจึงไม่รู้จะทำยังไง เลยกลั้นใจยื่นให้กับดาราสาวด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ ลุ้นระทึกว่าดาราสาวจะรับมันหรือเปล่า หากแต่อีกคนกลับยิ้มกว้างและรับมันมาด้วยความดีใจ และเมื่อเปิดออกดูก็พบกับกุหลาบช็อคโกแลตดอกงามอยู่ภายใน

“มันสวยมากเลยค่ะ ขอบคุณนะค่ะ” ร่างบางกล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ทำเอาคนให้ถึงกับเคลิ้ม ก่อนจะเรียกสติกลับมาได้

“แล้วกล่องนั่นเป็นของขวัญของแฟนคลับหรอค่ะ?” ร่างเล็กจึงเอ่ยถามขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่าอีกฝ่ายถือกล่องอยู่ในมืออีกข้าง

“ไม่ใช่หรอกค่ะ อันนี้นะฉัน.....ฉันทำมาให้คุณอัญชันค่ะ!” ร่างบางโพล่งขึ้นก่อนจะยื่นให้อัญชัน ทำให้คนรับตั้งตัวไม่ติด

“เอ๊ะ? ฉะ ฉะ ฉันหรือค่ะ?” ร่างเล็กกล่าวติดอ่างด้วยไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ร่างบางจึงได้แต่พยักหน้าเอียงอาย อัญชันรับกล่องช็อคโกแลตมาด้วยมือที่สั่นเทา เธอค่อยๆเปิดมันออกช้าๆก็พบกับช็อคโกแลตก้อนน้อยน่ารักมากมายเรียงรายอยู่ในกล่อง อัญชันดีใจมากจนพูดไม่ออกได้แต่ยิ้มแก้มปริ ก่อนที่ทั้งคู่จะมองหน้ากันพร้อมกอดของขวัญที่ได้มาอย่างสุดรัก

“เดี๋ยวค่อยให้เท็ดดี้ที่หลังก็ได้มั้ง” แชวอนคิดในใจ


“ค่อยส่งของขวัญในนามเท็ดดี้วันหลังก็ได้มั้ง” อัญชันคิด

วาเลนไทน์แสนหวานที่ปมรสขมนิดๆก็จบลงด้วยความรัก แล้วรสรักของคุณละเป็นอย่างไร ขม หรือ หวาน?